จริงๆผมเป็นคนที่ไม่เคย
ให้ความสำคัญกับวันเกิด
เลยครับ(ในที่นี้หมายถึงตัว
ผมเองคนเดียวนะครับไม่
เกี่ยวกับลูก)
สำหรับลูกชายผมน่ะเป็นข้อยกเว้น
พอใกล้วันเกิดเค้า(16พ.ค.) บ้านผมก็จะ เตรียมนี่ เตรียมนั่น เตรียมโน่น ไว้รอ
เพราะเกิดเดือนพฤษภา
เลยมีบางปีที่เธอไม่อยากได้เค้ก แต่ขอเปลี่ยนเป็น
ทุเรียนแทน ลูกชายเป็นคน
ตลกครับ ตั้งแต่เล็กๆเขาจะ
ทำให้ผมมีรอยยิ้มเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นคำถามหรือเรื่องเล่า ตอนเค้า5ขวบ
ผมแอบไปสั่งหุ่นยนต์กะว่า
จะเซอร์ไพรส์ลูก(แต่เล่าให้
แม่ฟัง) ทีนี้แม่ก็ไปเล่าให้ไอ้แสบรู้
วันนั้นผมกลับถึงบ้านเที่ยงคืน แต่นพลก็ยัง
นั่งตาแป๋วรออยู่ พอผมถามว่าทำไมไม่นอน เธอก็บอก
ว่า
"หนูคิดถึงพ่อหมาน้อย นอนไม่หลับ"
เป็นไงล่ะครับปากหวาน
ขนาดน้ำตาลอายเลยมั้ยล่ะ
ที่แท้จะประจบเอาหุ่นยนต์
นั่นแหละ เวลาอยากได้
อะไรก็จะมาละ พ่อหมาน้อยยังงั้น หนูยังงี้ พอรู้ทัน
แกล้งถามว่า ทำไมไม่ขอ
พ่อหนู เธอก็จะทำหน้าเศร้า
"พ่อหนูไม่มีตังค์"
เอากะเธอสิครับ สรุปคืน
นั้นผมต้องปลุกพ่อเธอ
มาต่อหุ่นให้ลูก(ผมไม่ไหว
เหนื่อยก็เหนื่อยง่วงก็ง่วง)
หุ่นตัวนั้นเป็นจ้าวสมุทรครับ
ถือสามง่ามด้วย ตอนนี้ก็ยัง
วางอยู่ในห้องเค้าอยู่ครับ
มีอยู่ปีนึง . ถ้าจำไม่ผิดหน้า
จะตอนเธออยู่ป.2
ปีนั้นผมยุ่งจนลืมวันเกิดลูก
บวกกับกลับดึกทุกวันด้วย
มารู้ตัวอีกทีก็ถึงวันซะแล้ว
ผมเลยให้เค้กชิฟฟ่อนแทน
พอพ่อลูกชายเปิดกล่อง
เท่านั้นแหละ
"หนูอยากได้เค้กเป่าเทียน
หนูชอบเป่า หนูไม่เกิดวันนี้หรอก หนูจะเกิดวันอื่น"
ผลสุดท้ายเธอเลยได้เป่าเค้กหลังวันเกิดตัวเอง1วัน
(ทีเวลาขอเปลี่ยนเค้กเป็นทุเรียนก็ไม่ได้เป่า ไม่เห็นเธอโวยวาย)
บางวันเธอใจดี เธอก็จะมาขอล้างจานให้ ทำนั้นนี่ให้
เธอรักแมวมากเห็นแมวถูก
ทิ้งไว้ตามข้างทาง เธอก็จะ
บอกกับผมว่า
"หนูอ่ะกลัวลมกลัวฟ้า
แต่หนูไปซุกข้างตู้ก็ได้
ตรงนั้นปลอดภัย
แต่แมวตัวเนี้ย เค้าจะไป
