เนื่องจากบัญชี Pantip เขาไม่อนุญาตให้ตั้งกระทู้สนทนา ผมก็เลยขออนุญาตใช้พื้นที่กระทู้คำถามนี้เพื่อบอกเล่าประสบการณ์การขอเบอร์สาวของ ผมนะครับ
ผมอายุ 21 ปี คือเรียนจบแล้วนะครับ
ช่วงเรียนตั้งแต่ประถมจนถึง ม.ต้น ผมเป็นเด็กชายที่ไม่กล้าสู้คน โดนรังแกมาตลอดในระยะเวลาเป็นสิบๆปีที่เรียนสายสามัญมา ผมโดนรังแกตลอดไมว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ทั้งตบทั้งตีผม โดนใช้ให้ลงไปซื้อของทุกๆวันโดนยัดเยียดตำแหน่งไอ้ขี้แพ้ หมาหัวเน่าประจำห้อง ทุกๆอย่างมันเลยซึมซับกลายเป็นตัวตนผมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมจะเป็นคนที่เก็บเงียบมาก สมองช้า พูดติดอ่าง และเวลาจะทำอะไรก็จะคิดเสมอว่าสิ่งที่เราทำไปจะโดนด่าหรือเปล่า มันจะถูกใจคนอื่นหรือป่าว พูดได้เลยว่าตัวตนผมตอนนั้นคืออย่าว่าแต่สาวๆคนแปลกหน้าเลยครับ ขนาดหน้าเพื่อนในห้องบางทียังไม่กล้ามองไม่กล้าทักไม่กล้าคุย ทุกวันนี้เวลานึกถึงสมัยประถมมัธยม ก็ยังจะนึกแต่เรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นเสมอครับ พอจบมาดั่งกับพ้นจากขุมนรกเชียว
จนกระทั่งผมได้ไปเรียน ปวช. ที่สถาบันอาชีวแห่งหนึ่ง บอกได้เลยว่าไม่มีคนแกล้งเลย สังคมดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก เพื่อนๆในห้องมีความเอื้ออาทรต่อกัน มันเลยทำให้ชีวิตผมสมัยเรียนดูชุ่มชื้นมากขึ้น มีความอยากเปิดเทอมเร็วๆ อยากไปโรงเรียน อยากไปเม้ามอยกับเพื่อนๆ แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังไม่มีความกล้าไปจีบสาวอยู่ดีครับ เพราะปมในอดีตปมในใจของผม มันคอยฉุดรั้งเอาไว้ + กับได้รับการปลูกฝังมาจากสังคมด้วยว่าการที่ผู้ชายแปลกหน้าเดินเข้าไปหาผู้หญิงจะทำให้ผู้หญิงกลัวและไม่กล้าคุยกับเรา ต้องหล่อ รวย เท่ ถึงจีบสาวติด ตลอดเวลาที่เรียนอยู่ผมเลยไม่กล้าคุยกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักเลยแม้แต่อยู่วิลัยเดียวกัน นี่คือจุดเริ่มต้น ของการที่ผมเป็นคนขี้อาย และไม่กล้าเข้าไปคุยสาวนะครับ
บอกได้เลยว่าสมัยเรียนผมมีเพื่อนเฉพาะอยู่ห้องเดียวกันเท่านั้น ไม่กล้าคุยกับคนที่ไม่รู้จักเลย ด้วยปมในใจในอดีต
จะกระทั่ง 4 ปีที่แล้ว ผมนั่งครุ่นคิดในใจว่า ในขณะที่เพื่อนๆเราเขามีแฟนจนคบเลิกหลายคนแล้ว ทำไมเรายังไม่มีใครผ่านเข้ามาเป็นแฟนเลย ประกอบกับด้วยความเหงา จีบสาวออนไลน์ก็ไม่เคยติด ผมเลยมานั่งคิดว่าเราจะทำความรู้จักผู้หญิงยังไงดี ปรากฏว่ามียูทูปช่องหนึ่ง พูดถึงมุขเสี่ยวจีบสาว ผมก็เลยเอาไปทำตามซะเลย
A : น้องครับพี่ว่าเราหน้าคล้ายนะครับ
B : คล้ายกันมบ คบกันม้าย ขอเฟสหน่อยครับ (ตอนนั้นขอเบอร์กลัวโดนปฏิเสธเลยขอเฟสแทน)
