ASUS TUF ยังคงเป็นตระกูลที่ต้องบอกว่าได้รับความนิยมอย่างมากทั้งเรื่องของสเปกและราคา จนเรียกได้ว่าของขาดตลาดได้ง่ายมากเนื่องจากหลายๆคนจับตาซื้อคอยกดกันอย่างต่อเนื่องครับแน่นอนว่ารุ่น TUF A15 ตัวนี้เองก็เป็นตัวที่หายากมากๆตัวนึงแต่ครั้งนี้มีของเข้ามากันเยอะขึ้นจับต้องได้ง่ายขึ้นแล้วเลยขอเอามารีวิวกันซักหน่อยครับ ASUS TUF A15 นั้นต้องบอกว่ารุ่นนี้จัดเต็มอย่างมากในเรื่องของ สเปกที่มาพร้อมกับ AMD RYZEN 7 5800H และยังใช้งาน RTX3070 รวมถึงในเรื่องของหน้าจอที่จัดเต็มมาให้ 240Hz พร้อมกับ RAM 16GB ที่ต้องบอกว่าทั้งหมดนี้ในงบราคา 47K เท่านั้น ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงขาดตลาดและหาค่อนข้างยาก เรียกได้ว่าสเปกพร้อมใช้งาน
ASUS TUF GAMING A15 นั้นจริงๆจะมีมาด้วยกันหลากหลายรุ่นครับและแน่นอนว่ามีหลากหลายเรทราคาเหมาะสำหรับคนงบน้อยไปถึงสูงได้ครอบคลุมมาก และตัวนี้จะมาพร้อมกับ CPU AMD RYZEN7 5800H ความเร็ว 3.20 – 4.40GHz โดยเป็นแบบ 8 คอร์ 16 เธรด และใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร และมาด้วยการ์ดจอ RTX 3070 8GB GDDR6 VRAM และมาพร้อมกับ RAM 16GB DDR4 3200MHz เต็มๆครับเป็นแบบ 2 Slot ใส่มาให้ และในเรื่องของ SSD นั้นให้มาที่ PCIe NVMe 1TB M.2 ถือว่าสเปกการใช้งานเน้นๆคุ้มๆครับ และหน้าจอในรุ่นนี้นั้น ให้มาที่ขนาด 15.6″ นิ้ว (16:9) LED-backlit FHD (1920×1080) 240Hz หน้าจอแบบด้าน Anti-Glare IPS-level Panel พร้อมกับ Adaptive Sync พร้อมรองรับมาตรฐานความแข็งแรง MIL-STD-810H ครับ และที่สำคัญนั้นยังคงมีกล้องหน้ามาให้อยู่ รวมถึงทางด้าน Keyboard นั้นเป็นไฟ RGB ปรับเปลี่ยนได้แต่จะเป็นโทนสีเดียวทั้งหมดครับ และ ทางด้านลำโพงนั้นก็ปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วยเช่นกันครับ ถือว่าสเปกยังคงจัดเต็มและมา พร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ได้ประกัน 2 ปี Global Warranty และยังมาพร้อมกับ ประกันอุบัติเหตุ Perfect Warranty 1 ปีแรก + 7-11 droppoint ด้วยเช่นกัน รองรับกว่า1หมื่นสาขาทั่วประเทศ
ASUS TUF A15 FA506QR-AZ001T // AMD RYZEN 7 5800H // RAM 16 GB (8GB X2) DDR4 3200MHz // STORAGE 1 TB PCIe/NVMe M.2 SSD // DISPLAY 15.6″ FULL HD IPS ANTI-GLARE 240Hz // NVIDIA GEFORCE RTX 3070 8 GB GDDR6 เปิดในราคา 46,900 บาท
UNBOX
ทางด้านตัวกล่องนั้นมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของงานออกแบบทั้งหมด ทั้งของรูปทรงตัวกล่องและตัวลวดลายที่ปรับเข้ากับตัวเครื่องมากขึ้นด้วยครับแอบดูดีกว่าเดิมเยอะเลยสมราคามากขึ้น ส่วนอุปกรณ์ในตัวกล่องให้มาพอดี เหมือนทั่วไปครับทั้งเรื่องของ Adaptor ชาร์จไฟ 200W ตัวคู่มือต่างๆ และแน่นอนว่าตัวเครื่องด้วย แต่มีสติกเกอร์มาให้ด้วยครับ อุปกรณ์ต่างๆนั้นเหมือนกับรุ่นก่อนหน้าทั้งหมด แต่จะได้ ADAPTOR 200W มาแทนจากรุ่นเดิมแค่180W
DESIGN
งานออกแบบมีการเปลี่ยนแปลงงานออกแบบครั้งใหญ่ในภายนอกฝาหลังและทั้งหมดของตัวเครื่อง เป็นจุดที่ค่อนข้างชอบมากๆครับเพราะมีความเรียบหรูลงตัวมากกว่าเดิมเยอะมากดูแพงขึ้นเยอะมากครับ เพราะรุ่นก่อนๆเราบ่นไปว่าดีไซน์มันดูเยอะไปในด้านหลังแม้จะดูสายเกมก็จริง แต่บางทีมันเยอะไปหน่อยชอบแบบเรียบๆแต่ดูเท่ๆหน่อย ซึ่งตัวนี้ก็ได้ทำออกมาตอบโจทย์ได้ดีเลยครับ เปลี่ยนแปลงงานออกแบบทั้งหมดฝาหลังสวยพร้อมโลโก้แบบรุ่น F15 แล้วและเปลี่ยนโลโก้ใหม่ ทันสมัยขึ้นรวมถึงมี เขียนชื่อ TUF ไว้ในมุมขวาของฝาหลัง และมีเว้าอะไรรวมถึงออกแบบเหมือนมีน็อต 4 มุมด้วยและตัวเครื่องก็ใช้ฝาหลังแบบเรียบสีด้าน คนละแบบกับส่วนอื่นๆด้วยเช่นกันถือว่าสวยและเรียบง่าย
เมื่อเปิดเข้ามาข้างในนั้นเราจะยังคงเห็นการออกแบบที่คล้ายๆตัวเดิมอยู่บ้างในส่วนของที่วางมือและลวดลายตรงส่วนนั้นครับ จริงๆทำเรียบไปก็ดูดีอีกแบบเหมือนกันแต่ก็อาจจะเป็นการออกแบบที่คงเอกลัษณ์ของตระกูลนี้อีกทางนึงครับ และขอบจออะไรบางขึ้น การออกแบบอะไรขนาดเครื่องกระชับมากขึ้น แป้นพิมพ์สุดขอบมากกว่าเดิมด้วยเช่นกันครับ ส่วนวัสดุอะไรพวกนี้รู้สึกดีกว่าเดิมแน่นแข็งแรงมากขึ้นในระดับของมัน และฝาหลังสวยขึ้นเยอะมากๆเรียบสวยลงตัว
ขอบหน้าจอรุ่นนี้มีความบางอะไรไม่หนีจากเดิมแต่รูปทรงงานออกแบบขอบหน้าจอการตัดมุมอะไรนั้นมีความเล็กลงกว่าเดิมด้วยเช่นกัน ทางด้านกล้องหน้านั้นยังคงมีมาให้ไม่ได้ตัดออกไปไหนส่วนข้างในยังคงมีโลโก้ ASUS อยู่ครบ
งานออกแบบฝาตัวเครื่องนั้นเป็นการใช้งานวัสดุโลหะสีเทาด้านทั้งหมดจะเห็นว่ามีความเรียบไม่มีส่วนนูนหรือโลโก้แบบรุ่นก่อนๆแล้ว แต่จะเป็นการยิงเลเซอร์โลโก้ในมุมขวาบนที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด มีความเหลี่ยมสันมากขึ้นจากเดิมครับ และทางด้านชื่อรุ่นนั้นจะเป็น TUF ตัวอักษรเหลี่ยมแบบชัดเจนมากขึ้นถือว่างานดีไซน์ทั้งหมดดูดีขึ้นและจะเห็นว่าจะมีความคล้ายตระกูล ROG แต่จะแตกต่างกันในเรื่องของเส้นสายและโลโก้เท่านั้นเรียกได้ว่า TUF ยกระดับ
ฝาหลังมีการออกแบบเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดมีการเจาะรูคล้ายรังผึ้งด้วยเช่นกัน และลวดลายอะไรเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดดูสวยงามขึ้นเยอะเลยแหละ ส่วนช่องระบายมีมาให้พอประมาณแต่จริงๆน่าจะเจาะได้เยอะกว่านี้ครับแอบดูน้อยไปหน่อย ส่วนทางด้านในนั้น Layout เหมือนกับรุ่นก่อนเป๊ะๆเลยไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างภายในเท่าไรนักครับ ทั้ง พัดลม 2 ตัว ระบายได้ 3 ทิศทาง พร้อม Heat pipe 4 เส้นวางตำแหน่งเดิม รวมถึง ช่องใส่ M.2 ให้มา 2 ช่อง ว่าง 1 และ RAM 2 Slot ใส่มาเต็ม 16GB และพื้นที่ว่างสำหรับใส่ SATA SSD ได้ด้วยครับถือว่ารองรับการอัพเกรดได้สบาย
ในส่วนของขาพับอะไรต่างๆนั้นดูแข็งแรงขึ้นและวัสดุอะไรนั้นแอบคล้ายๆเดิมครับ มีการเล่นลวดลายของตัวเครื่องที่แตกต่างกันเหมือนเดิมไม่ใช่วัสดุแบบเรียบๆสีดำครับ ก็ทำให้ดูมีอะไรมากขึ้นส่วนวัสดุความรู้สึกยังคงเป็นพลาสติกเยอะหน่อยในรุ่นนี้ครับ ส่วนการระบายตรงกลางนั้นยังมีมาให้เหมือนกันครับ สำหรับดูดอากาศเข้าเครื่อง และมีบอกไฟสถานะรวมถึงเขียนชื่อรุ่นมาให้ และตรงหน้าจอก็เว้าสำหรับการระบายอากาศได้เหมือนรุ่นอื่นๆของค่ายนี้เลยครับ
ในส่วนของช่องระบายอากาศนั้นจะเห็นว่าตัวช่องระบายอากาศนั้นเปลี่ยนงานออกแบบใหม่ทั้งหมดเล่นลวดลายอะไรสวยงามขึ้นดูดีขึ้นเยอะมาก และแน่นอนว่ามีทั้ง 2 ฝั่งเช่นเดิมและมีเพิ่มฝั่งขวาตัวเครื่องมาด้วย ระบาย 3 ทิศทางครับ แต่แอบชอบการออกแบบตรงนี้มากๆเลยดูดีกว่าเดิมเยอะครับ ส่วนตรงกลางก็ดูดีถือว่าทีมออกแบบครั้งนี้ทำได้ดีครับ
SPEC
- AMD Ryzen™ 7 5800H Processor 3.2 GHz (16M Cache, up to 4.4 GHz)
- ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home
- DDR4 3200MHz SDRAM, 2 x SO-DIMM socket 16 GB SDRAM, Dual-channel
- การแสดงผล 15.6 นิ้ว,FHD (1920 x 1080) 16:9,anti-glare display,sRGB:ใช่ x 1,sRGB:100.00%,Adobe:75.35%,Refresh Rate:240Hz,IPS-level, Adaptive Sync
- กราฟิก NVIDIA® GeForce RTX™ 3070 Laptop GPU,ใช่ x 1,With Dynamic Boost up to 1510MHz at 90W (95W with Dynamic Boost),8GB GDDR6
- สตอเรจ Solid state drive: 1TB PCIe® Gen3 SSD
- คีย์บอร์ด Chiclet keyboard with isolated numpad key + RGB
- WebCam HD 720p CMOS module
- Bluetooth Wi-Fi 6(802.11ax)+Bluetooth 5.2 (Dual band) 2*2;
- อินเตอร์เฟส
1 x COMBO audio jack
2 x Type-A USB 3.2 (Gen 1)
1 x Type-C USB 3.2 (Gen 2) with display supportDP1.4
1 x Type-A USB2.0
1 x RJ45 LAN jack for LAN insert
1 x HDMI, HDMI support 2.0b
1 x AC adapter plug
- ออดิโอ DTS:X® Ultra
- แบตเตอรี่ 90Wh lithium-polymer battery Battery
- ขนาด NB: 35.9 x 25.6 x 2.49 ~2.47 cm (WxDxH) น้ำหนัก NB:2.3 kg
