สำหรับมือใหม่ที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟและกำลังมองหาเครื่องชงกาแฟสดสักเครื่องไว้ใช้เองที่บ้าน โดยเฉพาะคอกาแฟที่ต้องการซื้อเครื่องทำกาแฟหรือเครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติเครื่องแรก แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นซื้อเครื่องทำกาแฟแบบไหนดี? ต้องเลือกยังไงถึงจะได้เครื่องชงกาแฟสดใช้ในบ้านที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองแถมยังได้กาแฟที่มีรสชาติหอม กลมกล่อม อร่อย เหมือนมีบาริสต้ามาชงให้ดื่มถึงที่บ้าน 

ถ้ายังไม่รู้ว่าจะเลือกเครื่องทำกาแฟประเภทไหนดี วันนี้ Pantip มีเครื่องชงกาแฟสดใช้ในบ้านมาแนะนำ เพื่อน ๆ คนไหนที่ยังตัดสินใจไม่ได้และกำลังมองหาเครื่องทำกาแฟที่เหมาะกับตัวเองและครอบครัวอยู่ ไปดูกันเลย เพราะเรารวมไว้ให้แล้ว!

1. เลือกเครื่องชงกาแฟตามงบประมาณที่ตั้งไว้ 

สำหรับใครที่วางแผนจะซื้อเครื่องชงกาแฟสดไว้ใช้เองที่บ้าน อันดับแรกเลยคือ ควรเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟตามงบประมาณที่ตั้งไว้ และให้ตอบโจทย์กับการใช้งานของเรามากที่สุด และถ้าจะให้ดีควรมองหาเครื่องทำกาแฟที่มีบริการหลังการขายที่ดีและมีบริการภายในประเทศ หากเครื่องทำกาแฟเกิดชำรุดระหว่างการใช้งาน จะได้ส่งเคลมได้ทันที

2. เลือกเครื่องชงกาแฟจากลักษณะการใช้งาน 

สิ่งแรกที่ต้องคำนึง เมื่อต้องตัดสินใจซื้อเครื่องชงกาแฟสดใช้ในบ้านเครื่องแรก สำหรับมือใหม่ คือ การเลือกเครื่องทำกาแฟให้เหมาะกับการใช้งานของเรามาก อย่างเครื่องชงกาแฟแบบอัตโนมัติหรือเครื่องชงกาแฟแบบแคปซูล เพราะเป็นเครื่องทำกาแฟประเภทที่ใช้งานง่าย เคลื่อนย้ายสะดวกและประหยัดเวลาได้มากกว่า ไม่ว่าจะวางไว้ที่ห้องครัว ห้องทานอาหาร ห้องนั่งเล่นหรือส่วนอื่น ๆ ของบ้าน แถมยังได้ลิ้มรสชาติความหอมของกาแฟสด ไม่ต่างจากเครื่องทำกาแฟแบบแรงดันน้ำเลยด้วย

3. เลือกเครื่องชงกาแฟจากฟังก์ชันการใช้งาน 

ถัดมาคือเรื่องของฟังก์ชันการทำงาน เครื่องชงกาแฟสด ที่สามารถใช้งานได้ในบ้าน มีให้เลือกด้วยกันหลายแบบและหลายประเภท สำหรับมือใหม่ที่ต้องการซื้อเครื่องทำกาแฟสดเครื่องแรกไว้ใช้ในบ้าน ควรเลือกเครื่องทำกาแฟที่มีฟังก์ชันการทำงานที่ไม่ซับซ้อน หรือกดเพียงไม่กี่ขั้นตอน ก็สามารถเลือกชงเมนูกาแฟที่ต้องการได้เลย กดครั้งเดียวได้กาแฟสดพร้อมดื่มในทันที 

สามารถแบ่งระบบการทำงานของเครื่องชงกาแฟสดได้ ดังนี้

• ระบบอัตโนมัติ (Automatic) เป็นเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติที่กำลังได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เพราะสะดวกและง่ายต่อการใช้งาน เหมาะสำหรับมือใหม่ กดปุ่มแค่ครั้งเดียวก็สามารถชงกาแฟพร้อมดื่มตามที่ต้องการได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาในการบดเมล็ดกาแฟหรือตีฟองนม

