ขอยืมลอคอินน้องมาโพส
ขอแชร์ประสบการณ์และเตือนภัยผู้ใช้รถใช้ถนนใน กทม. ภัยจากรถโม่ปูนเกิดยางระเบิด และรบกวนผู้มีความรู้ช่วยแนะนำวิธีในการเรียกร้องส่วนที่เสียหายที่ประกันไม่ให้เคลม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้รูปสภาพเนื้อยางของรถโม่ปูน ด้านที่ไม่ระเบิด
เหตุเกิดที่บริเวณถนนพระราม 3 เลียบแม่น้ำ เวลาประมาณ 9 โมงเช้า ขณะรถเคลื่อนตัวได้ช้าๆใกล้แยกไฟเขียวไฟแดง เกิดเสียงระเบิดดังลั่น จนหูอื้อและมีนงง ด้านหน้าและด้านข้างรถ มีฝุ่นควันฟุ้งเต็มไปหมด สักพักตั้งสติได้ คิดว่าเสียงมาจากด้านขวามือและเห็นรถบรรทุก10 ล้อโม่ปูนอยู่ข้างหน้าขวามือ เลยคิดว่าน่าจะเป็นอุปกรณ์ของรถโม่ปูนเกิดการระเบิด และได้รีบเปิดประตูรถลงไปดูข้างรถก็ไม่พบมีการบุบเสียหายและรีบกลับมาขึ้นรถเพราะรถมีการเคลื่อนตัว และรีบหยิบโทรศัพท์มือถือทำการถ่ายรูปรถปูน (เคยมีประสบการณ์กล้องหน้ารถมองเห็นทะเบียนไม่ชัด) วันดังกล่าวมีนัดเจาะเลือดเพื่อนำไปตรวจกับคลีนิคแถวถนนตกโดยได้งดอาหารและน้ำตั้งแต่สองทุ่ม
เมื่อถึงหน้าคลีนิคได้ลงไปตรวจดูอีกครั้ง พบมีผงปูนติดเป็นหย่อมๆ หลังจากพบแพทย์เรียบร้อยแล้ว จึงทำการค้นหาว่าบริเวณที่เกิดเหตุขึ้นกับสถานีตำรวจอะไร เมื่อมาถึงสถานีตำรวจก็แจ้งเหตุการณ์ให้ตำรวจทราบพร้อมทั้งกล้องหน้ารถ ตำรวจก็เอาไปเปิดดูในคอมพิวเตอร์ ตำรวจถามว่ารถมีประกันไหม ให้ติดต่อเรียกประกันมาพบ จึงโทรแจ้งบริษัทประกัน เจ้าหน้าที่ประกันมาถึงสน. ตำรวจก็เปิดวีดีโอให้ดู เจ้าหน้าที่ประกันก็เอามือถือมาบันทึกวีดีโอด้วย ดูจบตำรวจถามประกันว่าเห็นไหมรถทะเบียนอะไร ประกันตอบว่าไม่เห็น ประกันก็บอกกับเราว่าอย่างนี้ถือว่าไม่มีคู่กรณี ถ้าจะทำการเคลมถือว่าเป็นฝ่ายผิด เบี้ยประกันในปีต่อไปก็จะถูกปรับให้แพงขึ้น เราเลยบอกตำรวจว่าเราได้เอามือถือถ่ายรูปไว้น่าจะเห็นเลขทะเบียน ตำรวจเลยขอดู แล้วยื่นกระดาษกับปากกาให้ บอกให้เขียนเลขทะเบียนและจังหวัดของรถคู่กรณี เดี๋ยวจะออกหมายเรียกมาให้ เราเขียนได้แต่เลขทะเบียนให้ ตำรวจบอกต้องมีจังหวัดไม่งั้นผมออกหมายเรียกให้คุณไม่ได้
