ขายของออนไลน์อะไรดี 2021 EP6 | ช่องทางการขายของออนไลน์ในไทย
หากคุณอยากขายของออนไลน์ แต่ยังไม่รู้ว่าจะหาแหล่งขายที่ไหนดี ผมจะมาแนะนำครับจะมี Social และ App markets อะไรบ้างที่จะสามารถเป็นช่องทางเลือกการขายของออนไลน์ของคุณ และจะใช้เครื่องมือนี้อย่างไรให้ได้ยอดขายที่ปังมากขึ้น ชาวพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ห้ามพลาด!!
การขายของออนไลน์ในยุคนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เป็นอาชีพที่สุดปังและมาแรงที่สุดในช่วงเวลานี้ ทำให้คนส่วนใหญ่เวลานึกถึงการหารายได้เพิ่มหรืออาชีพเสริม การเริ่มธุรกิจขายของออนไลน์คงเป็นตัวเลือกแรกที่ผุดขึ้นมาในใจของใครหลาย ๆ คน เพราะเป็นการทำธุรกิจที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนเยอะ ไม่ต้องเช่าหน้าร้านหรือสถานที่ แถมมิหนำซ้ำการขายของออนไลน์ยังสามารถสร้างยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำหากจับตลาดถูก แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าช่องทางขายของออนไลน์ในปัจจุบันมีให้คุณเลือกเยอะแยะมากมายจนเริ่มเลือกไม่ถูก ทั้งใน E-marketplace และ Social media ตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่สามารถหาเงินในช่องทางขายของออนไลน์ได้ และวันนี้ผมจะขอมาพูดถึงเรื่อง แนวทางการใช้ช่องทางการขายของออนไลน์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หรือหาอาชีพเสริมอยู่ ว่าจะสามารถเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ในแพลตฟอร์มไหนดีที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายและเริ่มทำได้เลย แต่จะมีอะไรบ้างนั้นตามมาดูในบทความนี้ได้เลยครับ
แพลตฟอร์มที่ 1 Facebook : คงหนีไม่พ้นกับแฟลตฟอร์มชื่อดังที่ครองอันดับ 1 ช่องทางที่มีคนเปิดร้านขายของมากที่สุดในไทย เชื่อว่าหลายคนต้องมีบัญชีแอดเคาท์ Facebook และใช้งานในการติดตามข่าวสารกันเป็นปกติ จึงถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีในการลองมาเริ่มต้นเปิดร้านขายสินค้าออนไลน์ได้ง่าย ๆ และนอกจากนี้ Facebook ยังได้ออกฟีเจอร์หรือลูกเล่นอีกมากมายเพื่อให้คุณได้ขายของบนแพลตฟอร์มนี้ตามความต้องการหรือความเหมาะสม เพราะฉะนั้นลองมาเริ่มต้นเปิดร้านขายสินค้าได้ง่าย ๆ บนแพลตฟอร์มนี้กันเลยดีกว่า โดยเริ่มจาก…
Facebook Fanpage อยากมีหน้าร้านบนออนไลน์ ไม่ต้องไปสมัครสมาชิกกับแพลตฟอร์มอื่นให้ยุ่งยาก ด้วยการกดเปิดการใช้งานฟีเจอร์ Facebook Fanpage เพื่อสร้างร้านค้าของคุณบนแฟนเพจได้ทันที ข้อดีของการสร้าง Fanpage คือกลุ่มลูกค้าสามารถค้นหาร้านและเข้ามาเลือกสินค้าภายในร้านได้ สามารถเลือกว่าที่การขายได้หลากหลาย ทั้งการลงรูปภาพและ Facebook Live รวมถึงสามารถใช้งานฟีเจอร์สำหรับการยิงโฆษณาเพื่อสร้างยอดขายให้กับร้านของคุณได้อีกด้วย