ผู้หญิงวิ่งหนีเลยครับ หลังจากทำกับคนนั้นคนนี้อีกหลายๆ คนก็โดนปฏิเสธเกือบหมด ไม่ก็ทักเฟสไปก็บล็อค ตอนนั้นผมนอนซมไปหลายวัน เอาเรื่องนี้ไประบายกับคุณแม่ ดันทำให้คุณแม่ทุกข์ใจอีก ผมเลยหยุดการขอเบอร์ไปนานเลยครับ เพราะรู้ว่าผมไม่หล่อไม่รวยเลยโดนสาวๆปฏิเสธกันหมด เวลาเจอสาวๆสวยๆที่น่าทำความรู้จักผมก็เลยปล่อยผ่านไปตลอด เพราะผมไม่หล่อไม่รวยไม่ก้นเหมือนณเดชย์
จนผมได้ประสบอุบัติเหตุได้นอนอยู่บ้านยาว ผมเลยเปิดดูยูทูปเบอร์ช่องหนึ่ง เขาได้กล่าวว่า การทำความรู้จักสาวๆนั้นก็เหมือนการคุยกับคนทั่วๆไป คุยเรื่องทั่วๆไปอย่างเป็นธรรมชาติ พอเธอเริ่มรู้สึกโอเคกับการคุยแล้วค่อยขอเบอร์มา ผมก็เลยคิดว่า เห้ยเราไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย จากนั้นผมจึงเริ่มศึกษาเรื่องพวกนี้นานหลายเดือนผมเลยเริ่มลงสนามจริงๆ ครับ ผลปรากฏว่า ถึงแม้จะรู้ทฤษฏีมากแค่ไหน ตัวตนผมก็ยังเป็นคนที่กลัวโดนปฏิเสธอยู่ดี เดินเข้าไปแบบกล้าๆเกร็งๆ ฝืนตัวตนที่ขี้อายของตัวเองมาก เลยทำให้มีความคิดในหัวต้องทำยังไงถึงไม่โดนด่า โดนปฏิเสธ กูเข้าไปจะโดนสาวด่าไหมวะเนี่ย
กว่าจะเดินเข้าไปคุยได้แต่ละคนขอบอกได้เลยครับ เดินวนตามไปหลายรอบมากกว่าจะคิดได้ว่าคุยเรื่องอะไรดี สุดท้ายก็เดินหนีจากไป ไม่ก็คุยไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก ปฏิเสธตลอดตามเคย ยอมรับบางครั้งผมท้อแท้มากๆ ที่จีบสาวไม่ได้ซักทีแค่ทำความรู้จักสาวๆเองยังทำไม่ได้ แต่ผมไม่ท้อและไม่ถอยครับ หลังจากนั้นผมก็หัดเข้าหาผู้หญิงตลอด โดนปฏิเสธมาก็เยอะแยะ ผมเก็บสาเหตุที่โดนปฏิเสธ ความผิดพลาดตอนเดินเข้าไปคุย ถึงแม้ผมจะกลัวจนขาสั่นผมก็เดินเข้าไปคุยทั้งเป็นแบบนั้นตลอด ถึงแม้ผมต้องฝืนตัวเองจนใจแทบขาดก็ตามผมจะทำมัน
ระยะเวลาผ่านไป 1 ปี 2 ปี 3 ปี จากการที่ผมไม่ย้อท้อต่อข้อจำกัดร่างกายตัวเอง ผมได้เรียนรู้จากการโดนสาวๆปฏิเสธมาโดยตลอด ผมเลยรู้ว่าการที่จะเดินเข้าไปคุยกับสาวแปลกหน้านั้น ผมทำสิ่งที่ผิดพลาดมาตลอดนั่นก็คือ การคิดก่อนว่าจะเดินเข้าไปคุยอะไรดีไม่ให้ผู้หญิงปฏิเสธ (กลัวการโดนปฏิเสธนั้นเอง) เป็นการคุยแบบหวังผลลัพธ์ว่าเธอต้องชอบเรา ผมเลยลองเดินไปคุยโดนที่ไม่คิดอะไรดู ปรากฏว่าผลดีเกินคาดครับ ผู้หญิงเขาตอบรับดีมากๆ เหมือนเขารู้จิตใจผมว่าสิ่งที่ผมหวังคือแค่ทำความรู้จักกับผู้หญิงเท่านั้น ไม่ได้หวังอะไรไปมากกว่านั้น จากนั้นเป็นต้นมาผมเริ่มการเดินเข้าไปทำความรู้จักสาวๆแปลกหน้าที่เดินผ่านไปมา โดยที่ไม่ต้องคิดว่าจะคุยอะไร และไม่แคร์กับการโดนปฏิเสธ บอกเลยว่ามันโล่งใจและสบายใจขึ้นมากเลยครับกับการที่ได้ลงมือทำอะไรซักอย่างแล้วได้ทำมันจริงๆ ถึงแม้ผลลัพธ์จะออกมาไม่ดีแต่อย่างน้อยเราก็ได้ทำ