เราก็ขอบคุณทั้งคุณตำรวจและเจ้าหน้าที่ประกัน ที่เราต้องทำให้เสียเวลา จากนั้นเราเลยตามหารถโม่ปูนนั้นต่อไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้และเนื่องจากเรารู้เลขทะเบียนของรถคันดังกล่าวขาดเพียงข้อมูลจังหวัด ทำให้คิดว่าน่าจะหาได้ไม่ยาก วันหลังจากนั้นจึงขับรถวนดูแถวถนนพระราม 3 แวะถาม รปภ.ตามไซด์งานก่อสร้างและให้ดูรูป ก็ได้ข้อมูลที่ดีจาก รปภ. คือรู้บริษัทรถปูนที่เกิดเหตุ และไซด์งานที่ใช้ปูนของบริษัทดังกล่าว แต่ตามไซด์งานต่างๆไม่มีการจดบันทึกทะเบียนรถของรถปูนที่เข้ามาส่ง
เมื่ิอทราบบริษัทรถปูน จึงโทรติดต่อไปที่คอลเซนเตอร์บริษัทปูน เจ้าหน้าที่ให้เพิ่มเพื่อนในไลน์แล้วให้ส่งข้อมูลเข้าไป วันรุ่งขึ้นโบรกเกอร์ประกันของรถปูนโทรเข้ามาหา ขอข้อมูลบริษัทประกันของรถเรา ช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่ประกันของเราโทรเข้ามาแจ้งว่าได้นัดกับประกันของรถปูนเพื่อเข้าไปดูสภาพรถปูนที่เกิดเหตุในช่วงเย็น และแจ้งให้เราส่งรูปส่วนที่ต้องการเคลมให้เค้าด้วย ช่วงเย็นประกันของเราโทรมาแจ้งว่าเรียบร้อยแล้ว และถามต่อว่า ประกันของรถปูนถามว่าอยากจะเคลมอะไรเพิ่มอีกไหม ตอนนั้นฟังก็ถึงกับตกใจว่าบริษัทประกันมีใจกว้างขนาดนี้เลยเหรอหรือลูกค้าคือบริษัทปูนเลยบริการเต็มที่ ตอนนั้นแค่เคลมในส่วนที่เห็นว่าเสียหายได้ ก็ดีใจมากแล้ว เจ้าหน้าที่ประกันส่งใบเคลมให้เราทางไลน์
พอดีประกันใกล้จะครบกำหนด จึงแวะไปสอบถามเบี้ยประกันของปีต่อไป จึงทราบข้อมูลว่าบริษัทประกันจะเปลี่ยนจากชั้น 1ประกันซ่อมห้าง เป็นชั้น 1 ธรรมดาเนื่องจากอายุรถ 12 ปีแล้ว(เราจ่ายเบี้ยประกันตั้งแต่เริ่มต้นสามหมื่นกว่าบาทจนหลังสุดเหลือหมื่นกว่าบาทไม่เคยเคลมเลย รถไม่ค่อยได้ใช้เพิ่งจะครบหนึ่งแสนกิโล) จึงโทรแจ้งประกันเพื่อจะทำการเคลมรอยเล็กๆน้อยๆเพื่อจะได้รีบเข้าไปทำสีก่อนหมดประกันซ่อมห้าง จึงทำให้มาพบรอยที่เป็นรูเล็กๆ ไม่ได้เป็นรอยขูดขีด เจ้าหน้าที่ประกันบอกถ้าจะเคลมต้องเสียค่าแอคเซสชิ้นละหนึ่งพันบาท เราเลยบอกเจ้าหน้าที่ว่าน่าจะเป็นแผลมาจากยางรถปูนระเบิดใส่ เพราะเป็นลักษณะแผลเหมือนกัน เจ้าหน้าที่เลยติดต่อกับเจ้าหน้าที่คนที่รับเคลมตอนยางรถปูนระเบิด โดยจะขอเคลมเพิ่มฝากระโปรงหน้ากับบังโคลนหลัง ซึ่งเจ้าหน้าที่คนก่อนบอกว่าฝากระโปรงน่าจะได้ ส่วนบังโคลนหลังไม่น่าจะได้เพราะอยู่ไกลเกินไป และได้มีการถ่ายรูปส่งไปให้ทางไลน์