Facebook Marketplace ที่เป็นฟีเจอร์สำหรับซื้อ – ขาย สินค้าออนไลน์โดยเฉพาะ หรือเป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับให้สมาชิกโพสต์ขายสินค้าบน Facebook ได้ทันทีโดยไม่ต้องสร้าง Fanpage ขึ้นมารองรับ โดยผู้ใช้งานที่ต้องการซื้อสินค้าก็สามารถกดติดต่อเพื่อตกลงซื้อสินค้ากับผู้ขายได้อย่างง่ายดาย
แพลตฟอร์มที่ 2 YouTube : ในความเป็นจริงการทำการตลาดหรือการขายสินค้าและบริการออนไลน์ด้วยคลิปวิดีโอเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศเป็นระยะเวลานานแล้ว ซึ่งสำหรับประเทศไทยนั้นยังไม่ได้เป็นที่น่าสนใจเอาเสียเท่าไหร่ แต่ก็ต้องยอมรับเลยครับว่าหลัง ๆ มานี้ คนเริ่มหันมาสนใจหรือใช้ยูทูปในการหาความรู้และความเพลิดเพลินนอกเหนือจาก Google และยิ่งไปกว่านั้น YouTube ก็ได้ออกแบบหรือให้สิทธิ์ทุก ๆ คนสามารถมีช่อง YouTube เป็นของตัวเอง ฉะนั้น จึงเป็นเรื่องที่ดีสำหรับใครที่ชอบไลฟ์สไตล์การทำธุรกิจหรือการขายสินค้าโดยให้ความรู้เชิงอธิบายหรือกล้าแสดงออก และถ้าหากคุณสามารถสร้างความเพลิดเพลินในยูทูปได้ การติดตามก็อาจจะมีขึ้นได้เรื่อย ๆ อย่างไร้ขีดจำกัด นั่นแสดงให้เห็นว่าการทำการตลาดออนไลน์ด้วยการทำคลิปวิดีโอก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยสร้างการรับรู้และช่วยนำพาคนเข้าไปสู่แพลตฟอร์มที่คุณต้องการได้ในที่สุด และก็นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยครับ ถ้าคุณสามารถทำการตลาดให้กับผู้ชมได้ตรงจุดไม่ว่าจะเป็น การบอกถึงวิธีการแก้ปัญหาให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ทำคลิปที่แสดงจุดเด่นของสินค้าและบริการของคุณว่ามีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจ ทำคลิปเปรียบเทียบระหว่างสินค้าของคุณและสินค้าอื่น ๆ หรือว่าเพิ่มรีวิวของผู้ที่เคยใช้สินค้าของคุณเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือเข้าไปก็จะทำให้ผู้ชมเพิ่มความมั่นใจในตัดสินใจในครั้งนี้มากขึ้น นั่นเอง
แพลตฟอร์มที่ 3 Line : เป็นแอปพลิเคชั่นแชทยอดนิยมในไทย ที่ป๊อปปูล่าไม่แพ้ Facebook เนื่องจากเป็นแหล่งรวมคนทุกเพศทุกวัยทำให้ Line เป็นแพลตฟอร์มที่น่าลงทุนค้าขาย แถมเริ่มต้นได้ฟรีแบบไม่เสียเงิน อีกทั้ง Line ยังออกแบบฟีเจอร์ LINE Official Account (LINE OA) มาเอาใจคนอยากเริ่มค้าขาย หากผู้ที่มีบัญชีอยู่เดิมสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ได้ทันที โดยฟีเจอร์จะสร้างบัญชีร้านค้าสำหรับการทำธุรกิจแยกออกจากบัญชีใช้งานส่วนตัว ทำให้ผู้ประกอบการสามารถทำธุรกิจได้อย่างไม่มีสะดุด และยังได้สร้างระบบอย่าง LINE MyShop ที่เป็นเครื่องมือจัดการระบบร้านค้าแบบครบวงจรจาก Line ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางด้านการขายของออนไลน์ผ่านแชทบน LINE Official Account (LINE OA) ให้ผู้ประกอบการขายของได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วขึ้นยิ่งขึ้น ตั้งแต่สั่งซื้อ จ่ายเงิน ติดตามสถานะ ไปจนถึงลูกค้าได้รับของ พร้อมทั้งมีหน้าร้านออนไลน์ให้ใช้แบบฟรี ๆ ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ช่วยให้ผู้ประกอบการมีช่องทางการขายเพิ่มขึ้นอีก 1 ช่องทางนั่นเอง หรือถ้าคุณไม่สะดวกขายสินค้าหรือทำธุรกิจในรูปแบบฟีเจอร์อย่าง LINE Official Account (LINE OA) คุณก็สามารถเลือกที่จะขายสินค้าออนไลน์ใน Line ส่วนตัว หรือ Line Group ได้เลย เพียงแต่คุณต้องยอมรับว่าตลาดผู้ซื้ออาจไม่ได้กว้างเท่ากับการขายของออนไลน์ใน LINE Official Account (LINE OA) เท่านั้นเอง
แพลตฟอร์มที่ 4 Instagram : ต้องบอกก่อนเลยว่าแพลตฟอร์มนี้เหมาะสำหรับวัยรุ่นที่อยากสร้างตัว ด้วยจุดเด่นที่เน้นการเล่าเรื่องผ่านการโพสต์รูปภาพและ VDO คลิปสั้น ๆ จึงทำให้แอปพลิเคชั่นนี้เป็นแหละรวมตัวของร้านค้าประเภทแฟชั่น การท่องเที่ยวหรือไลฟ์สไตล์ เป็นต้น หากวิธีการขายสินค้าของร้านค้าคือการโชว์รูปภาพสวย ๆ เป็นหลัก Instagram นับว่าเป็นช่องทางที่เหมาะกับการเปิดร้านมากที่สุด และคุณสามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่หากคุณมีบัญชีส่วนตัวอยู่แล้วก็ไม่ต้องเสียเวลาสมัครใหม่ให้ยุ่งยาก เพียงแค่สลับบัญชีมาใช้ ฟีเจอร์บัญชีสำหรับการทำธุรกิจ เพียงเท่านี้คุณก็จะสร้างหน้าร้านที่แยกจากบัญชีส่วนตัวได้ทันที รวมถึงใช้งานเครื่องมือสำหรับโปรโมท Instagram ได้อย่างสะดวกสบาย และทริคสำคัญในการค้นหาสินค้าใน Instagram นั่นก็คือ เวลาผู้คนจะค้นหาสินค้าใดใน Instagram มักจะขึ้นรูปหรือรวมกรุ๊ปไว้ตามคำค้นหาที่ผู้ขายได้ติด “แฮชแท็ก” ไว้ นั่นแสดงว่า การติดแฮชแท็ก เป็นหนึ่งในปรากฎการณ์วัฒนธรรมป็อบที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภค การใช้แฮชแท็ก หรือสัญลักษณ์ (#) เป็นสิ่งดึงดูดผู้ชมให้กดติดตามอินสตาแกรมก็เป็นอีกวิธีการน่าสนใจ แต่อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการที่คิดอยากจะทำธุรกิจใน Instagram ก็จำเป็นที่จะต้องศึกษาการใช้คำและการติดแฮชแท็กให้ถูกต้องด้วย
แพลตฟอร์มที่ 5 Twitter : ถือว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ผู้ประกอบการหลาย ๆ ท่าน อาจจะยังสงสัยและไม่ถนัดที่สุดในบรรดาแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เหตุเพราะ Twitter เพิ่งจะเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างแท้จริงเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ถ้ามองในปัจจุบัน Twitter ถือเป็นอีกหนึ่งโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้มากมายรอให้คุณได้เข้าไปกอบโกยผลกำไรอยู่มาก แต่เหนือสิ่งใดคุณก็ต้องมาทำความรู้จักและคุ้นเคยกับ Twitter กันสักหน่อย เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะหาเงินจากการที่เราไม่รู้คุณว่าไหม เริ่มจากกลยุทธ์การขายของออนไลน์ใน Twitter จะมีลักษณะคล้ายกับ Instagram นั่นก็คือ การติดแฮชแท็ก เพื่อใช้ดึงลูกค้าใหม่ ๆ และเปิดโอกาสในการขาย จากการเกาะกระแสตามแฮชแท็กที่เป็นเทรนด์ต่างๆ ส่วนการทำหน้าร้านใน Twitter อย่าลืมที่จะใส่ข้อมูลในส่วนของ Bio ให้ครบถ้วนและแนบลิงก์ที่จะช่วยให้ลูกค้าได้ข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อพวกเขาต้องการ โดยแนะนำให้ใส่เว็บไซต์ของแบรนด์ หรือช่องทางการติดต่อที่รวดเร็วที่สุด อย่าลืมที่จะกด Verified บัญชีผู้ใช้ของคุณด้วยเพราะจะช่วยให้โปรไฟล์ของคุณดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น นั่นเอง
