ออกตัวก่อนครับว่า ตอนนี้ผมเป็นผู้ที่เชื่อในการมีอยู่ของนรก สวรรค์ พรหม เทพ เทวดา มากครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่กี่คืนที่ผ่านมา ผมได้ขออำนาจบารมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมเด็จองค์ปฐม เพื่อขอลงไปดูนรกขุม ๑ ท่านก็ให้ผมไปจริงๆ ครับ มันเป็นภาพทิพจักขุญาณที่ชัดมาก และยังไม่รวมที่ผมก็เริ่มมีสัมผัสพิเศษมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แต่ผมยังไม่มีทิพจักขุญาณนะครับ คิดว่าสมเด็จองค์ปฐมท่านคงมาโปรดเพื่อให้ผมได้เห็นการมีอยู่จริงของนรก ไม่ว่ากันสำหรับท่านที่ไม่เชื่อและคิดว่าเป็นอุปทานครับ
ผมจึงขออนุญาติสอบถามท่านที่มีความเชื่อคล้ายๆ กันกับผมนะครับ เกี่ยวกับเรื่องอายุขัยของ พรหม เทพ เทวดา ครับ โดยผมขอยกตัวอย่างถึงเทวดาชั้นจาตุมฯ ซึ่งอายุขัยคือ ๑ วันเท่ากับ ๕๐ ปีมนุษย์ เทวดาองค์หนึ่งจะสามารถเสวยสุขบนนั้นได้นานถึง ๕๐๐ ปีทิพย์ หรือประมาณ ๙ ล้านปีมนุษย์
ผมสงสัยครับว่า ในอีก ๙ ล้านปีข้างหน้า จะยังมีอารยธรรมมนุษย์บนโลกนี้หลงเหลือให้กลับมาเกิดเพื่อชดใช้กรรมสร้างบุญและบาปกันอีกไหมครับ?
ถ้ามี ในกาลข้างหน้าอันยาวไกลนั้น มนุษย์คงมีความก้าวหน้าในเทคโนโลยีอย่างมหาศาลไปมากแล้ว และคงไม่ได้อยู่ที่โลกใบนี้ หรือโลกใบนี้อาจจะแตกดับไปแล้วด้วยปัจจัยบางอย่าง หรือผสานเข้ากับร่างกายของปัญญาประดิษฐ์และดำรงชีวิตเป็นอมตะไปทั่วจักรวาล หรืออาจจะไม่มีมนุษยชาติหลงเหลืออีกแล้ว พูดถึงอายุขัยของเทวดา และพรหม อายุขัยของเทวดาที่อยู่ชั้นสูงๆ ดูเหมือนว่าอาจจะมากกว่าอายุของโลกใบนี้เสสียอีก เช่น ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี ที่มีอายุ ๙ พันกว่าล้านปี โลกยังไม่ถือกำเนิดขึ้นมาเลย ส่วนอายุของพรหมนับกันเป็นกัป และในนรกบางขุม นั้น ๑ วันเท่ากับ ๙ ล้านปีมนุษย์ ถ้ารับโทษไป ๕๐๐ ปี โลกใบนี้คงไม่เหลือให้เกิดมาสร้างบุญแล้ว ระยะเวลาที่พระพุทธเจ้าสมณโคดมท่านทรงบำเพ็ญเพียรก็มากถึงแสนมหากัปกับอีก ๔ อสงไขย อายุมากกว่าจักรวาลที่ประมาณกันเสียอีก ยังไม่พูดถึงสมเด็จองค์ปฐมที่ท่านบำเพ็ญเพียรมานานถึง ๘๐ อสงไขย และพระพุทธเจ้าที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นมีมากดั่งเม็ดทรายในมหาสมุทร
ดั้งนั้นผมคิดว่า ศาสนาพุทธและความรู้เกี่ยวกับฌานสมาบัตินั้นมีอายุอานามมายาวนานกว่าอายุขัยของจักรวาลหลายล้านๆๆ เท่า ซึ่งหมายความว่าจักรวาลมีการแตกดับมานับครั้งไม่ถ้วนจนมิอาจประเมินค่าได้
ผมเข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้มันเป็นอจินไตย คิดมากไปก็เป็นบ้า แต่ผมก็เพียงแค่อยากทราบความเห็นของท่านผู้ที่ปฏิบัติธรรมหรือศึกษามามาก เผื่อว่าเคยเกิดความรู้สึกสงสัยในประเด็นคล้ายๆ กันนี้และได้เคยพยายามหาคำตอบครับ ถ้าหากประเด็นที่ผมหยิบยกมาพูดนี้มันไร้สาระ ก็ขอให้ท่านข้ามหรือแจ้งลบได้เลยครับ
กราบอนุโมทนาสาธุ ขอบพระคุณครับ 🙏🙏🙏