ซุกตรงไหน เค้าไม่มีบ้าน"
วันนั้นผมก็เลยได้แมวมาเพิ่มอีกตัวที่บ้าน(แต่ผม
ดูแลค่าปลา,ค่าอาหาร,กับสารพัดยาของหมาแมวอยู่
แล้ว ก็เลยไม่โดนแม่บ่น)
ที่บ้านมีแต่ลูกชาย แต่แม่ผมไม่ได้เป็นย่าหรอกครับ
นพลเรียก'แม่ยาย'ซะอย่าง
นั้น เธออ้างว่า
"เพื่อนๆหนู เค้ามีแม่ยายกัน
ทั้งนั้น"
จากความสังเกต ผมคิดว่า
โดยมาก บรรดาลูกๆทั้งหลายจะสนิทกับแม่และญาติทางแม่ เมื่อมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องรับเลี้ยงหลาน
คุณตาคุณยายก็มักจะเป็นผู้ถูกเลือก
และแม้ร่วมชีวิตกันไม่ได้
แม่ก็มักจะเป็นผู้เลี้ยงดูบุตร
ไม่ว่าฝ่ายชายจะส่งค่าเลี้ยงดูหรือไม่
แถวบ้านผม คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเยอะกว่าฝ่ายคุณพ่อ
หลายเท่าตัวเลยครับ
ดังนั้นจึงไม่แปลกถ้านพล
จะมีเพื่อนที่มีแต่คุณยาย
จนไม่รู้ว่าแม่ของพ่อเขา
เรียกย่า
และเพราะคำเรียกแบบนี้
แหละที่ทำให้เขาโดนล้อ
ครั้งนั้นเขาป่วย ผมกับคุณย่าก็เลยพาไปหาหมอ
ตอนซักประวัติผมก็เข้าไปเป็นเพื่อนลูก ลูกผมไหว้
คุณหมออย่างสวยโดยไม่ต้องบอก(ผมภูมิใจและอยากอวดมากครับ😁)
"หนูชื่ออะไรครับลูก"
"ชื่อนพล อายุ5ขวบครับ"
"อ้อ...เข้าร.รแล้วซินะ"
"หนูใส่เสื้อสีเขียวครับ"
ฟังคำตอบคุณหมอก็หันมา
มองหน้าผม
"เขาอยู่อนุบาลสามครับ
คุณหมอ"
"อ้อ...แล้ววันนี้หนูมากับใครบ้าง"
"แม่ยายกับพ่อหมาน้อยครับ"
พอลูกผมตอบคุณหมอก็ขำ
ก๊าก
"นพลแต่งงานแล้วเหรอ
ยังเด็กไปนะหมอว่า"
"......"
นพลไม่เข้าใจครับแต่ผมน่ะ
ขำพอๆกับคุณหมอแหละ
"ทำไมถึงเรียกพ่อหมาน้อยครับ เขาเรียกยาวๆอย่างนี้ทุกครั้งเหรอ"
หมอหันมาถามผม
"ครับ...คิดว่าคงเพราะผม
ล้อเขาว่าหมาน้อยเอ๊ยอะไร
ประมาณนี้มาตั้งแต่เล็กๆมั้ง
ครับ พอพูดได้เค้าก็เรียกแบบนี้ แล้วเค้าก็มีพ่อสองคนก็เลยต้องเรียกแทนตัว
ต่างกัน คือจริงๆผมเป็นพี่
พ่อเค้าครับ"
หมอพยักหน้างึกๆแต่ยังยิ้ม
ตาพราวอยู่
"แล้วหนูมีอาการยังไงครับ
ปวดหัว,ปวดท้องหรือปวด
ตรงไหน"