แพลตฟอร์มที่ 6 Lazada : เป็นช่องทางซื้อ – ขายสินค้าออนไลน์ ที่ผู้บริโภคชาวไทยใช้เลือกซื้อสินค้ามากที่สุด ด้วยบริการที่ครอบวงจรรวมทั้งหมวดหมู่สินค้าที่มีมากมาย การสั่งซื้อสินค้า การขนส่ง และระบบการชำระเงินที่ครบครัน มีส่วนของการรีวิวจากประสบการณ์ตรงของลูกค้าคนอื่น ไว้ให้ลูกค้าตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้านค้าและสินค้าได้ไม่เพียงระบบที่ดี Lazada ยังมีโปรโมชั่นและกิจกรรมที่ช่วยเสริมการขาย พร้อมช่วยดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาเลือกซื้อสินค้าได้เสมอ อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้ขายสามารถโปรโมทร้านผ่านช่องทางอื่นได้อีกด้วย นับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวสำหรับผู้อยากเริ่มธุรกิจร้านค้าออนไลน์เลยทีเดียว
แพลตฟอร์มที่ 7 Shopee : เมื่อพูดถึง Lazada แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่พูดถึง Shopee ช่องทางที่ผู้บริโภคชาวไทยใช้เลือกซื้อสินค้าออนไลน์มากที่สุดเช่นกัน ด้วยการมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคจากการถูกโกง โปรโมชั่นและเกมส์สนุก ๆ ที่ทำให้ได้ Coin มาให้เป็นส่วนลดอีกมากมาย การเปิดร้านบน Shopee ทำได้ไม่ยาก เพียงสมัครบัญชีแอดเคาท์ก็สามารถเลือกซื้อสินค้าหรือวางขายสินค้าได้ทันที Shopee สามารถวางขายสินค้าได้หลากหลายหมวดหมู่ เสริมความมั่นใจให้ลูกค้าได้ด้วยการติดดาวและรีวิวจากลูกค้าที่เคยสั่งซื้อสินค้า ทำให้ร้านค้าสามารถเพิ่มยอดขายได้ อีกทั้ง Shopee ยังมีระบบการชำระสินค้าที่ครอบคลุมทุกช่องทางและเชื่อมต่อกับบริการขนส่งที่หลากหลาย ทำให้ร้านค้าและลูกค้าสามารถซื้อขายสินค้าได้อย่างสบายใจอีกด้วย
ดังนั้น ช่องทางการขายของออนไลน์ในไทยที่ผมได้กล่าวมา ถือว่าเป็นช่องการขายที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้จำนวนมาก ในเวลารวดเร็ว ทำให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าได้ง่าย มีความสะดวกสบาย และพนักงานประจำยังสามารถขายของออนไลน์ เป็นรายได้เสริมให้กับตัวเองได้ ซึ่งสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจออนไลน์นอกจากการมีช่องทางขายที่ดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาเลือกซื้อสินค้าที่ร้านออนไลน์ได้แล้ว การมีเครื่องมือที่ช่วยในการเพิ่มยอดขายสินค้า ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถหารายได้จากธุรกิจนี้ได้อย่างยั่งยืน นั่นก็คือ การตลาดออนไลน์ ที่จะช่วยจะทำให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณมีลูกค้าให้ตรงเป้าหมายมากขึ้น พร้อมกับขยายธุรกิจให้เติบโตได้อย่างมั่นคง เมื่อคุณอาจมาถึงบทความนี้แล้ว คุณคิดว่าอย่างไร แพลตฟอร์มไหนที่ตรงใจคุณ สามารถแสดงความคิดเห็นมาได้ตามด้านล่างนี้เลยนะครับ