ผมเริ่มขอเบอร์สาวมาจนถึงทุกวันนี้ จากตอนแรกขอเฟสเพราะกลัวปฏิเสธ มาขอเป็นไลน์ จากไลน์มาขอเบอร์ จนตอนนี้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างๆจากประสบการณ์ข้อผิดพลาดทุกๆอย่างที่ผ่านมาด้วย และผมก็ได้เพื่อนๆสาวๆหลายคนจากการขอเบอร์จากคนแปลกหน้านี่แหละ จนมาทำงานอยู่ กทม. ผมได้ขอเบอร์สาวๆ หลายคน ก็ได้เพื่อนมาเยอะอยู่เหมือนกัน
สิ่งที่ผมเคยเชื่อมาตลอดตั้งแต่เด็กนั้นก็คือ การไปคุยกับผู้หญิงแปลกหน้าจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นกลัว การขอเบอร์สาวแปลกหน้ามันเป็นไปไม่ได้ จนถึงตอนนี้ผมเลยรู้ว่าการเข้าไปคุยกับสาวแปลกหน้านอกจากจะท้าทายแล้ว ยังทำให้ได้เพื่อนใหม่มาอีก เพราะผมคิดว่ามันเป็นไปได้ จนตอนนี้ผมสามารถเดินเข้าไปขอเบอร์ผู้หญิงแทบทุกคนได้แล้ว อาจจะมีกลัวประหม่าบ้างแต่ก็นิดเดียว ซึ่งมันลบล้างความเชื่อเดิมออกไปเลยและมีอีกสิ่งหนึ่งที่ลบล้างความเชื่อเดิมผมนั่นก็คือ การเดินเข้าไปคุยทำความรู้จักกับผู้หญิงแปลกหน้าอย่างสุภาพ ยังน่ากลัวน้อยกว่าการเขียนจดหมายแล้วเอาไปสอดไว้ประตูหน้าห้องเธออีก
นอกเหนือจะได้สังคมใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆแล้ว มันยังช่วยให้ผมมีความมั่นใจในการทำงานอีกด้วย
สรุปแล้วการขอเบอร์สาว ไม่สิขอเรียกว่าการทำความรู้จักผู้หญิงจะดีกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้น มันคือการที่ผู้ชายคนหนึ่งไปพูดคุยแลกเปลี่ยนทำความรู้จักกับผู้หญิง โดยที่เขาไม่หวังอะไร หลายคนเดินไปคุยสาวก็คิดไปแล้วว่าจะเอาไปทำเมีย ทำกิ๊ก ทำเด็ก ซึ่งผมเคยทำแบบนั้นผลลัพธ์ก็โดนปฏิเสธอย่างที่เห็นเพราะผู้หญิงเขารับรู้ได้ถึงความคาดหวัง เวลาผมเดินไปคุยผมคิดว่ามาหาเพื่อนใหม่ และมีความจริงใจอยากทำความรู้จักด้วยใจจริง ถ้ามีความจริงใจที่จะทำความรู้จักกับผู้หญิงมันก็จะไม่ต้องไปคิดว่าจะไปพูดเรื่องอะไรกับผู้หญิง เพราะมันจะออกมาจากหัวเราเอง ทั้งนี้ทั้งนั้นกว่าจะมีวันนี้ได้ ผมต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตที่เคยทำไป บอกได้เลยครับว่า ถ้าคนเราเชื่อว่ามันเป็นไปได้ มันก็เป็นไปได้ กล้าที่จะลงมือทำ อย่ากลัวความผิดพลาด ผิดเป็นครู นำข้อผิดพลาดจำไว้เป็นบทเรียน แล้วเราก็จะรู้ว่าควรเข้าหาสาวๆยังไงเอง
ถ้าผมยังคงเชื่อว่าการคุยกับสาวแปลกหน้าจะทำให้สาวๆกลัวเรา ผมคงไม่มีวันนี้
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ หวังว่าเรื่องนี้คงช่วยคนที่อยากเข้าไปทำความรู้จักสาวๆมีกำลังใจฝึกฝนตัวเองนะครับ
