👿👿👿 เป็นการกลับมาอย่างสุดยอดของ Zack Snyder ถ้าไม่นับ Justice League ฉบับ #SnyderCut กับหนังซอมบี้ที่ไม่ได้แหวกแนวมากนัก แต่ก็มีประเด็นที่แตกต่างเป็นเอกลักษณ์พอสมควร กับหนังที่เป็น Netflix Original อย่างเรื่องนี้ ที่ตัวนักแสดงผมรู้จักแค่ Dave Bautista คนเดียวเท่านั้น ซึ่งเอาเข้าจริง ขึ้นชื่อว่า Zack Snyder ผมว่าคนดูจะสนใจในฝีมือการกำกับมากกว่าตัวนักแสดงด้วยซ้ำ
👿👿👿 ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาสามารถควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสที่ทำให้คนกลายเป็นซอมบี้ได้สำเร็จ จนเหลือเพียงเมืองลาสเวกัสที่เดียวเท่านั้นที่เป็นเขตกักกันของฝูงซอมบี้ จนกระทั่งวันหนึ่ง สก็อตต์ วอร์ด (เดฟ บอติสตา) อดีตวีรบุรุษสงครามซอมบี้ชาวเวกัสที่ชีวิตพลิกผันจนต้องไปทำงานเป็นพนักงานร้านเบอร์เกอร์ ได้รับข้อเสนอจาก บลาย ทานากะ (ฮิโรยูกิ ซานาดะ) หัวหน้าบ่อนคาสิโน ให้บุกเข้าไปในเขตกักกันเพื่อฉกเงินจำนวน 200 ล้านดอลลาร์ที่เก็บอยู่ในห้องนิรภัยมาให้ได้ ก่อนที่รัฐบาลจะระเบิดเมืองในอีก 32 ชั่วโมงข้างหน้า ถ้าทำสำเร็จเขาจะได้เงินรางวัลที่สามารถพลิกชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือ วอร์ดจึงต้องรวบรวมพรรคพวกและฝ่าฝูง ‘อัลฟ่าซอมบี้’ ที่ทั้งเร็วและฉลาดกว่าเดิมไปให้ได้
👿👿👿
ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดว่าหนังจะมีดีอะไรมากมายหรอกนะครับ เพราะแกนเรื่องมันก็แทบจะไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรเลย แต่พอค่อยๆ ดูไปเรื่อยๆ เหมือน Zack Snyder ใส่ประเด็นที่น่าสนใจเข้ามามากมายจนน่าติดตาม เอาแค่ประเด็นวิวัฒนาการของฝูงซอมบี้ที่อยู่ก็กลายเป็นซอมยี้ที่ฉลาดกว่าเดิม และเหมือนจะมีความรู้สึกนึกคิด ก็น่าสนใจแล้ว แถมดูไปเรื่อยๆ จะมีซอมบี้แปลกๆ ที่เป็นปริศนาโผล่มาให้เห็นอีก อย่างเช่นตัวไซบอร์กซอมบี้ ที่โผล่มาฉากนึงในหนัง ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้มีบทบาทอะไรมากมาย แต่ก็ถือว่าเป็นเซอร์ไพร์สที่อาจจะนำพาไปสู่การเปิดจักรวาลซอมบี้ของ Zack ก็เป็นได้ (ลองไปดูเอาครับ)
👿👿👿
ข้อดีที่เห็นได้ชัดมากๆ คือเรื่องของฉากเลือดสาดที่ไม่ว่าจะเป็นคนที่โดนกัด หรือการฆ่าซอมบี้ หนังทำได้ออกมาดูโหดดิบดีเหลือเกิน น่าจะสาแก่ใจคนชอบหนังแนวนี้ยิ่งนัก เพราะฉากพวกนี้จะมีโผล่มาให้เห็นตลอดทั้งเรื่อง กับอีกเรื่องคืองานภาพที่ค่อนข้างจะดูเป็นแนววินเทจและมีมิติที่แตกต่างชัดเจน ดูเหมือนเรากำลังดูภาพถ่ายที่มีหน้าชัดหลังเบลอของศิลปินตากล้องฝีมือดีคนนึงอยู่ตลอดทั้งเรื่อง เรียกว่า 2 ชั่วโมงนิดๆ เราจะได้เสพย์ภาพสวยๆ เต็มไปหมด