• ระบบกึ่งอัตโนมัติ (Semi-Automatic) เป็นเครื่องชงกาแฟหรือเครื่องทำกาแฟที่เหมาะสำหรับร้านกาแฟที่มีความรู้ในเรื่องของการชงกาแฟ เพราะจะต้องบดเมล็ดกาแฟและตีฟองนมด้วยตนเอง รสชาติและความอร่อยอาจไม่คงที่ ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนและการพัฒนาฝีมือของผู้ชงเอง

• ระบบแมนวล (Manual) เป็นเครื่องชงกาแฟที่เหมาะสำหรับมืออาชีพหรือคนที่มีประสบการณ์ในการชงกาแฟมาอย่างชำนาญ เพราะเครื่องชงแบบแมนวลนี้ผู้ชงจะต้องลงมือทำด้วยตนเองทั้งหมด ตั้งแต่การบด ควบคุมอุณหภูมิน้ำและปริมาณน้ำ การบดอัดกาแฟลงในเครื่องเพื่อให้ได้กาแฟรสเยี่ยมออกมา

4. เลือกเครื่องชงกาแฟที่ง่ายต่อการดูแลรักษา  

สำหรับมือใหม่ที่กำลังมองหาเครื่องทำกาแฟสดสักเครื่องไว้ใช้ในบ้าน แบบซื้อครั้งเดียวใช้งานได้นาน ควรเลือกเครื่องชงกาแฟที่มีความคงทน แข็งแรง โดยเฉพาะการเลือกเครื่องชงกาแฟจากวัสดุและส่วนประกอบที่นำมาใช้งาน ต้องได้มาตรฐานและปลอดสนิม เพราะอย่าลืมว่าเครื่องชงกาแฟจะต้องสัมผัสกับน้ำ ไอน้ำ และความร้อนเกือบตลอดเวลา การเลือกเครื่องชงกาแฟใช้ในบ้านที่ดูแล รักษาง่าย สามารถถอดชิ้นส่วนเพื่อทำความสะอาดได้ ไม่ยุ่งยาก เช่น เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติแบบแคปซูล ที่สามารถถอดถาดรองน้ำและแท็งก์นมออกมาทำความสะอาดได้ทุกวัน เพียงใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ออกให้หมดก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว

5. เลือกเครื่องชงกาแฟจากแบรนด์และประเทศที่ผลิตเครื่องทำกาแฟ  

เรื่องของแบรนด์เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ใช้ในการเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟสดใช้ในบ้าน Pantip แนะนำว่า หากเป็นแบรนด์ชั้นนำและเป็นแบรนด์ที่มีชื่อติดตลาด นั่นแปลว่าเครื่องทำกาแฟแบรนด์นั้นได้รับความนิยมและมีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานและที่สำคัญควรมีบริการหลังการขายและสาขาที่พร้อมให้บริการจำนวนมากได้ เพราะอย่างน้อยจะได้เป็นตัวการันตีว่าหากซื้อเครื่องไปแล้วเมื่อเกิดปัญหาจะได้ติดต่อได้ง่ายหรือส่งซ่อมได้ในทันที

6. เลือกเครื่องชงกาแฟจากบริการหลังการขาย  

ก่อนที่เพื่อน ๆ จะตัดสินใจซื้อเครื่องชงกาแฟสดใช้ในบ้าน Pantip แนะนำว่า เพื่อน ๆ ควรดูเรื่องการรับประกันและบริการหลังการขายจากแบรนด์เครื่องชงกาแฟที่เราซื้อด้วย ควรเลือกแบรนด์ที่มีทีมงานคอยช่วยเหลือและสามารถตอบปัญหาด้านการใช้งานของเครื่องทำกาแฟได้ตลอดเวลา