3-4 วันจึงมีไลน์ตอบกลับมาให้เคลมเพิ่มเฉพาะฝากระโปรง บังโคลนหลังไม่ผ่าน จากคำพูดของประกัน ว่าบังโคลนหลังอยู่ไกลเกินไป (เคลมครั้งแรกจากกันชนหน้าถึงประตูหน้า) เราจึงได้ไปสำรวจอีกครั้ง จึงพบแผลรูเล็กๆ ที่ล้อแม็กซ์, บันได, ประตูหลัง สรุปคือโดนทุกชิ้นทั้งแถบด้านข้างและด้านหน้ารถถึงหลังคา เราจึงทำเรื่องพร้อมรูปถ่ายส่วนที่เสียหายเพิ่มเติม ส่งผ่านไลน์คอลเซ็นเตอร์ของบริษัทปูนรบกวนให้ช่วยดำเนินการให้ด้วย เกือบสินวันผ่านมา เจ้าหน้าที่บริษัทปูนโทรกลับเข้ามาแจ้งให้ทราบว่า ประกันไม่ให้เคลมเพิ่ม และบริษัทปูนก็ช่วยอะไรไม่ได้
จึงขอแชร์ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นเผื่อเป็นประโยชน์หากประสบเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันกับเรา และรบกวนผู้มีความรู้ช่วยแนะนำวิธีในการเรียกร้องส่วนที่เสียหายที่ประกันไม่ให้เคลม ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาตอบ
ลักษณะของแผลที่เกิดจากปูนและเม็ดทรายที่มีแรงดันจากการระเบิด จะกินเนื้อสีทะลุถึงเนื้อพลาสติกและเหล็ก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หมายเหตุ : ก่อนหน้านี้เคยทำงานที่นิคมกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ขับรถไปกลับกทม.เป็นประจำทุกสัปดาห์ เป็นเวลาหลายปี ซึ่งผ่านช่วงฉะเชิงเทรา ที่มีรถบรรทุกสิบล้อวิ่งกันมากมาย ก็ไม่เคยเห็นกันชน, ฝากระโปรง, กระจกหน้ารถหรือด้านข้างรถ จะมีรอยแผลเหมือนกับเหตุการณ์ครั้งนี้เลย
แชร์ประสบการณ์ภัยจากยางของรถโม่ปูนสิบล้อใน กทม. ระเบิดใส่รถเรา และขอคำแนะนำในส่วนที่เคลมไม่ได้
ขอแชร์ประสบการณ์และเตือนภัยผู้ใช้รถใช้ถนนใน กทม. ภัยจากรถโม่ปูนเกิดยางระเบิด และรบกวนผู้มีความรู้ช่วยแนะนำวิธีในการเรียกร้องส่วนที่เสียหายที่ประกันไม่ให้เคลม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เหตุเกิดที่บริเวณถนนพระราม 3 เลียบแม่น้ำ เวลาประมาณ 9 โมงเช้า ขณะรถเคลื่อนตัวได้ช้าๆใกล้แยกไฟเขียวไฟแดง เกิดเสียงระเบิดดังลั่น จนหูอื้อและมีนงง ด้านหน้าและด้านข้างรถ มีฝุ่นควันฟุ้งเต็มไปหมด สักพักตั้งสติได้ คิดว่าเสียงมาจากด้านขวามือและเห็นรถบรรทุก10 ล้อโม่ปูนอยู่ข้างหน้าขวามือ เลยคิดว่าน่าจะเป็นอุปกรณ์ของรถโม่ปูนเกิดการระเบิด และได้รีบเปิดประตูรถลงไปดูข้างรถก็ไม่พบมีการบุบเสียหายและรีบกลับมาขึ้นรถเพราะรถมีการเคลื่อนตัว และรีบหยิบโทรศัพท์มือถือทำการถ่ายรูปรถปูน (เคยมีประสบการณ์กล้องหน้ารถมองเห็นทะเบียนไม่ชัด) วันดังกล่าวมีนัดเจาะเลือดเพื่อนำไปตรวจกับคลีนิคแถวถนนตกโดยได้งดอาหารและน้ำตั้งแต่สองทุ่ม