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพในรุ่นนี้เด่นๆเลยคือเจ้า CPU ตัวใหม่ที่ได้ใช้งาน AMD Ryzen 5000 Series มากับเจ้า AMD Ryzen 7 5800H ขนาด 7nm 3.2-4.4 GHz 8 Core/16 Thread L3 Cache 12MB แน่นอนว่าด้วยเทคโนโลยีการผลิตอะไรทั้งหลายทำให้มันทำได้ดีมากๆในส่วนนี้ และ ส่วนการ์ดจอ นั้นยังคงใช้งานของ NVIDIA GeForce RTX 3060 มาพร้อมกับ 8GB GDDR6 และทางด้าน Ram ให้มา 16GB DDR4 bus 3200 2 ช่องใส่มาเต็มครับ รองรับได้ 32GB สูงสุดนั้นเองครับ ส่วน SSD 1TB PCIe® Gen3 SSD M.2 ให้มาเรียบร้อยและ มีช่องว่างโล่งๆ 1 ช่องสำหรับใส่เพิ่มได้เลย และมาพร้อมกับ Windows 10 เรียบร้อยพร้อมใช้ทันที
PC MARK
คะแนนไปได้ค่อนข้างสูงมากๆแน่นอนว่าตัว 4800H ก็ถือว่าแรงพอสมควรแล้วนะ แต่ตัวนี้ทำไปได้ 6516 คะแนน มากกว่าคู่แข่งและรุ่นก่อนหน้าแบบชัดเจน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆ ส่วนในการทดสอบนั้นเป็นอุณหภูมิปกติ เช่นเดิมไม่ได้เปิดแอร์ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ 6,700 คะแนนครับ แน่นอนว่าถ้าเทียบกับ 4800HS ตัวนั้นจะยังคงทำได้แตะ 5000 ครับประมาณก็เป็นจุดที่ยังคงมีความแตกต่างกันอยู่กันแบบชัดเจนเลยนะถือว่าพัฒนาขึ้นหลายเท่าตัวมากๆ และส่งผลในแง่ของการใช้งานจริง รวมถึงความร้อนยังคุมได้ดีไม่แตะ 90 อย่างใดในการทดสอบ
[SR] รีวิว ASUS TUF A15 ตัวแรง RYZEN 7 5800H + RTX 3070 พร้อมหน้าจอ 240Hz !
ASUS TUF ยังคงเป็นตระกูลที่ต้องบอกว่าได้รับความนิยมอย่างมากทั้งเรื่องของสเปกและราคา จนเรียกได้ว่าของขาดตลาดได้ง่ายมากเนื่องจากหลายๆคนจับตาซื้อคอยกดกันอย่างต่อเนื่องครับแน่นอนว่ารุ่น TUF A15 ตัวนี้เองก็เป็นตัวที่หายากมากๆตัวนึงแต่ครั้งนี้มีของเข้ามากันเยอะขึ้นจับต้องได้ง่ายขึ้นแล้วเลยขอเอามารีวิวกันซักหน่อยครับ ASUS TUF A15 นั้นต้องบอกว่ารุ่นนี้จัดเต็มอย่างมากในเรื่องของ สเปกที่มาพร้อมกับ AMD RYZEN 7 5800H และยังใช้งาน RTX3070 รวมถึงในเรื่องของหน้าจอที่จัดเต็มมาให้ 240Hz พร้อมกับ RAM 16GB ที่ต้องบอกว่าทั้งหมดนี้ในงบราคา 47K เท่านั้น ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงขาดตลาดและหาค่อนข้างยาก เรียกได้ว่าสเปกพร้อมใช้งาน
ASUS TUF GAMING A15 นั้นจริงๆจะมีมาด้วยกันหลากหลายรุ่นครับและแน่นอนว่ามีหลากหลายเรทราคาเหมาะสำหรับคนงบน้อยไปถึงสูงได้ครอบคลุมมาก และตัวนี้จะมาพร้อมกับ CPU AMD RYZEN7 5800H ความเร็ว 3.20 – 4.40GHz โดยเป็นแบบ 8 คอร์ 16 เธรด และใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร และมาด้วยการ์ดจอ RTX 3070 8GB GDDR6 VRAM และมาพร้อมกับ RAM 16GB DDR4 3200MHz เต็มๆครับเป็นแบบ 2 Slot ใส่มาให้ และในเรื่องของ SSD นั้นให้มาที่ PCIe NVMe 1TB M.2 