👿👿👿
แต่ด้วยความยาวหนัง 2 ชั่วโมง และประเด็นที่ถูกเอามาใส่ในหนังมันเยอะพอสมควร จุดนี้เลยกลายเป็นจุดด้อยเล็กๆ ของหนังไปด้วย โดยเฉพาะเรื่องประเด็นดราม่าครอบครัวที่ไม่ว่าหนังเรื่องไหนก็ต้องมี เรื่องนี้ก็เน้นเป็นพิเศษ แต่พอเน้นแล้วกลายเป็นว่า หนังไปเน้นมันจนเกินขอบเขตไปนิด เลยทำให้ช่วงที่ดราม่ากันระหว่างพ่อลูกมันดูน่าเบื่อจนเกินไป บวกกับอีกหลายๆ ประเด็นที่หนังจับใส่เข้ามา แต่กลับบดขยี้ประเด็นเหล่านั้นได้ไม่ดีพอจนกลายเป็นเลือนหายไป ซึ่บางประเด็นก็น่าเสียดาย
👿👿👿
แต่เอาเข้าจริง ในสองชั่วโมงเศษๆ ของหนังเรื่องนี้ก็เต็มไปด้วยความบันเทิงที่ Zack Snyder มอบให้คนดูแบบเต็มๆ และก็สนุกซะด้วย เหมือนพี่แกเก็บกดจากการหยุดพักไปพักใหญ่ๆ พอกลับมาก็จัดมาให้แบบเต็มเหนี่ยว ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นการคัมแบ็คที่สมศักดิ์ศรีจริงๆ
พูดคุยกันได้ที่เพจนะครับ >>>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai
[CR] [#Review] Army of the Dead แผนปล้มซอมบี้เดือด - การกลับมาของ Zack Snyder และหนังซอมบี้ 2 ชั่วโมงที่มีประเด็นน่าสนใจเยอะ
👿👿👿 เป็นการกลับมาอย่างสุดยอดของ Zack Snyder ถ้าไม่นับ Justice League ฉบับ #SnyderCut กับหนังซอมบี้ที่ไม่ได้แหวกแนวมากนัก แต่ก็มีประเด็นที่แตกต่างเป็นเอกลักษณ์พอสมควร กับหนังที่เป็น Netflix Original อย่างเรื่องนี้ ที่ตัวนักแสดงผมรู้จักแค่ Dave Bautista คนเดียวเท่านั้น ซึ่งเอาเข้าจริง ขึ้นชื่อว่า Zack Snyder ผมว่าคนดูจะสนใจในฝีมือการกำกับมากกว่าตัวนักแสดงด้วยซ้ำ
👿👿👿 ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาสามารถควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสที่ทำให้คนกลายเป็นซอมบี้ได้สำเร็จ จนเหลือเพียงเมืองลาสเวกัสที่เดียวเท่านั้นที่เป็นเขตกักกันของฝูงซอมบี้ จนกระทั่งวันหนึ่ง สก็อตต์ วอร์ด (เดฟ บอติสตา) อดีตวีรบุรุษสงครามซอมบี้ชาวเวกัสที่ชีวิตพลิกผันจนต้องไปทำงานเป็นพนักงานร้านเบอร์เกอร์ ได้รับข้อเสนอจาก บลาย ทานากะ (ฮิโรยูกิ ซานาดะ) หัวหน้าบ่อนคาสิโน ให้บุกเข้าไปในเขตกักกันเพื่อฉกเงินจำนวน 200 ล้านดอลลาร์ที่เก็บอยู่ในห้องนิรภัยมาให้ได้ ก่อนที่รัฐบาลจะระเบิดเมืองในอีก 32 ชั่วโมงข้างหน้า ถ้าทำสำเร็จเขาจะได้เงินรางวัลที่สามารถพลิกชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือ วอร์ดจึงต้องรวบรวมพรรคพวกและฝ่าฝูง ‘อัลฟ่าซอมบี้’ ที่ทั้งเร็วและฉลาดกว่าเดิมไปให้ได้