==================================================================
สำหรับใครที่อยากได้รับอรรถรสเพิ่มมากขึ้น สามารถคลิกวีดีโอได้ตามด้านล่างนี้นะครับ
ขายของออนไลน์อะไรดี 2021 EP6 | ช่องทางการขายของออนไลน์ในไทย
แพลตฟอร์มที่ 1 Facebook : คงหนีไม่พ้นกับแฟลตฟอร์มชื่อดังที่ครองอันดับ 1 ช่องทางที่มีคนเปิดร้านขายของมากที่สุดในไทย เชื่อว่าหลายคนต้องมีบัญชีแอดเคาท์ Facebook และใช้งานในการติดตามข่าวสารกันเป็นปกติ จึงถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีในการลองมาเริ่มต้นเปิดร้านขายสินค้าออนไลน์ได้ง่าย ๆ และนอกจากนี้ Facebook ยังได้ออกฟีเจอร์หรือลูกเล่นอีกมากมายเพื่อให้คุณได้ขายของบนแพลตฟอร์มนี้ตามความต้องการหรือความเหมาะสม เพราะฉะนั้นลองมาเริ่มต้นเปิดร้านขายสินค้าได้ง่าย ๆ บนแพลตฟอร์มนี้กันเลยดีกว่า โดยเริ่มจาก…
Facebook Fanpage อยากมีหน้าร้านบนออนไลน์ ไม่ต้องไปสมัครสมาชิกกับแพลตฟอร์มอื่นให้ยุ่งยาก ด้วยการกดเปิดการใช้งานฟีเจอร์ Facebook Fanpage เพื่อสร้างร้านค้าของคุณบนแฟนเพจได้ทันที ข้อดีของการสร้าง Fanpage คือกลุ่มลูกค้าสามารถค้นหาร้านและเข้ามาเลือกสินค้าภายในร้านได้ สามารถเลือกว่าที่การขายได้หลากหลาย ทั้งการลงรูปภาพและ Facebook Live รวมถึงสามารถใช้งานฟีเจอร์สำหรับการยิงโฆษณาเพื่อสร้างยอดขายให้กับร้านของคุณได้อีกด้วย
Facebook Marketplace ที่เป็นฟีเจอร์สำหรับซื้อ – ขาย สินค้าออนไลน์โดยเฉพาะ หรือเป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับให้สมาชิกโพสต์ขายสินค้าบน Facebook ได้ทันทีโดยไม่ต้องสร้าง Fanpage ขึ้นมารองรับ โดยผู้ใช้งานที่ต้องการซื้อสินค้าก็สามารถกดติดต่อเพื่อตกลงซื้อสินค้ากับผู้ขายได้อย่างง่ายดาย
แพลตฟอร์มที่ 2 YouTube : ในความเป็นจริงการทำการตลาดหรือการขายสินค้าและบริการออนไลน์ด้วยคลิปวิดีโอเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศเป็นระยะเวลานานแล้ว ซึ่งสำหรับประเทศไทยนั้นยังไม่ได้เป็นที่น่าสนใจเอาเสียเท่าไหร่ แต่ก็ต้องยอมรับเลยครับว่าหลัง ๆ มานี้ คนเริ่มหันมาสนใจหรือใช้ยูทูปในการหาความรู้และความเพลิดเพลินนอกเหนือจาก Google และยิ่งไปกว่านั้น YouTube ก็ได้ออกแบบหรือให้สิทธิ์ทุก ๆ คนสามารถมีช่อง YouTube เป็นของตัวเอง ฉะนั้น จึงเป็นเรื่องที่ดีสำหรับใครที่ชอบไลฟ์สไตล์การทำธุรกิจหรือการขายสินค้าโดยให้ความรู้เชิงอธิบายหรือกล้าแสดงออก และถ้าหากคุณสามารถสร้างความเพลิดเพลินในยูทูปได้ การติดตามก็อาจจะมีขึ้นได้เรื่อย ๆ อย่างไร้ขีดจำกัด นั่นแสดงให้เห็นว่าการทำการตลาดออนไลน์ด้วยการทำคลิปวิดีโอก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยสร้างการรับรู้และช่วยนำพาคนเข้าไปสู่แพลตฟอร์มที่คุณต้องการได้ในที่สุด