ถือว่าสเปกการใช้งานเน้นๆคุ้มๆครับ และหน้าจอในรุ่นนี้นั้น ให้มาที่ขนาด 15.6″ นิ้ว (16:9) LED-backlit FHD (1920×1080) 240Hz หน้าจอแบบด้าน Anti-Glare IPS-level Panel พร้อมกับ Adaptive Sync พร้อมรองรับมาตรฐานความแข็งแรง MIL-STD-810H ครับ และที่สำคัญนั้นยังคงมีกล้องหน้ามาให้อยู่ รวมถึงทางด้าน Keyboard นั้นเป็นไฟ RGB ปรับเปลี่ยนได้แต่จะเป็นโทนสีเดียวทั้งหมดครับ และ ทางด้านลำโพงนั้นก็ปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วยเช่นกันครับ ถือว่าสเปกยังคงจัดเต็มและมา พร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ได้ประกัน 2 ปี Global Warranty และยังมาพร้อมกับ ประกันอุบัติเหตุ Perfect Warranty 1 ปีแรก + 7-11 droppoint ด้วยเช่นกัน รองรับกว่า1หมื่นสาขาทั่วประเทศ
ASUS TUF A15 FA506QR-AZ001T // AMD RYZEN 7 5800H // RAM 16 GB (8GB X2) DDR4 3200MHz // STORAGE 1 TB PCIe/NVMe M.2 SSD // DISPLAY 15.6″ FULL HD IPS ANTI-GLARE 240Hz // NVIDIA GEFORCE RTX 3070 8 GB GDDR6 เปิดในราคา 46,900 บาท
UNBOX
ทางด้านตัวกล่องนั้นมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของงานออกแบบทั้งหมด ทั้งของรูปทรงตัวกล่องและตัวลวดลายที่ปรับเข้ากับตัวเครื่องมากขึ้นด้วยครับแอบดูดีกว่าเดิมเยอะเลยสมราคามากขึ้น ส่วนอุปกรณ์ในตัวกล่องให้มาพอดี เหมือนทั่วไปครับทั้งเรื่องของ Adaptor ชาร์จไฟ 200W ตัวคู่มือต่างๆ และแน่นอนว่าตัวเครื่องด้วย แต่มีสติกเกอร์มาให้ด้วยครับ อุปกรณ์ต่างๆนั้นเหมือนกับรุ่นก่อนหน้าทั้งหมด แต่จะได้ ADAPTOR 200W มาแทนจากรุ่นเดิมแค่180W
DESIGN
งานออกแบบมีการเปลี่ยนแปลงงานออกแบบครั้งใหญ่ในภายนอกฝาหลังและทั้งหมดของตัวเครื่อง เป็นจุดที่ค่อนข้างชอบมากๆครับเพราะมีความเรียบหรูลงตัวมากกว่าเดิมเยอะมากดูแพงขึ้นเยอะมากครับ เพราะรุ่นก่อนๆเราบ่นไปว่าดีไซน์มันดูเยอะไปในด้านหลังแม้จะดูสายเกมก็จริง แต่บางทีมันเยอะไปหน่อยชอบแบบเรียบๆแต่ดูเท่ๆหน่อย ซึ่งตัวนี้ก็ได้ทำออกมาตอบโจทย์ได้ดีเลยครับ เปลี่ยนแปลงงานออกแบบทั้งหมดฝาหลังสวยพร้อมโลโก้แบบรุ่น F15 แล้วและเปลี่ยนโลโก้ใหม่ ทันสมัยขึ้นรวมถึงมี เขียนชื่อ TUF ไว้ในมุมขวาของฝาหลัง และมีเว้าอะไรรวมถึงออกแบบเหมือนมีน็อต 4 มุมด้วยและตัวเครื่องก็ใช้ฝาหลังแบบเรียบสีด้าน คนละแบบกับส่วนอื่นๆด้วยเช่นกันถือว่าสวยและเรียบง่าย
เมื่อเปิดเข้ามาข้างในนั้นเราจะยังคงเห็นการออกแบบที่คล้ายๆตัวเดิมอยู่บ้างในส่วนของที่วางมือและลวดลายตรงส่วนนั้นครับ จริงๆทำเรียบไปก็ดูดีอีกแบบเหมือนกันแต่ก็อาจจะเป็นการออกแบบที่คงเอกลัษณ์ของตระกูลนี้อีกทางนึงครับ และขอบจออะไรบางขึ้น การออกแบบอะไรขนาดเครื่องกระชับมากขึ้น แป้นพิมพ์สุดขอบมากกว่าเดิมด้วยเช่นกันครับ ส่วนวัสดุอะไรพวกนี้รู้สึกดีกว่าเดิมแน่นแข็งแรงมากขึ้นในระดับของมัน และฝาหลังสวยขึ้นเยอะมากๆเรียบสวยลงตัว