ประสบการณ์การขอเบอร์โทรสาว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันของผม
ผมอายุ 21 ปี คือเรียนจบแล้วนะครับ
ช่วงเรียนตั้งแต่ประถมจนถึง ม.ต้น ผมเป็นเด็กชายที่ไม่กล้าสู้คน โดนรังแกมาตลอดในระยะเวลาเป็นสิบๆปีที่เรียนสายสามัญมา ผมโดนรังแกตลอดไมว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ทั้งตบทั้งตีผม โดนใช้ให้ลงไปซื้อของทุกๆวันโดนยัดเยียดตำแหน่งไอ้ขี้แพ้ หมาหัวเน่าประจำห้อง ทุกๆอย่างมันเลยซึมซับกลายเป็นตัวตนผมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมจะเป็นคนที่เก็บเงียบมาก สมองช้า พูดติดอ่าง และเวลาจะทำอะไรก็จะคิดเสมอว่าสิ่งที่เราทำไปจะโดนด่าหรือเปล่า มันจะถูกใจคนอื่นหรือป่าว พูดได้เลยว่าตัวตนผมตอนนั้นคืออย่าว่าแต่สาวๆคนแปลกหน้าเลยครับ ขนาดหน้าเพื่อนในห้องบางทียังไม่กล้ามองไม่กล้าทักไม่กล้าคุย ทุกวันนี้เวลานึกถึงสมัยประถมมัธยม ก็ยังจะนึกแต่เรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นเสมอครับ พอจบมาดั่งกับพ้นจากขุมนรกเชียว
จนกระทั่งผมได้ไปเรียน ปวช. ที่สถาบันอาชีวแห่งหนึ่ง บอกได้เลยว่าไม่มีคนแกล้งเลย สังคมดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก เพื่อนๆในห้องมีความเอื้ออาทรต่อกัน มันเลยทำให้ชีวิตผมสมัยเรียนดูชุ่มชื้นมากขึ้น มีความอยากเปิดเทอมเร็วๆ อยากไปโรงเรียน อยากไปเม้ามอยกับเพื่อนๆ แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังไม่มีความกล้าไปจีบสาวอยู่ดีครับ เพราะปมในอดีตปมในใจของผม มันคอยฉุดรั้งเอาไว้ + กับได้รับการปลูกฝังมาจากสังคมด้วยว่าการที่ผู้ชายแปลกหน้าเดินเข้าไปหาผู้หญิงจะทำให้ผู้หญิงกลัวและไม่กล้าคุยกับเรา ต้องหล่อ รวย เท่ ถึงจีบสาวติด ตลอดเวลาที่เรียนอยู่ผมเลยไม่กล้าคุยกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักเลยแม้แต่อยู่วิลัยเดียวกัน นี่คือจุดเริ่มต้น ของการที่ผมเป็นคนขี้อาย และไม่กล้าเข้าไปคุยสาวนะครับ
บอกได้เลยว่าสมัยเรียนผมมีเพื่อนเฉพาะอยู่ห้องเดียวกันเท่านั้น ไม่กล้าคุยกับคนที่ไม่รู้จักเลย ด้วยปมในใจในอดีต
จะกระทั่ง 4 ปีที่แล้ว ผมนั่งครุ่นคิดในใจว่า ในขณะที่เพื่อนๆเราเขามีแฟนจนคบเลิกหลายคนแล้ว ทำไมเรายังไม่มีใครผ่านเข้ามาเป็นแฟนเลย ประกอบกับด้วยความเหงา จีบสาวออนไลน์ก็ไม่เคยติด ผมเลยมานั่งคิดว่าเราจะทำความรู้จักผู้หญิงยังไงดี ปรากฏว่ามียูทูปช่องหนึ่ง พูดถึงมุขเสี่ยวจีบสาว ผมก็เลยเอาไปทำตามซะเลย
A : น้องครับพี่ว่าเราหน้าคล้ายนะครับ
B : คล้ายกันมบ คบกันม้าย ขอเฟสหน่อยครับ (ตอนนั้นขอเบอร์กลัวโดนปฏิเสธเลยขอเฟสแทน)