และก็นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยครับ ถ้าคุณสามารถทำการตลาดให้กับผู้ชมได้ตรงจุดไม่ว่าจะเป็น การบอกถึงวิธีการแก้ปัญหาให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ทำคลิปที่แสดงจุดเด่นของสินค้าและบริการของคุณว่ามีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจ ทำคลิปเปรียบเทียบระหว่างสินค้าของคุณและสินค้าอื่น ๆ หรือว่าเพิ่มรีวิวของผู้ที่เคยใช้สินค้าของคุณเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือเข้าไปก็จะทำให้ผู้ชมเพิ่มความมั่นใจในตัดสินใจในครั้งนี้มากขึ้น นั่นเอง
แพลตฟอร์มที่ 3 Line : เป็นแอปพลิเคชั่นแชทยอดนิยมในไทย ที่ป๊อปปูล่าไม่แพ้ Facebook เนื่องจากเป็นแหล่งรวมคนทุกเพศทุกวัยทำให้ Line เป็นแพลตฟอร์มที่น่าลงทุนค้าขาย แถมเริ่มต้นได้ฟรีแบบไม่เสียเงิน อีกทั้ง Line ยังออกแบบฟีเจอร์ LINE Official Account (LINE OA) มาเอาใจคนอยากเริ่มค้าขาย หากผู้ที่มีบัญชีอยู่เดิมสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ได้ทันที โดยฟีเจอร์จะสร้างบัญชีร้านค้าสำหรับการทำธุรกิจแยกออกจากบัญชีใช้งานส่วนตัว ทำให้ผู้ประกอบการสามารถทำธุรกิจได้อย่างไม่มีสะดุด และยังได้สร้างระบบอย่าง LINE MyShop ที่เป็นเครื่องมือจัดการระบบร้านค้าแบบครบวงจรจาก Line ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางด้านการขายของออนไลน์ผ่านแชทบน LINE Official Account (LINE OA) ให้ผู้ประกอบการขายของได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วขึ้นยิ่งขึ้น ตั้งแต่สั่งซื้อ จ่ายเงิน ติดตามสถานะ ไปจนถึงลูกค้าได้รับของ พร้อมทั้งมีหน้าร้านออนไลน์ให้ใช้แบบฟรี ๆ ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ช่วยให้ผู้ประกอบการมีช่องทางการขายเพิ่มขึ้นอีก 1 ช่องทางนั่นเอง หรือถ้าคุณไม่สะดวกขายสินค้าหรือทำธุรกิจในรูปแบบฟีเจอร์อย่าง LINE Official Account (LINE OA) คุณก็สามารถเลือกที่จะขายสินค้าออนไลน์ใน Line ส่วนตัว หรือ Line Group ได้เลย เพียงแต่คุณต้องยอมรับว่าตลาดผู้ซื้ออาจไม่ได้กว้างเท่ากับการขายของออนไลน์ใน LINE Official Account (LINE OA) เท่านั้นเอง
แพลตฟอร์มที่ 4 Instagram : ต้องบอกก่อนเลยว่าแพลตฟอร์มนี้เหมาะสำหรับวัยรุ่นที่อยากสร้างตัว ด้วยจุดเด่นที่เน้นการเล่าเรื่องผ่านการโพสต์รูปภาพและ VDO คลิปสั้น ๆ จึงทำให้แอปพลิเคชั่นนี้เป็นแหละรวมตัวของร้านค้าประเภทแฟชั่น การท่องเที่ยวหรือไลฟ์สไตล์ เป็นต้น หากวิธีการขายสินค้าของร้านค้าคือการโชว์รูปภาพสวย ๆ เป็นหลัก Instagram นับว่าเป็นช่องทางที่เหมาะกับการเปิดร้านมากที่สุด และคุณสามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่หากคุณมีบัญชีส่วนตัวอยู่แล้วก็ไม่ต้องเสียเวลาสมัครใหม่ให้ยุ่งยาก เพียงแค่สลับบัญชีมาใช้ ฟีเจอร์บัญชีสำหรับการทำธุรกิจ เพียงเท่านี้คุณก็จะสร้างหน้าร้านที่แยกจากบัญชีส่วนตัวได้ทันที รวมถึงใช้งานเครื่องมือสำหรับโปรโมท Instagram