ขอบหน้าจอรุ่นนี้มีความบางอะไรไม่หนีจากเดิมแต่รูปทรงงานออกแบบขอบหน้าจอการตัดมุมอะไรนั้นมีความเล็กลงกว่าเดิมด้วยเช่นกัน ทางด้านกล้องหน้านั้นยังคงมีมาให้ไม่ได้ตัดออกไปไหนส่วนข้างในยังคงมีโลโก้ ASUS อยู่ครบ
งานออกแบบฝาตัวเครื่องนั้นเป็นการใช้งานวัสดุโลหะสีเทาด้านทั้งหมดจะเห็นว่ามีความเรียบไม่มีส่วนนูนหรือโลโก้แบบรุ่นก่อนๆแล้ว แต่จะเป็นการยิงเลเซอร์โลโก้ในมุมขวาบนที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด มีความเหลี่ยมสันมากขึ้นจากเดิมครับ และทางด้านชื่อรุ่นนั้นจะเป็น TUF ตัวอักษรเหลี่ยมแบบชัดเจนมากขึ้นถือว่างานดีไซน์ทั้งหมดดูดีขึ้นและจะเห็นว่าจะมีความคล้ายตระกูล ROG แต่จะแตกต่างกันในเรื่องของเส้นสายและโลโก้เท่านั้นเรียกได้ว่า TUF ยกระดับ
ฝาหลังมีการออกแบบเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดมีการเจาะรูคล้ายรังผึ้งด้วยเช่นกัน และลวดลายอะไรเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดดูสวยงามขึ้นเยอะเลยแหละ ส่วนช่องระบายมีมาให้พอประมาณแต่จริงๆน่าจะเจาะได้เยอะกว่านี้ครับแอบดูน้อยไปหน่อย ส่วนทางด้านในนั้น Layout เหมือนกับรุ่นก่อนเป๊ะๆเลยไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างภายในเท่าไรนักครับ ทั้ง พัดลม 2 ตัว ระบายได้ 3 ทิศทาง พร้อม Heat pipe 4 เส้นวางตำแหน่งเดิม รวมถึง ช่องใส่ M.2 ให้มา 2 ช่อง ว่าง 1 และ RAM 2 Slot ใส่มาเต็ม 16GB และพื้นที่ว่างสำหรับใส่ SATA SSD ได้ด้วยครับถือว่ารองรับการอัพเกรดได้สบาย
ในส่วนของขาพับอะไรต่างๆนั้นดูแข็งแรงขึ้นและวัสดุอะไรนั้นแอบคล้ายๆเดิมครับ มีการเล่นลวดลายของตัวเครื่องที่แตกต่างกันเหมือนเดิมไม่ใช่วัสดุแบบเรียบๆสีดำครับ ก็ทำให้ดูมีอะไรมากขึ้นส่วนวัสดุความรู้สึกยังคงเป็นพลาสติกเยอะหน่อยในรุ่นนี้ครับ ส่วนการระบายตรงกลางนั้นยังมีมาให้เหมือนกันครับ สำหรับดูดอากาศเข้าเครื่อง และมีบอกไฟสถานะรวมถึงเขียนชื่อรุ่นมาให้ และตรงหน้าจอก็เว้าสำหรับการระบายอากาศได้เหมือนรุ่นอื่นๆของค่ายนี้เลยครับ
ในส่วนของช่องระบายอากาศนั้นจะเห็นว่าตัวช่องระบายอากาศนั้นเปลี่ยนงานออกแบบใหม่ทั้งหมดเล่นลวดลายอะไรสวยงามขึ้นดูดีขึ้นเยอะมาก และแน่นอนว่ามีทั้ง 2 ฝั่งเช่นเดิมและมีเพิ่มฝั่งขวาตัวเครื่องมาด้วย ระบาย 3 ทิศทางครับ แต่แอบชอบการออกแบบตรงนี้มากๆเลยดูดีกว่าเดิมเยอะครับ ส่วนตรงกลางก็ดูดีถือว่าทีมออกแบบครั้งนี้ทำได้ดีครับ
SPEC