"หนูปวดตรงนี้เยอะๆเลย"
ชี้ขมับสองข้างก่อนเจื้อยแจ้วต่อ
"แต่หนูมีแผลมดกัดที่ขา
ด้วย เจ๊บ-เจ็บ"
ว่าแล้วก็ยกขาให้หมอดู
เล่นเอาหมอตาพราวอีกรอบ
"งั้นเดี๋ยวหมอให้ยาไปทา
นะครับ ให้หมอทำแผลให้ไหม"
"หนูกลัวเจ็บครับ
ถ้าทำแรงเลือดจะออก
เดี๋ยวหนูตาย"
วันนั้นนพลได้ทำแผล ได้ยา
แก้ไข้ ได้ยาทา ได้อุปกรณ์ทำแผล แล้วก็แถม
ด้วยตุ๊กตาจรเข้อีกหนึ่งตัว
แถมขากลับยังเข้าไปไหว้ลาคุณหมออีกรอบด้วย
จนคุณหมอต้องเดินยิ้มออกมาส่ง
ปกติผมแทบไม่ค่อยได้เห็นเขาในมุมนี้(อยู่แต่กับงาน ) ทำให้อด
ภูมิใจแทนพ่อแม่เขาไม่ได้
นพลคุยเก่งและมีหางเสียง
ทุกประโยค รวมทั้งกลัว
เลือดเป็นที่หนึ่ง อะไรที่เลือดจะตกยางจะออกนพล
จะเลี่ยงหมด
ดังนั้น เราจึงไว้ใจได้ค่อน
ข้างมากว่า นพลจะไม่พาตัวไปเสี่ยงอันตราย
เพราะขนาดแค่เล่นน้ำในกะละมัง
นพลยังต้องเรียกให้แม่ยาย
ไปเฝ้าเลยครับ(ตาขาวมาก
บอกเลย)
ครั้งหนึ่งเขาไปวิ่งเล่นหลัง
บ้านแล้วร้องไห้จ๊ากขึ้นมา
แม่ตกใจก็รีบวิ่งไปดูหลาน
เธอก็เล่าเสียงสั่นว่า
"หนูเจองู ตัวดำปี๋เลย
แล้วมัน
น้ำลายใส่หนูด้วย"
ผมฟังแม่เล่าไปก็ขำลูกไป
แทนที่จะตกใจว่าลูกเจอ
งูเห่า(แต่ เค้าก็ถูกสั่งห้ามไม่
ให้ไปเล่นหลังบ้าน) โดยหลังเกิดเหตุ หลังบ้านก็ถูก
สังคายนาจนสะอาดเลี่ยน
เตียนโล่งโดยฝีมือผม
นพลเป็นเด็กรักชาติมาก
ได้ยินเสียงเพลงชาตินี่
จะรีบหาที่ยืนตรงทันที
ไม่เว้นแม้ตอนกำลังแก้ผ้าอาบน้ำ
และที่ทำให้ถูกล้อมาจนทุกวันนี้คือตอนเป่าเค้กวันเกิดครับ
พอเตรียมเค้กพร้อม(จุดเทียนให้เรียบร้อย)
คุณย่าก็บอกหลานว่า
ให้ร้องเพลง จะได้เป่าเค้ก
เด็กชายก็ไวทายาด
สูดลมหายใจเต็มปอดแล้วโก่งคอร้องเพลงชาติทันทีทันใดเลย ครับ
โห...ลูกเอ๊ย...พ่อก็ลืมบอก
เพราะคิดว่าหนูรู้แล้ว😆
แต่กระนั้นก็ยังปล่อยให้หนู
ร้องมาเรื่อยๆด้วยความ
เอ็นดู นี่ก็เลยเป็นที่มา
ของฉายา'เจ้าเด็กรักชาติ'
ที่แม้แต่ครูที่ร.ร.ยังรู้กัน
แทบทุกคน ไม่รู้ใครเอา
ไปเล่าสิ
.. .... ....จบตอน.... ..