ได้อย่างสะดวกสบาย และทริคสำคัญในการค้นหาสินค้าใน Instagram นั่นก็คือ เวลาผู้คนจะค้นหาสินค้าใดใน Instagram มักจะขึ้นรูปหรือรวมกรุ๊ปไว้ตามคำค้นหาที่ผู้ขายได้ติด “แฮชแท็ก” ไว้ นั่นแสดงว่า การติดแฮชแท็ก เป็นหนึ่งในปรากฎการณ์วัฒนธรรมป็อบที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภค การใช้แฮชแท็ก หรือสัญลักษณ์ (#) เป็นสิ่งดึงดูดผู้ชมให้กดติดตามอินสตาแกรมก็เป็นอีกวิธีการน่าสนใจ แต่อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการที่คิดอยากจะทำธุรกิจใน Instagram ก็จำเป็นที่จะต้องศึกษาการใช้คำและการติดแฮชแท็กให้ถูกต้องด้วย
แพลตฟอร์มที่ 5 Twitter : ถือว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ผู้ประกอบการหลาย ๆ ท่าน อาจจะยังสงสัยและไม่ถนัดที่สุดในบรรดาแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เหตุเพราะ Twitter เพิ่งจะเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างแท้จริงเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ถ้ามองในปัจจุบัน Twitter ถือเป็นอีกหนึ่งโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้มากมายรอให้คุณได้เข้าไปกอบโกยผลกำไรอยู่มาก แต่เหนือสิ่งใดคุณก็ต้องมาทำความรู้จักและคุ้นเคยกับ Twitter กันสักหน่อย เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะหาเงินจากการที่เราไม่รู้คุณว่าไหม เริ่มจากกลยุทธ์การขายของออนไลน์ใน Twitter จะมีลักษณะคล้ายกับ Instagram นั่นก็คือ การติดแฮชแท็ก เพื่อใช้ดึงลูกค้าใหม่ ๆ และเปิดโอกาสในการขาย จากการเกาะกระแสตามแฮชแท็กที่เป็นเทรนด์ต่างๆ ส่วนการทำหน้าร้านใน Twitter อย่าลืมที่จะใส่ข้อมูลในส่วนของ Bio ให้ครบถ้วนและแนบลิงก์ที่จะช่วยให้ลูกค้าได้ข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อพวกเขาต้องการ โดยแนะนำให้ใส่เว็บไซต์ของแบรนด์ หรือช่องทางการติดต่อที่รวดเร็วที่สุด อย่าลืมที่จะกด Verified บัญชีผู้ใช้ของคุณด้วยเพราะจะช่วยให้โปรไฟล์ของคุณดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น นั่นเอง
แพลตฟอร์มที่ 7 Shopee : เมื่อพูดถึง Lazada แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่พูดถึง Shopee ช่องทางที่ผู้บริโภคชาวไทยใช้เลือกซื้อสินค้าออนไลน์มากที่สุดเช่นกัน ด้วยการมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคจากการถูกโกง โปรโมชั่นและเกมส์สนุก ๆ ที่ทำให้ได้ Coin มาให้เป็นส่วนลดอีกมากมาย การเปิดร้านบน Shopee ทำได้ไม่ยาก เพียงสมัครบัญชีแอดเคาท์ก็สามารถเลือกซื้อสินค้าหรือวางขายสินค้าได้ทันที Shopee สามารถวางขายสินค้าได้หลากหลายหมวดหมู่ เสริมความมั่นใจให้ลูกค้าได้ด้วยการติดดาวและรีวิวจากลูกค้าที่เคยสั่งซื้อสินค้า ทำให้ร้านค้าสามารถเพิ่มยอดขายได้ อีกทั้ง Shopee ยังมีระบบการชำระสินค้าที่ครอบคลุมทุกช่องทางและเชื่อมต่อกับบริการขนส่งที่หลากหลาย ทำให้ร้านค้าและลูกค้าสามารถซื้อขายสินค้าได้อย่างสบายใจอีกด้วย