ผมมีข้อสงสัยเรื่องของอายุขัยของพรหมและเทวดา สัตว์นรก เมื่อเปรียบเทียบกันกับอายุขัยของมนุษย์ โลก และจักรวาลครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่กี่คืนที่ผ่านมา ผมได้ขออำนาจบารมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมเด็จองค์ปฐม เพื่อขอลงไปดูนรกขุม ๑ ท่านก็ให้ผมไปจริงๆ ครับ มันเป็นภาพทิพจักขุญาณที่ชัดมาก และยังไม่รวมที่ผมก็เริ่มมีสัมผัสพิเศษมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แต่ผมยังไม่มีทิพจักขุญาณนะครับ คิดว่าสมเด็จองค์ปฐมท่านคงมาโปรดเพื่อให้ผมได้เห็นการมีอยู่จริงของนรก ไม่ว่ากันสำหรับท่านที่ไม่เชื่อและคิดว่าเป็นอุปทานครับ
ผมจึงขออนุญาติสอบถามท่านที่มีความเชื่อคล้ายๆ กันกับผมนะครับ เกี่ยวกับเรื่องอายุขัยของ พรหม เทพ เทวดา ครับ โดยผมขอยกตัวอย่างถึงเทวดาชั้นจาตุมฯ ซึ่งอายุขัยคือ ๑ วันเท่ากับ ๕๐ ปีมนุษย์ เทวดาองค์หนึ่งจะสามารถเสวยสุขบนนั้นได้นานถึง ๕๐๐ ปีทิพย์ หรือประมาณ ๙ ล้านปีมนุษย์
ผมสงสัยครับว่า ในอีก ๙ ล้านปีข้างหน้า จะยังมีอารยธรรมมนุษย์บนโลกนี้หลงเหลือให้กลับมาเกิดเพื่อชดใช้กรรมสร้างบุญและบาปกันอีกไหมครับ?
ถ้ามี ในกาลข้างหน้าอันยาวไกลนั้น มนุษย์คงมีความก้าวหน้าในเทคโนโลยีอย่างมหาศาลไปมากแล้ว และคงไม่ได้อยู่ที่โลกใบนี้ หรือโลกใบนี้อาจจะแตกดับไปแล้วด้วยปัจจัยบางอย่าง หรือผสานเข้ากับร่างกายของปัญญาประดิษฐ์และดำรงชีวิตเป็นอมตะไปทั่วจักรวาล หรืออาจจะไม่มีมนุษยชาติหลงเหลืออีกแล้ว พูดถึงอายุขัยของเทวดา และพรหม อายุขัยของเทวดาที่อยู่ชั้นสูงๆ ดูเหมือนว่าอาจจะมากกว่าอายุของโลกใบนี้เสสียอีก เช่น ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี ที่มีอายุ ๙ พันกว่าล้านปี โลกยังไม่ถือกำเนิดขึ้นมาเลย ส่วนอายุของพรหมนับกันเป็นกัป และในนรกบางขุม นั้น ๑ วันเท่ากับ ๙ ล้านปีมนุษย์ ถ้ารับโทษไป ๕๐๐ ปี โลกใบนี้คงไม่เหลือให้เกิดมาสร้างบุญแล้ว ระยะเวลาที่พระพุทธเจ้าสมณโคดมท่านทรงบำเพ็ญเพียรก็มากถึงแสนมหากัปกับอีก ๔ อสงไขย อายุมากกว่าจักรวาลที่ประมาณกันเสียอีก ยังไม่พูดถึงสมเด็จองค์ปฐมที่ท่านบำเพ็ญเพียรมานานถึง ๘๐ อสงไขย และพระพุทธเจ้าที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นมีมากดั่งเม็ดทรายในมหาสมุทร
ดั้งนั้นผมคิดว่า ศาสนาพุทธและความรู้เกี่ยวกับฌานสมาบัตินั้นมีอายุอานามมายาวนานกว่าอายุขัยของจักรวาลหลายล้านๆๆ เท่า ซึ่งหมายความว่าจักรวาลมีการแตกดับมานับครั้งไม่ถ้วนจนมิอาจประเมินค่าได้
ผมเข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้มันเป็นอจินไตย คิดมากไปก็เป็นบ้า แต่ผมก็เพียงแค่อยากทราบความเห็นของท่านผู้ที่ปฏิบัติธรรมหรือศึกษามามาก เผื่อว่าเคยเกิดความรู้สึกสงสัยในประเด็นคล้ายๆ กันนี้และได้เคยพยายามหาคำตอบครับ ถ้าหากประเด็นที่ผมหยิบยกมาพูดนี้มันไร้สาระ ก็ขอให้ท่านข้ามหรือแจ้งลบได้เลยครับ
กราบอนุโมทนาสาธุ ขอบพระคุณครับ 🙏🙏🙏