เมื่อถึงหน้าคลีนิคได้ลงไปตรวจดูอีกครั้ง พบมีผงปูนติดเป็นหย่อมๆ หลังจากพบแพทย์เรียบร้อยแล้ว จึงทำการค้นหาว่าบริเวณที่เกิดเหตุขึ้นกับสถานีตำรวจอะไร เมื่อมาถึงสถานีตำรวจก็แจ้งเหตุการณ์ให้ตำรวจทราบพร้อมทั้งกล้องหน้ารถ ตำรวจก็เอาไปเปิดดูในคอมพิวเตอร์ ตำรวจถามว่ารถมีประกันไหม ให้ติดต่อเรียกประกันมาพบ จึงโทรแจ้งบริษัทประกัน เจ้าหน้าที่ประกันมาถึงสน. ตำรวจก็เปิดวีดีโอให้ดู เจ้าหน้าที่ประกันก็เอามือถือมาบันทึกวีดีโอด้วย ดูจบตำรวจถามประกันว่าเห็นไหมรถทะเบียนอะไร ประกันตอบว่าไม่เห็น ประกันก็บอกกับเราว่าอย่างนี้ถือว่าไม่มีคู่กรณี ถ้าจะทำการเคลมถือว่าเป็นฝ่ายผิด เบี้ยประกันในปีต่อไปก็จะถูกปรับให้แพงขึ้น เราเลยบอกตำรวจว่าเราได้เอามือถือถ่ายรูปไว้น่าจะเห็นเลขทะเบียน ตำรวจเลยขอดู แล้วยื่นกระดาษกับปากกาให้ บอกให้เขียนเลขทะเบียนและจังหวัดของรถคู่กรณี เดี๋ยวจะออกหมายเรียกมาให้ เราเขียนได้แต่เลขทะเบียนให้ ตำรวจบอกต้องมีจังหวัดไม่งั้นผมออกหมายเรียกให้คุณไม่ได้
เราก็ขอบคุณทั้งคุณตำรวจและเจ้าหน้าที่ประกัน ที่เราต้องทำให้เสียเวลา จากนั้นเราเลยตามหารถโม่ปูนนั้นต่อไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่ิอทราบบริษัทรถปูน จึงโทรติดต่อไปที่คอลเซนเตอร์บริษัทปูน เจ้าหน้าที่ให้เพิ่มเพื่อนในไลน์แล้วให้ส่งข้อมูลเข้าไป วันรุ่งขึ้นโบรกเกอร์ประกันของรถปูนโทรเข้ามาหา ขอข้อมูลบริษัทประกันของรถเรา ช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่ประกันของเราโทรเข้ามาแจ้งว่าได้นัดกับประกันของรถปูนเพื่อเข้าไปดูสภาพรถปูนที่เกิดเหตุในช่วงเย็น และแจ้งให้เราส่งรูปส่วนที่ต้องการเคลมให้เค้าด้วย ช่วงเย็นประกันของเราโทรมาแจ้งว่าเรียบร้อยแล้ว และถามต่อว่า ประกันของรถปูนถามว่าอยากจะเคลมอะไรเพิ่มอีกไหม ตอนนั้นฟังก็ถึงกับตกใจว่าบริษัทประกันมีใจกว้างขนาดนี้เลยเหรอหรือลูกค้าคือบริษัทปูนเลยบริการเต็มที่ ตอนนั้นแค่เคลมในส่วนที่เห็นว่าเสียหายได้ ก็ดีใจมากแล้ว เจ้าหน้าที่ประกันส่งใบเคลมให้เราทางไลน์
