การตัดสินใจเปลี่ยนงานในวัยอายุ 30 ของผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดพลาดในชีวิตของผมไหมครับ

ตั้งแต่ผมเรียนจบพ่อก็ฝากงานให้เข้ามาทำ
ที่บริษัทเดียวกับพ่อ
ผมเริ่มงานด้วยการเป็น
พนักงานธุรการคลังสินค้า
เป็นธรรมดาที่ทุกคนที่ทำงานบริษัทจะหวัง
ตำเหน่งที่ดีและเงินเดือนที่สูงขึ้น
ผมดิ้นรนอดทนทำงานมา 7 ปีจนได้ขึ้นมาเป็น
ผู้ช่วยผู้จัดการคลังสินค้า และ ควบอีกหลาย
ตำเหน่งผ่านการอบรมระบบโรงงานมาเยอะมากๆ
อยู่กับตำเหน่งนี้มาได้ 2 ปีเต็มรู้สึกเบื่อๆ
วันๆว่างจนไม่รู้จะทำอะไรตรวจเอกสารเดินเล่นไปรอบบริษัท ดูหนังจบเป็นเรื่องๆ
วันๆนั่งรอแต่เวลาให้ 4 โมงเย็นเพื่อกลับบ้าน
ผมรับเงินเดือนอยู่ที่ 17,800 บาทมันก็ไม่เยอะไม่น้อย
บังเอิญว่ามีรุ่นน้องที่เคยทำงานกับผม
มันลาออกไปขับรถตู้ทึบส่งพัสดุตามบ้าน
แล้วก็เห็นคนแถวบ้านทำอาชีพนี้กันเยอะมากๆ
แถมเขายังคุยกันว่ารายได้เดือนหนึ่ง 30,000-50,000 บาทต่อเดือน
วันหยุดยาวช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาผมว่างๆ
เลยลองนั่งรถไปกับน้องมันดู
ผมว่ามันสนุกดีผมชอบคงเป็นงานที่ทำแล้วไม่เบื่อ
แต่ก็ยังไม่กล้าลาออกจากงานที่เดิมมาเสี่ยง
เพราะงานที่ทำอยู่ก็มั่นคงอยู่แล้วมีหน้ามีตาในบริษัท มีลูกน้องในแผนกเกือบ 50 คน
แถมอยู่มาเกือบ 10 ปีงานก็สบายสุดๆ
จนมาเมื่อช่วงหลังปีใหม่
ปกติแฟนผมจะช่วยแม่ผมทำของขายอยู่บ้าน
ติดวิกฤตโควิค ของขายไม่ดี
ผมเลยฝากให้แฟนผมไปทำงานกับเพื่อนผม
เป็น PC ขายโทรศัพท์อยู่ในห้าง
แฟนผมจบแค่ มัธยมต้น เงินเดือนเดือนแรกออกมาเกือบ 20,000 เดือนที่สอง 26,000
ผมก็เลยคิดว่าเห้ยย เราทำงานมาเกือบ 10 ปี
เงินเดือนน้อยกว่าคนที่ทำงานได้ 2 เดือนอีกหรอ
อายุก็ 30 กว่าแล้ว
มีตำเหน่งมีหน้ามีตาในบริษัทแต่เงินเดือนแค่นี้เองหรอวะ
ตอนนั้นรู้สึกด้วยว่าเบื่องานมากๆๆๆ
ผมเลยตัดสินใจขายรถเก๋งที่ใช้อยู่ประจำ
เอาเงินมาดาวน์รถกระบะตู้ทึบตีตู้พร้อมวิ่งงาน
ไปสมัครขับรถร่วมกับขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง
วันที่ไปสมัครและสัมภาษณ์น้องมันบอกผมว่าให้ เอาวุฒิ ม.3 ม.6 ไปสมัครพอ
แล้วอย่าบอกเขาว่าทำงานรับตำเหน่งอะไรมา
สรุปก็รับผมเข้าทำงาน
หลังจากที่วิ่งงานมาได้ 3 วันผมรู้สึกเหนื่อยมาก ท้อมากไม่อยากทำต่อแล้วไปต่อไม่ไหว
พอขับรถไปก็คิดถึงแต่โต๊ะทำงาน
คิดถึงเสียงหัวเราะของน้องๆในออฟฟิศ
แต่ก็สู้ต่อครับบอกใจตัวเองจะไม่ถอยกลับ
ผมเลิกงาน 2-3 ทุ่มทุกวันกลับบ้านมากินข้าว
แล้วก็หลับเลยเหนื่อยมากน้ำไม่เคยได้อาบ
จากคนที่เคยเลิกงาน 4 โมงเย็นทุกวัน
กลับบ้านมาอาบน้ำแต่งตัวออกไปกินข้าว
กับเพื่อนๆ กลางวันก็ออกไปหาของอร่อยๆกิน
แต่ทุกวันนี้ต้องกินข้าวกินน้ำในรถ
ผมสู้มาได้เกือบเดือนแล้วคิดว่าจะสู้ต่อไป
ถึงมันจะไม่สนุกแบบที่คิด
จะพยามไม่คิดเสียดายงานที่เก่า
แต่อยู่ๆมาเจอเรื่องแบบนี้ มีงานให้ผมไปรับ
ของแค่ 1 ชิ้นแต่งานแบบนี้ผมไม่เคยรับเลย
ผมก็พยายามโทรถามทางออฟฟิศที่โกดัง
เพื่อให้งานมันออกมาไม่ผิดพลาดและถูกต้อง
ผมนำสินค้ากลับมาก็ถามคนในออฟฟิศโกดัง
ควรทำอย่างไรต่อก็ไม่มีใครพูดอะไร
พอกลับมาบ้านมีพนักงานของออฟฟิศ
โทรมาต่อว่าผมหาว่าทำงานไม่เรียบร้อย
ต้องมาให้เขาทำต่อให้หรอทำงานแบบนี้
พูดจาต่อว่าผมรุนแรงมาก
ผมก็นิ่งได้แต่พูดครับๆ
แล้วผมก็มานั่งคิดว่าเห้ยเราเป็นคนใหม่นะ
ผมเข้ามาทำงาน
คุณไม่มีการอบรมอะไรผมเลยสักอย่าง
วันแรกก็ให้เริ่มงานเลยศึกษางานจากคนเก่าด้วยตัวเอง สังคมที่นี้ก็ห่วยแตกมากๆครับ
รถก็รถเราจริงๆมันควรเป็นงานอิลสระ
ที่มีคนคลุมงานเป็นหัวหน้าทีมซึ่งก็มีและพี่เขาก็ดีมากๆ
แต่ตอนนี้ตัวผมจากคนที่ไม่โอเคกับงานนี้อยู่แล้ว ยิ่งทำให้ไม่อยากสู้ต่อแล้ว
คิดถึงงานที่เก่ามากๆรู้สึกเสียดายไม่น่ารีบด่วนตัดสินใจอะไรง่ายๆ
คิดไว้ว่าขับถึงสิ้นเดือนนี้ก็คงออกแล้วครับ
ปล่อยรถให้น้องแถวบ้านเช่าต่อ
ส่วนตัวผมก็จะมาขับ Grab แทน
มันคงเป็นการตัดสินใจที่พลาดที่สุดในชีวิตของผม 😭

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่