- AMD Ryzen™ 7 5800H Processor 3.2 GHz (16M Cache, up to 4.4 GHz)
- ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home
- DDR4 3200MHz SDRAM, 2 x SO-DIMM socket 16 GB SDRAM, Dual-channel
- การแสดงผล 15.6 นิ้ว,FHD (1920 x 1080) 16:9,anti-glare display,sRGB:ใช่ x 1,sRGB:100.00%,Adobe:75.35%,Refresh Rate:240Hz,IPS-level, Adaptive Sync
- กราฟิก NVIDIA® GeForce RTX™ 3070 Laptop GPU,ใช่ x 1,With Dynamic Boost up to 1510MHz at 90W (95W with Dynamic Boost),8GB GDDR6
- สตอเรจ Solid state drive: 1TB PCIe® Gen3 SSD
- คีย์บอร์ด Chiclet keyboard with isolated numpad key + RGB
- WebCam HD 720p CMOS module
- Bluetooth Wi-Fi 6(802.11ax)+Bluetooth 5.2 (Dual band) 2*2;
- อินเตอร์เฟส
1 x COMBO audio jack
2 x Type-A USB 3.2 (Gen 1)
1 x Type-C USB 3.2 (Gen 2) with display supportDP1.4
1 x Type-A USB2.0
1 x RJ45 LAN jack for LAN insert
1 x HDMI, HDMI support 2.0b
1 x AC adapter plug
- ออดิโอ DTS:X® Ultra
- แบตเตอรี่ 90Wh lithium-polymer battery Battery
- ขนาด NB: 35.9 x 25.6 x 2.49 ~2.47 cm (WxDxH) น้ำหนัก NB:2.3 kg
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพในรุ่นนี้เด่นๆเลยคือเจ้า CPU ตัวใหม่ที่ได้ใช้งาน AMD Ryzen 5000 Series มากับเจ้า AMD Ryzen 7 5800H ขนาด 7nm 3.2-4.4 GHz 8 Core/16 Thread L3 Cache 12MB แน่นอนว่าด้วยเทคโนโลยีการผลิตอะไรทั้งหลายทำให้มันทำได้ดีมากๆในส่วนนี้ และ ส่วนการ์ดจอ นั้นยังคงใช้งานของ NVIDIA GeForce RTX 3060 มาพร้อมกับ 8GB GDDR6 และทางด้าน Ram ให้มา 16GB DDR4 bus 3200 2 ช่องใส่มาเต็มครับ รองรับได้ 32GB สูงสุดนั้นเองครับ ส่วน SSD 1TB PCIe® Gen3 SSD M.2 ให้มาเรียบร้อยและ มีช่องว่างโล่งๆ 1 ช่องสำหรับใส่เพิ่มได้เลย และมาพร้อมกับ Windows 10 เรียบร้อยพร้อมใช้ทันที
PC MARK
คะแนนไปได้ค่อนข้างสูงมากๆแน่นอนว่าตัว 4800H ก็ถือว่าแรงพอสมควรแล้วนะ แต่ตัวนี้ทำไปได้ 6516 คะแนน มากกว่าคู่แข่งและรุ่นก่อนหน้าแบบชัดเจน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆ ส่วนในการทดสอบนั้นเป็นอุณหภูมิปกติ เช่นเดิมไม่ได้เปิดแอร์ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ 6,700 คะแนนครับ แน่นอนว่าถ้าเทียบกับ 4800HS ตัวนั้นจะยังคงทำได้แตะ 5000 ครับประมาณก็เป็นจุดที่ยังคงมีความแตกต่างกันอยู่กันแบบชัดเจนเลยนะถือว่าพัฒนาขึ้นหลายเท่าตัวมากๆ และส่งผลในแง่ของการใช้งานจริง รวมถึงความร้อนยังคุมได้ดีไม่แตะ 90 อย่างใดในการทดสอบ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้