ขอจบห้วนๆอย่างนี้เลยนะครับ เอาไว้วันไหนว่างๆ
จะมาเล่าต่อ วีรกรรมของเธอยังมีอีกเยอะครับ
แต่ที่แน่ๆคือ อยู่ใกล้นพล
ผมจะยิ้มได้ทุกครั้ง
แต่ไม่ไช่รักแล้วจะตามใจ
นะครับ ถ้าผิดผมก็ว่าไป
ตามผิด ผิดมากผมก็ตีเหมือนกัน เพราะผมยังเชื่อ
คำสอน รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตีอยู่ แม้ว่าจะตีน้อยยิ่ง
กว่าน้อยก็ตาม
ลูกชาย
ให้ความสำคัญกับวันเกิด
เลยครับ(ในที่นี้หมายถึงตัว
ผมเองคนเดียวนะครับไม่
เกี่ยวกับลูก)
สำหรับลูกชายผมน่ะเป็นข้อยกเว้น
พอใกล้วันเกิดเค้า(16พ.ค.) บ้านผมก็จะ เตรียมนี่ เตรียมนั่น เตรียมโน่น ไว้รอ
เพราะเกิดเดือนพฤษภา
เลยมีบางปีที่เธอไม่อยากได้เค้ก แต่ขอเปลี่ยนเป็น
ทุเรียนแทน ลูกชายเป็นคน
ตลกครับ ตั้งแต่เล็กๆเขาจะ
ทำให้ผมมีรอยยิ้มเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นคำถามหรือเรื่องเล่า ตอนเค้า5ขวบ
ผมแอบไปสั่งหุ่นยนต์กะว่า
จะเซอร์ไพรส์ลูก(แต่เล่าให้
แม่ฟัง) ทีนี้แม่ก็ไปเล่าให้ไอ้แสบรู้
วันนั้นผมกลับถึงบ้านเที่ยงคืน แต่นพลก็ยัง
นั่งตาแป๋วรออยู่ พอผมถามว่าทำไมไม่นอน เธอก็บอก
ว่า
"หนูคิดถึงพ่อหมาน้อย นอนไม่หลับ"
เป็นไงล่ะครับปากหวาน
ขนาดน้ำตาลอายเลยมั้ยล่ะ
ที่แท้จะประจบเอาหุ่นยนต์
นั่นแหละ เวลาอยากได้
อะไรก็จะมาละ พ่อหมาน้อยยังงั้น หนูยังงี้ พอรู้ทัน
แกล้งถามว่า ทำไมไม่ขอ
พ่อหนู เธอก็จะทำหน้าเศร้า
"พ่อหนูไม่มีตังค์"
เอากะเธอสิครับ สรุปคืน
นั้นผมต้องปลุกพ่อเธอ
มาต่อหุ่นให้ลูก(ผมไม่ไหว
เหนื่อยก็เหนื่อยง่วงก็ง่วง)
หุ่นตัวนั้นเป็นจ้าวสมุทรครับ
ถือสามง่ามด้วย ตอนนี้ก็ยัง
วางอยู่ในห้องเค้าอยู่ครับ
มีอยู่ปีนึง . ถ้าจำไม่ผิดหน้า
จะตอนเธออยู่ป.2
ปีนั้นผมยุ่งจนลืมวันเกิดลูก
บวกกับกลับดึกทุกวันด้วย
มารู้ตัวอีกทีก็ถึงวันซะแล้ว
ผมเลยให้เค้กชิฟฟ่อนแทน
พอพ่อลูกชายเปิดกล่อง
เท่านั้นแหละ
"หนูอยากได้เค้กเป่าเทียน
หนูชอบเป่า หนูไม่เกิดวันนี้หรอก หนูจะเกิดวันอื่น"
ผลสุดท้ายเธอเลยได้เป่าเค้กหลังวันเกิดตัวเอง1วัน
(ทีเวลาขอเปลี่ยนเค้กเป็นทุเรียนก็ไม่ได้เป่า ไม่เห็นเธอโวยวาย)
บางวันเธอใจดี เธอก็จะมาขอล้างจานให้ ทำนั้นนี่ให้
เธอรักแมวมากเห็นแมวถูก
ทิ้งไว้ตามข้างทาง เธอก็จะ