👿👿👿
ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดว่าหนังจะมีดีอะไรมากมายหรอกนะครับ เพราะแกนเรื่องมันก็แทบจะไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรเลย แต่พอค่อยๆ ดูไปเรื่อยๆ เหมือน Zack Snyder ใส่ประเด็นที่น่าสนใจเข้ามามากมายจนน่าติดตาม เอาแค่ประเด็นวิวัฒนาการของฝูงซอมบี้ที่อยู่ก็กลายเป็นซอมยี้ที่ฉลาดกว่าเดิม และเหมือนจะมีความรู้สึกนึกคิด ก็น่าสนใจแล้ว แถมดูไปเรื่อยๆ จะมีซอมบี้แปลกๆ ที่เป็นปริศนาโผล่มาให้เห็นอีก อย่างเช่นตัวไซบอร์กซอมบี้ ที่โผล่มาฉากนึงในหนัง ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้มีบทบาทอะไรมากมาย แต่ก็ถือว่าเป็นเซอร์ไพร์สที่อาจจะนำพาไปสู่การเปิดจักรวาลซอมบี้ของ Zack ก็เป็นได้ (ลองไปดูเอาครับ)
👿👿👿
ข้อดีที่เห็นได้ชัดมากๆ คือเรื่องของฉากเลือดสาดที่ไม่ว่าจะเป็นคนที่โดนกัด หรือการฆ่าซอมบี้ หนังทำได้ออกมาดูโหดดิบดีเหลือเกิน น่าจะสาแก่ใจคนชอบหนังแนวนี้ยิ่งนัก เพราะฉากพวกนี้จะมีโผล่มาให้เห็นตลอดทั้งเรื่อง กับอีกเรื่องคืองานภาพที่ค่อนข้างจะดูเป็นแนววินเทจและมีมิติที่แตกต่างชัดเจน ดูเหมือนเรากำลังดูภาพถ่ายที่มีหน้าชัดหลังเบลอของศิลปินตากล้องฝีมือดีคนนึงอยู่ตลอดทั้งเรื่อง เรียกว่า 2 ชั่วโมงนิดๆ เราจะได้เสพย์ภาพสวยๆ เต็มไปหมด
👿👿👿
แต่ด้วยความยาวหนัง 2 ชั่วโมง และประเด็นที่ถูกเอามาใส่ในหนังมันเยอะพอสมควร จุดนี้เลยกลายเป็นจุดด้อยเล็กๆ ของหนังไปด้วย โดยเฉพาะเรื่องประเด็นดราม่าครอบครัวที่ไม่ว่าหนังเรื่องไหนก็ต้องมี เรื่องนี้ก็เน้นเป็นพิเศษ แต่พอเน้นแล้วกลายเป็นว่า หนังไปเน้นมันจนเกินขอบเขตไปนิด เลยทำให้ช่วงที่ดราม่ากันระหว่างพ่อลูกมันดูน่าเบื่อจนเกินไป บวกกับอีกหลายๆ ประเด็นที่หนังจับใส่เข้ามา แต่กลับบดขยี้ประเด็นเหล่านั้นได้ไม่ดีพอจนกลายเป็นเลือนหายไป ซึ่บางประเด็นก็น่าเสียดาย
👿👿👿
แต่เอาเข้าจริง ในสองชั่วโมงเศษๆ ของหนังเรื่องนี้ก็เต็มไปด้วยความบันเทิงที่ Zack Snyder มอบให้คนดูแบบเต็มๆ และก็สนุกซะด้วย เหมือนพี่แกเก็บกดจากการหยุดพักไปพักใหญ่ๆ พอกลับมาก็จัดมาให้แบบเต็มเหนี่ยว ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นการคัมแบ็คที่สมศักดิ์ศรีจริงๆ
พูดคุยกันได้ที่เพจนะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้