ชวนไปเที่ยวประเทศเปรู มีอะไรน่าสนใจบ้าง

"คืนกำไรให้ชีวิต  เพื่อพิชิตความสุขในโลกกว้าง"  ครั้งนี้ เป็นการเที่ยวแบบ  แบ็คแพ็ค เต็มตัวจริง ๆ เป็นทริปที่ยาวนานมากที่สุด  ( 29 เมษา ถึง 27 พ.ค. 58) เหนื่อย ทรหด อดทน สุด ๆ ซึ่งวัยอย่างฉัน (67 ปี) ต้องเหนื่อย และอดทนต่อความลำบากในเรื่องที่อยู่ เรื่องอาหารการกิน การขนสัมภาระต่าง ๆ  มากกว่า คนอื่น ๆ ซึ่งอายุยังน้อยกว่าฉันเป็นสิบ  ยี่สิบ กว่าปี ทั้งนั้น  ถึงจะลำบากยากเข็ญอย่างไรก็ตาม แต่ก็ได้ประสบการณ์ชีวิตอย่างคุ้มค่าจริง ๆ อะไรที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยสัมผัส ก็ได้เจอะเจอครบทุกรสชาติของชีวิต  อิอิ 
            ทริปนี้ เป็นทริป ที่ โกศล มาชวนไป คือ ทริป อเมริกาใต้ แล้วฉันชวนหญิงกับติ่ง แต่ปรากฎว่า เขารับแค่ 10 คน ติ่งเลยอดไป ทริปนี้รวมผู้จัดทริป เป็น 11 คน โดยเป็นแบบทริปกึ่งหารเฉลี่ย คือ ผู้จัดขอค่าบริการจัดทริปคนละ 4000 บาท (ในเรื่องการติดต่อเรื่องตั๋วเครื่องบิน ที่พัก จัดโปรแกรมทัวร์ เป็นต้น) เรามีการติดต่อกันโดยตั้งกลุ่มลายน์ อเมริกาใต้ไว้ คอยส่งข่าวคราวความคืบหน้าของทริป
            และแล้ว  ก็ถึงวันที่เราจะไปผจญภัยกัน ทุกคนในลายน์ดูตื่นเต้นกันมาก  หญิง ให้ติ่งมาส่งที่บ้านฉัน เพื่อนั่งรถที่เหลนฉันจะมารับไปสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะติ่งไปสุวรรณภูมิไม่ถูก  หญิงไม่อยากนั่งแท็กซี่ไป เพราะมีเงินที่จะไปเที่ยวหลายหมื่น 
             วันที่ 28 เม.ย.  ประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง เม้งมารับฉันไปสนามบิน เครื่องจะออกประมาณ  ตีหนึ่งห้าสิบห้านาที  ซึ่งก็ต้องนับเป็นวันที่ 29 นั่นเอง  ไปถึงสนามบิน เพื่อน ๆ ร่วมทริปมาแล้วหลายคนซึ่งเรายังไม่เคยเห็นหน้า  นอกจากรูปในลายน์  ยกเว้นโกศลคนเดียว  บี๋  เป็นคนรับตั๋วเครื่องบินมาให้พวกเราทั้งหมด  เราเจอ น้องนนท์ ซึ่งเดินมาหาพวกเราและเราก็จำหน้ากันได้ เพราะในลายน์มีรูปให้ดู  ทักทายกันแล้ว ก็พากันไปเช็คอิน และเอากระเป๋าไปโหลดกัน  ต่างคนก็ยังใหม่  เลยไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่  ครั้งนี้ที่ไปพร้อมกัน  มี 8 คน คือ ฉัน หญิง โก จิน นนท์ บี๋ ติ๋ม และหลิน  ส่วน ตุ๊ก จะบินจากแวนคูเวอร์พร้อมกับปีเตอร์ ส่วนแป๋ว ซึ่งเป็นหัวหน้าทัวร์ครั้งนี้ จะไปรอรับพวกเรา 8 คน ที่ ลิมา ประเทศเปรู 
            ทริปนี้ โชคดี มีคนเก่งภาษาอังกฤษหลายคน มาช่วยหัวหน้าทัวร์ เช่น น้องนนท์ (หมอ นนทกร) บี๋ และตุ๊ก  
             คืนนี้ เรามาทางเกรด 7  เพื่อขึ้นเครื่องเมื่อถึงเวลา  กว่าเครื่องจะออกก็ตีสองครึ่ง  ต้องใช้เวลาเดินทาง 12 ชั่วโมง  มีอาหารแจกให้ทานบนเครื่องบิน 2 มื้อ นั่งจนก้นเมื่อยไปหมด มาถึงสนามบินอัมสเตอร์ดัม  เป็นเวลา 10.30 น.ของเวลาที่นี่ เวลาในไทย ประมาณบ่ายสามโมงกว่า  น่าจะช้ากว่าไทย ประมาณ 5 โมง นะ พวกเราอยู่ในสนามบินประมาณ 2 ชั่วโมง  ก็ต่อเครื่องบินเป็นสาย  เคเอลเอ็ม เพื่อบินไปที่เมืองลิมา ของประเทศเปรู อีก ประมาณ 13 ชั่วโมง  มาดูรูปที่เราถ่ายกันที่สนามบินอัมสเตอร์ดัม ค่ะ