บอกกับผมว่า
"หนูอ่ะกลัวลมกลัวฟ้า
แต่หนูไปซุกข้างตู้ก็ได้
ตรงนั้นปลอดภัย
แต่แมวตัวเนี้ย เค้าจะไป
ซุกตรงไหน เค้าไม่มีบ้าน"
วันนั้นผมก็เลยได้แมวมาเพิ่มอีกตัวที่บ้าน(แต่ผม
ดูแลค่าปลา,ค่าอาหาร,กับสารพัดยาของหมาแมวอยู่
แล้ว ก็เลยไม่โดนแม่บ่น)
ที่บ้านมีแต่ลูกชาย แต่แม่ผมไม่ได้เป็นย่าหรอกครับ
นพลเรียก'แม่ยาย'ซะอย่าง
นั้น เธออ้างว่า
"เพื่อนๆหนู เค้ามีแม่ยายกัน
ทั้งนั้น"
จากความสังเกต ผมคิดว่า
โดยมาก บรรดาลูกๆทั้งหลายจะสนิทกับแม่และญาติทางแม่ เมื่อมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องรับเลี้ยงหลาน
คุณตาคุณยายก็มักจะเป็นผู้ถูกเลือก
และแม้ร่วมชีวิตกันไม่ได้
แม่ก็มักจะเป็นผู้เลี้ยงดูบุตร
ไม่ว่าฝ่ายชายจะส่งค่าเลี้ยงดูหรือไม่
แถวบ้านผม คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเยอะกว่าฝ่ายคุณพ่อ
หลายเท่าตัวเลยครับ
ดังนั้นจึงไม่แปลกถ้านพล
จะมีเพื่อนที่มีแต่คุณยาย
จนไม่รู้ว่าแม่ของพ่อเขา
เรียกย่า
และเพราะคำเรียกแบบนี้
แหละที่ทำให้เขาโดนล้อ
ครั้งนั้นเขาป่วย ผมกับคุณย่าก็เลยพาไปหาหมอ
ตอนซักประวัติผมก็เข้าไปเป็นเพื่อนลูก ลูกผมไหว้
คุณหมออย่างสวยโดยไม่ต้องบอก(ผมภูมิใจและอยากอวดมากครับ😁)
"หนูชื่ออะไรครับลูก"
"ชื่อนพล อายุ5ขวบครับ"
"อ้อ...เข้าร.รแล้วซินะ"
"หนูใส่เสื้อสีเขียวครับ"
ฟังคำตอบคุณหมอก็หันมา
มองหน้าผม
"เขาอยู่อนุบาลสามครับ
คุณหมอ"
"อ้อ...แล้ววันนี้หนูมากับใครบ้าง"
"แม่ยายกับพ่อหมาน้อยครับ"
พอลูกผมตอบคุณหมอก็ขำ
ก๊าก
"นพลแต่งงานแล้วเหรอ
ยังเด็กไปนะหมอว่า"
"......"
นพลไม่เข้าใจครับแต่ผมน่ะ
ขำพอๆกับคุณหมอแหละ
"ทำไมถึงเรียกพ่อหมาน้อยครับ เขาเรียกยาวๆอย่างนี้ทุกครั้งเหรอ"
หมอหันมาถามผม
"ครับ...คิดว่าคงเพราะผม
ล้อเขาว่าหมาน้อยเอ๊ยอะไร
ประมาณนี้มาตั้งแต่เล็กๆมั้ง
ครับ พอพูดได้เค้าก็เรียกแบบนี้ แล้วเค้าก็มีพ่อสองคนก็เลยต้องเรียกแทนตัว
ต่างกัน คือจริงๆผมเป็นพี่
พ่อเค้าครับ"
หมอพยักหน้างึกๆแต่ยังยิ้ม
ตาพราวอยู่
"แล้วหนูมีอาการยังไงครับ
ปวดหัว,ปวดท้องหรือปวด
ตรงไหน"
"หนูปวดตรงนี้เยอะๆเลย"
ชี้ขมับสองข้างก่อนเจื้อยแจ้วต่อ
"แต่หนูมีแผลมดกัดที่ขา
ด้วย เจ๊บ-เจ็บ"
ว่าแล้วก็ยกขาให้หมอดู