พอดีประกันใกล้จะครบกำหนด จึงแวะไปสอบถามเบี้ยประกันของปีต่อไป จึงทราบข้อมูลว่าบริษัทประกันจะเปลี่ยนจากชั้น 1ประกันซ่อมห้าง เป็นชั้น 1 ธรรมดาเนื่องจากอายุรถ 12 ปีแล้ว(เราจ่ายเบี้ยประกันตั้งแต่เริ่มต้นสามหมื่นกว่าบาทจนหลังสุดเหลือหมื่นกว่าบาทไม่เคยเคลมเลย รถไม่ค่อยได้ใช้เพิ่งจะครบหนึ่งแสนกิโล) จึงโทรแจ้งประกันเพื่อจะทำการเคลมรอยเล็กๆน้อยๆเพื่อจะได้รีบเข้าไปทำสีก่อนหมดประกันซ่อมห้าง จึงทำให้มาพบรอยที่เป็นรูเล็กๆ ไม่ได้เป็นรอยขูดขีด เจ้าหน้าที่ประกันบอกถ้าจะเคลมต้องเสียค่าแอคเซสชิ้นละหนึ่งพันบาท เราเลยบอกเจ้าหน้าที่ว่าน่าจะเป็นแผลมาจากยางรถปูนระเบิดใส่ เพราะเป็นลักษณะแผลเหมือนกัน เจ้าหน้าที่เลยติดต่อกับเจ้าหน้าที่คนที่รับเคลมตอนยางรถปูนระเบิด โดยจะขอเคลมเพิ่มฝากระโปรงหน้ากับบังโคลนหลัง ซึ่งเจ้าหน้าที่คนก่อนบอกว่าฝากระโปรงน่าจะได้ ส่วนบังโคลนหลังไม่น่าจะได้เพราะอยู่ไกลเกินไป และได้มีการถ่ายรูปส่งไปให้ทางไลน์
3-4 วันจึงมีไลน์ตอบกลับมาให้เคลมเพิ่มเฉพาะฝากระโปรง บังโคลนหลังไม่ผ่าน จากคำพูดของประกัน ว่าบังโคลนหลังอยู่ไกลเกินไป (เคลมครั้งแรกจากกันชนหน้าถึงประตูหน้า) เราจึงได้ไปสำรวจอีกครั้ง จึงพบแผลรูเล็กๆ ที่ล้อแม็กซ์, บันได, ประตูหลัง สรุปคือโดนทุกชิ้นทั้งแถบด้านข้างและด้านหน้ารถถึงหลังคา เราจึงทำเรื่องพร้อมรูปถ่ายส่วนที่เสียหายเพิ่มเติม ส่งผ่านไลน์คอลเซ็นเตอร์ของบริษัทปูนรบกวนให้ช่วยดำเนินการให้ด้วย เกือบสินวันผ่านมา เจ้าหน้าที่บริษัทปูนโทรกลับเข้ามาแจ้งให้ทราบว่า ประกันไม่ให้เคลมเพิ่ม และบริษัทปูนก็ช่วยอะไรไม่ได้
จึงขอแชร์ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นเผื่อเป็นประโยชน์หากประสบเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันกับเรา และรบกวนผู้มีความรู้ช่วยแนะนำวิธีในการเรียกร้องส่วนที่เสียหายที่ประกันไม่ให้เคลม ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาตอบ
ลักษณะของแผลที่เกิดจากปูนและเม็ดทรายที่มีแรงดันจากการระเบิด จะกินเนื้อสีทะลุถึงเนื้อพลาสติกและเหล็ก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หมายเหตุ : ก่อนหน้านี้เคยทำงานที่นิคมกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ขับรถไปกลับกทม.เป็นประจำทุกสัปดาห์ เป็นเวลาหลายปี ซึ่งผ่านช่วงฉะเชิงเทรา ที่มีรถบรรทุกสิบล้อวิ่งกันมากมาย ก็ไม่เคยเห็นกันชน, ฝากระโปรง, กระจกหน้ารถหรือด้านข้างรถ จะมีรอยแผลเหมือนกับเหตุการณ์ครั้งนี้เลย