มาถึงสนามบิน ของเมืองลิมาแล้ว  ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองไม่ยากนัก ถามว่า มาประเทศเขาทำไม  มาอยู่กี่วัน  เท่านั้น หลังพิธีแล้ว พวกเราก็ต้องมารอรับกระเป๋า  น่าสงสารหญิง กระเป๋าไปหลงอยู่ที่อัมสเตอร์ดัม  ต้องไปทำการแจ้ง เพื่อเป็นหลักฐานในการเคลมเรื่องประกัน  คือ  ให้ หาซื้อของใช้ต่าง ๆ แล้วเอาใบเสร็จไปเบิกเมื่อกลับกรุงเทพฯ
              คนขับรถที่แป๋วส่งมารับที่สนามบินมีสองคัน  ชูป้ายให้ทราบว่าใครเป็นผู้ให้มารับ  ใช้ชื่อ มาลัยพร กับจินดา  
              น่าจะประมาณ20 นาทีนะ  ก็ถึง โฮสเทล หรือที่เรียกว่า ดอมส์ ต้องหิ้วกระเป๋าขึ้นบีนไดชั้นสองด้วย  กรรม ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเลยนะเนี่ย  ลีฟก็ไม่มี ทุกคนต้องช่วยตัวเอง  คนแข็งแรงก็หิ้วขึ้นบันไดไปลิ่ว ๆ ฉันสะพายเป้ด้านหลัง 1 ใบ ค่อย ๆ หิ้วกระเป๋าซัมโซไนส์ ที่หนัก ประมาณ 14 กิโล ค่อย ๆ วางขึ้นบันไดทีละขั้น  นี่แหละ  ถึงได้บอกว่า  จะเที่ยวแบบแบ็คแพ็ค ให้มาเมื่ออายุยังไม่มาก  อิอิ  แต่ บุญของฉันยังมีอยู่ หิ้วได้ประมาณ  5-6 ขั้น เจอหนุ่มน้อยน่าจะเป็นชาวจีนหรือคนทางเอเซียนั่นแหละ  เขาเดินลงมาจากชั้นสอง  ตรงเข้ามาช่วยเหลือ หิ้วขึ้นบันไดไปอีกเป็นสิบ ๆ ขั้น ฉันกล่าวขอบคุณเขาอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ  เขาถามฉันว่า  มาจากประเทศไหน  ฉันตอบเขาว่า มาจากประเทศไทย  เขายิ้มกว้างพยักหน้า แล้วลาจากไป  เฮ้อ !  รอดตายไป 1 ครั้ง ฮ่าฮ่า 
           เจอ แป๋ว หัวหน้าทัวร์ อยู่ที่เคาน์เตอร์ พวกเราต้องนำพาสปอร์ตเพื่อลงทะเบียนการเข้าอยู่ในดอมส์นี้ ประมาณ 20 นาทีได้ แล้วเจ้าหน้าที่ก็พาพวกเรากลุ่มละ 2คนบ้าง 3 คนบ้างไปที่ห้อง  เห็นห้องแล้ว ก็ต้องทำใจนะจ๊ะ  ฉันและโกโดนแยกไปที่ห้องที่แป๋วอยู่  เป็นห้องแคบมาก มีเตียงทั้งหมด 6 เตียง  เป็นเตียงสองชั้น แป๋วย้ายขึ้นเตียงบน เพื่อไม่ต้องให้ฉันปีนบันไดขึ้นไป  ส่วนอีก 3 เตียงเป็นฝรั่งผู้ชาย  ในห้องมีตู้เล็ก ๆ ให้เราเก็บของสำคัญ  ทุกคนต้องเตรียมกุญแจมาล็อกเอาเอง  พวกฝรั่งวางของระเกะระกะ เวลาเดินต้องระวังไปเหยียบของของเขาเข้า  กลิ่นก็ไม่พึงประสงค์  นี่แหละละ ที่เขาเรียกว่า ดอมส์  หรือ ที่ฉันเคยเจอที่ฮ่องกงสมัยแรก ๆ เริ่มเที่ยว เรียกว่า เกสเฮาส์  แต่ไม่อึดอัดมากเท่านี้  ได้รสชาติของชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง  ห้องน้ำอยู่ในห้องนอน ต้องรอคิวกันเข้า  โชคดี พวกฝรั่งส่วนใหญ่กลับมาดึก ๆ หรือเช้าเลย  การแย่งเข้าห้องน้ำ จึงมีไม่มากนัก  มาดู   สภาพดอมส์ แห่งแรกซึ่งมีชื่อว่า  Pariwana Backpacker


หลังจากที่เก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ต้องออกไปหาที่แลกเงินเปรู  เรียกว่าเงิน เปโซ ที่เปรูหาที่แลกง่าย  มีการบริการให้แลกตามถนนหนทาง และแต่งเป็นชุดแบบฟอร์มด้วยนะ ให้ราคาดีกว่าตามร้านแลกเงินโดยทั่วไป  แต่พวกเราก็ยังไม่กล้าแลกเงินเยอะนัก  กลัวเงินปลอม  แลกกันคนละ 40 ดอล ก่อน แล้วไปหาข้าวทาน  เป็นร้านอาหารจีน  ฉันสั่งข้าวผัดกินกับหญิง 2 คน เพราะจานใหญ่ กินคนเดียวไม่หมด  มาดูบรรยากาศในร้านอาหารกันค่ะ




แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่