เล่นเอาหมอตาพราวอีกรอบ
"งั้นเดี๋ยวหมอให้ยาไปทา
นะครับ ให้หมอทำแผลให้ไหม"
"หนูกลัวเจ็บครับ
ถ้าทำแรงเลือดจะออก
เดี๋ยวหนูตาย"
วันนั้นนพลได้ทำแผล ได้ยา
แก้ไข้ ได้ยาทา ได้อุปกรณ์ทำแผล แล้วก็แถม
ด้วยตุ๊กตาจรเข้อีกหนึ่งตัว
แถมขากลับยังเข้าไปไหว้ลาคุณหมออีกรอบด้วย
จนคุณหมอต้องเดินยิ้มออกมาส่ง
ปกติผมแทบไม่ค่อยได้เห็นเขาในมุมนี้(อยู่แต่กับงาน ) ทำให้อด
ภูมิใจแทนพ่อแม่เขาไม่ได้
นพลคุยเก่งและมีหางเสียง
ทุกประโยค รวมทั้งกลัว
เลือดเป็นที่หนึ่ง อะไรที่เลือดจะตกยางจะออกนพล
จะเลี่ยงหมด
ดังนั้น เราจึงไว้ใจได้ค่อน
ข้างมากว่า นพลจะไม่พาตัวไปเสี่ยงอันตราย
เพราะขนาดแค่เล่นน้ำในกะละมัง
นพลยังต้องเรียกให้แม่ยาย
ไปเฝ้าเลยครับ(ตาขาวมาก
บอกเลย)
ครั้งหนึ่งเขาไปวิ่งเล่นหลัง
บ้านแล้วร้องไห้จ๊ากขึ้นมา
แม่ตกใจก็รีบวิ่งไปดูหลาน
เธอก็เล่าเสียงสั่นว่า
"หนูเจองู ตัวดำปี๋เลย
แล้วมันน้ำลายใส่หนูด้วย"
ผมฟังแม่เล่าไปก็ขำลูกไป
แทนที่จะตกใจว่าลูกเจอ
งูเห่า(แต่ เค้าก็ถูกสั่งห้ามไม่
ให้ไปเล่นหลังบ้าน) โดยหลังเกิดเหตุ หลังบ้านก็ถูก
สังคายนาจนสะอาดเลี่ยน
เตียนโล่งโดยฝีมือผม
นพลเป็นเด็กรักชาติมาก
ได้ยินเสียงเพลงชาตินี่
จะรีบหาที่ยืนตรงทันที
ไม่เว้นแม้ตอนกำลังแก้ผ้าอาบน้ำ
และที่ทำให้ถูกล้อมาจนทุกวันนี้คือตอนเป่าเค้กวันเกิดครับ
พอเตรียมเค้กพร้อม(จุดเทียนให้เรียบร้อย)
คุณย่าก็บอกหลานว่า
ให้ร้องเพลง จะได้เป่าเค้ก
เด็กชายก็ไวทายาด
สูดลมหายใจเต็มปอดแล้วโก่งคอร้องเพลงชาติทันทีทันใดเลย ครับ
โห...ลูกเอ๊ย...พ่อก็ลืมบอก
เพราะคิดว่าหนูรู้แล้ว😆
แต่กระนั้นก็ยังปล่อยให้หนู
ร้องมาเรื่อยๆด้วยความ
เอ็นดู นี่ก็เลยเป็นที่มา
ของฉายา'เจ้าเด็กรักชาติ'
ที่แม้แต่ครูที่ร.ร.ยังรู้กัน
แทบทุกคน ไม่รู้ใครเอา
ไปเล่าสิ
.. .... ....จบตอน.... ..
ขอจบห้วนๆอย่างนี้เลยนะครับ เอาไว้วันไหนว่างๆ
จะมาเล่าต่อ วีรกรรมของเธอยังมีอีกเยอะครับ
แต่ที่แน่ๆคือ อยู่ใกล้นพล
ผมจะยิ้มได้ทุกครั้ง
แต่ไม่ไช่รักแล้วจะตามใจ
นะครับ ถ้าผิดผมก็ว่าไป
ตามผิด ผิดมากผมก็ตีเหมือนกัน เพราะผมยังเชื่อ
คำสอน รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตีอยู่ แม้ว่าจะตีน้อยยิ่ง
กว่าน้อยก็ตาม