ผู้หญิงวิ่งหนีเลยครับ หลังจากทำกับคนนั้นคนนี้อีกหลายๆ คนก็โดนปฏิเสธเกือบหมด ไม่ก็ทักเฟสไปก็บล็อค ตอนนั้นผมนอนซมไปหลายวัน เอาเรื่องนี้ไประบายกับคุณแม่ ดันทำให้คุณแม่ทุกข์ใจอีก ผมเลยหยุดการขอเบอร์ไปนานเลยครับ เพราะรู้ว่าผมไม่หล่อไม่รวยเลยโดนสาวๆปฏิเสธกันหมด เวลาเจอสาวๆสวยๆที่น่าทำความรู้จักผมก็เลยปล่อยผ่านไปตลอด เพราะผมไม่หล่อไม่รวยไม่ก้นเหมือนณเดชย์
จนผมได้ประสบอุบัติเหตุได้นอนอยู่บ้านยาว ผมเลยเปิดดูยูทูปเบอร์ช่องหนึ่ง เขาได้กล่าวว่า การทำความรู้จักสาวๆนั้นก็เหมือนการคุยกับคนทั่วๆไป คุยเรื่องทั่วๆไปอย่างเป็นธรรมชาติ พอเธอเริ่มรู้สึกโอเคกับการคุยแล้วค่อยขอเบอร์มา ผมก็เลยคิดว่า เห้ยเราไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย จากนั้นผมจึงเริ่มศึกษาเรื่องพวกนี้นานหลายเดือนผมเลยเริ่มลงสนามจริงๆ ครับ ผลปรากฏว่า ถึงแม้จะรู้ทฤษฏีมากแค่ไหน ตัวตนผมก็ยังเป็นคนที่กลัวโดนปฏิเสธอยู่ดี เดินเข้าไปแบบกล้าๆเกร็งๆ ฝืนตัวตนที่ขี้อายของตัวเองมาก เลยทำให้มีความคิดในหัวต้องทำยังไงถึงไม่โดนด่า โดนปฏิเสธ กูเข้าไปจะโดนสาวด่าไหมวะเนี่ย
กว่าจะเดินเข้าไปคุยได้แต่ละคนขอบอกได้เลยครับ เดินวนตามไปหลายรอบมากกว่าจะคิดได้ว่าคุยเรื่องอะไรดี สุดท้ายก็เดินหนีจากไป ไม่ก็คุยไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก ปฏิเสธตลอดตามเคย ยอมรับบางครั้งผมท้อแท้มากๆ ที่จีบสาวไม่ได้ซักทีแค่ทำความรู้จักสาวๆเองยังทำไม่ได้ แต่ผมไม่ท้อและไม่ถอยครับ หลังจากนั้นผมก็หัดเข้าหาผู้หญิงตลอด โดนปฏิเสธมาก็เยอะแยะ ผมเก็บสาเหตุที่โดนปฏิเสธ ความผิดพลาดตอนเดินเข้าไปคุย ถึงแม้ผมจะกลัวจนขาสั่นผมก็เดินเข้าไปคุยทั้งเป็นแบบนั้นตลอด ถึงแม้ผมต้องฝืนตัวเองจนใจแทบขาดก็ตามผมจะทำมัน
ระยะเวลาผ่านไป 1 ปี 2 ปี 3 ปี จากการที่ผมไม่ย้อท้อต่อข้อจำกัดร่างกายตัวเอง ผมได้เรียนรู้จากการโดนสาวๆปฏิเสธมาโดยตลอด ผมเลยรู้ว่าการที่จะเดินเข้าไปคุยกับสาวแปลกหน้านั้น ผมทำสิ่งที่ผิดพลาดมาตลอดนั่นก็คือ การคิดก่อนว่าจะเดินเข้าไปคุยอะไรดีไม่ให้ผู้หญิงปฏิเสธ (กลัวการโดนปฏิเสธนั้นเอง) เป็นการคุยแบบหวังผลลัพธ์ว่าเธอต้องชอบเรา ผมเลยลองเดินไปคุยโดนที่ไม่คิดอะไรดู ปรากฏว่าผลดีเกินคาดครับ ผู้หญิงเขาตอบรับดีมากๆ เหมือนเขารู้จิตใจผมว่าสิ่งที่ผมหวังคือแค่ทำความรู้จักกับผู้หญิงเท่านั้น ไม่ได้หวังอะไรไปมากกว่านั้น จากนั้นเป็นต้นมาผมเริ่มการเดินเข้าไปทำความรู้จักสาวๆแปลกหน้าที่เดินผ่านไปมา โดยที่ไม่ต้องคิดว่าจะคุยอะไร และไม่แคร์กับการโดนปฏิเสธ บอกเลยว่ามันโล่งใจและสบายใจขึ้นมากเลยครับกับการที่ได้ลงมือทำอะไรซักอย่างแล้วได้ทำมันจริงๆ ถึงแม้ผลลัพธ์จะออกมาไม่ดีแต่อย่างน้อยเราก็ได้ทำ
ผมเริ่มขอเบอร์สาวมาจนถึงทุกวันนี้ จากตอนแรกขอเฟสเพราะกลัวปฏิเสธ มาขอเป็นไลน์ จากไลน์มาขอเบอร์ จนตอนนี้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างๆจากประสบการณ์ข้อผิดพลาดทุกๆอย่างที่ผ่านมาด้วย และผมก็ได้เพื่อนๆสาวๆหลายคนจากการขอเบอร์จากคนแปลกหน้านี่แหละ จนมาทำงานอยู่ กทม. ผมได้ขอเบอร์สาวๆ หลายคน ก็ได้เพื่อนมาเยอะอยู่เหมือนกัน
สิ่งที่ผมเคยเชื่อมาตลอดตั้งแต่เด็กนั้นก็คือ การไปคุยกับผู้หญิงแปลกหน้าจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นกลัว การขอเบอร์สาวแปลกหน้ามันเป็นไปไม่ได้ จนถึงตอนนี้ผมเลยรู้ว่าการเข้าไปคุยกับสาวแปลกหน้านอกจากจะท้าทายแล้ว ยังทำให้ได้เพื่อนใหม่มาอีก เพราะผมคิดว่ามันเป็นไปได้ จนตอนนี้ผมสามารถเดินเข้าไปขอเบอร์ผู้หญิงแทบทุกคนได้แล้ว อาจจะมีกลัวประหม่าบ้างแต่ก็นิดเดียว ซึ่งมันลบล้างความเชื่อเดิมออกไปเลยและมีอีกสิ่งหนึ่งที่ลบล้างความเชื่อเดิมผมนั่นก็คือ การเดินเข้าไปคุยทำความรู้จักกับผู้หญิงแปลกหน้าอย่างสุภาพ ยังน่ากลัวน้อยกว่าการเขียนจดหมายแล้วเอาไปสอดไว้ประตูหน้าห้องเธออีก
นอกเหนือจะได้สังคมใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆแล้ว มันยังช่วยให้ผมมีความมั่นใจในการทำงานอีกด้วย
สรุปแล้วการขอเบอร์สาว ไม่สิขอเรียกว่าการทำความรู้จักผู้หญิงจะดีกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้น มันคือการที่ผู้ชายคนหนึ่งไปพูดคุยแลกเปลี่ยนทำความรู้จักกับผู้หญิง โดยที่เขาไม่หวังอะไร หลายคนเดินไปคุยสาวก็คิดไปแล้วว่าจะเอาไปทำเมีย ทำกิ๊ก ทำเด็ก ซึ่งผมเคยทำแบบนั้นผลลัพธ์ก็โดนปฏิเสธอย่างที่เห็นเพราะผู้หญิงเขารับรู้ได้ถึงความคาดหวัง เวลาผมเดินไปคุยผมคิดว่ามาหาเพื่อนใหม่ และมีความจริงใจอยากทำความรู้จักด้วยใจจริง ถ้ามีความจริงใจที่จะทำความรู้จักกับผู้หญิงมันก็จะไม่ต้องไปคิดว่าจะไปพูดเรื่องอะไรกับผู้หญิง เพราะมันจะออกมาจากหัวเราเอง ทั้งนี้ทั้งนั้นกว่าจะมีวันนี้ได้ ผมต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตที่เคยทำไป บอกได้เลยครับว่า ถ้าคนเราเชื่อว่ามันเป็นไปได้ มันก็เป็นไปได้ กล้าที่จะลงมือทำ อย่ากลัวความผิดพลาด ผิดเป็นครู นำข้อผิดพลาดจำไว้เป็นบทเรียน แล้วเราก็จะรู้ว่าควรเข้าหาสาวๆยังไงเอง
ถ้าผมยังคงเชื่อว่าการคุยกับสาวแปลกหน้าจะทำให้สาวๆกลัวเรา ผมคงไม่มีวันนี้
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ หวังว่าเรื่องนี้คงช่วยคนที่อยากเข้าไปทำความรู้จักสาวๆมีกำลังใจฝึกฝนตัวเองนะครับ