7. เลือกเครื่องชงกาแฟจากฟังก์ชันเสริมที่น่าสนใจ  

เครื่องชงกาแฟที่ดีควรมีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองทุกการใช้งาน โดยเฉพาะฟังก์ชันที่มีระบบปิดการทำงานอัตโนมัติ เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดพลังงานแล้ว ยังช่วยป้องกันไฟไหม้ได้อีกด้วย นอกจากนี้หากมีฟังก์ชันเสริมที่ช่วยทำฟองนมก็จะทำให้สามารถชงกาแฟได้หลายเมนูตามต้องการได้ แต่สิ่งที่แลกมาอาจจะเป็นเรื่องของราคาที่อาจสูงขึ้นตามฟังก์ชันเสริมที่มาพร้อมกับเครื่องชงกาแฟ

1. เครื่องทำกาแฟแบบดริป 

เครื่องทำกาแฟแบบดริป คือ เครื่องชงกาแฟที่มีการสกัดกาแฟผ่านตัวกรองแบบช้า ๆ ผ่านฟิลเตอร์หรือกระดาษกรอง โดยใช้น้ำร้อนค่อย ๆ เทลงไปบนที่กระดาษกรองด้วยกาน้ำปากแคบ เพื่อให้น้ำร้อนไหลผ่านเมล็ดกาแฟคั่วบดลงไปด้านล่าง เป็นเครื่องชงกาแฟใช้ในบ้านที่เหมาะกับคนที่ต้องการดื่มกาแฟแบบกำหนดความเข้ม-อ่อนด้วยตัวเอง การชงกาแฟสดด้วยการดริป ควรเทวนเป็นรอบ ๆ เหมือนก้นหอยจากด้านในออกมาด้านนอกอย่างช้า ๆ จนได้ปริมาณน้ำหรือกาแฟตามที่ต้องการ

• จุดเด่นเครื่องทำกาแฟสด: ใช้งานง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก
• เหมาะกับ: คนที่ชื่นชอบกาแฟดำและต้องการสัมผัสกลิ่นและรสชาติของกาแฟโดยตรง
• ราคา: เริ่มต้น 400 บาท ขึ้นไป ไม่รวมเครื่องบด กาน้ำร้อนและฟิลเตอร์

2. เครื่องทำกาแฟแบบนีโอโพลิแทน ดริป พอต 

เครื่องทำกาแฟสด นีโอโพลิแทน ดริป พอต เป็นเครื่องชงกาแฟสดใช้ในบ้านที่ต้องอาศัยไฟฟ้าเป็นหลัก มีการทำงานคล้ายกับการชงกาแฟแบบดริป แตกต่างกันตรงที่ไม่ต้องเทน้ำร้อนใส่ในที่กรอง เพียงแค่นำกาแฟคั่วบดใส่ลงในตัวกรองที่อยู่ในเครื่องทำกาแฟ จากนั้นรอให้น้ำเดือดก็จะค่อย ๆ ไหลผ่านกาแฟและที่กรองลงสู่โถแก้วด้านล่าง 

• จุดเด่นเครื่องทำกาแฟสด: ขนาดเล็กกะทัดรัด ใช้งานง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก
• เหมาะกับ: มือใหม่เริ่มต้นดื่มกาแฟและคนที่เน้นความสะดวกสบาย มือใหม่ที่ไม่เน้นเรื่องพิธีการและรสชาติของกาแฟมากนัก เพราะเป็นการชงแบบกาหยด
• ราคา: เริ่มต้นที่ 400 บาท 

3. เครื่องทำกาแฟแบบเฟรนซ์เพรส 

เครื่องชงกาแฟแบบเฟรนซ์เพรส คือเครื่องชงกาแฟสดใช้ในบ้าน ที่ใช้งานง่ายและไม่มีความซับซ้อน เพียงใส่เมล็ดกาแฟบดลงในเฟรนซ์เพรส เติมน้ำร้อนลงไปตามที่ต้องการและรินน้ำร้อนให้ท่วมจนผงกาแฟเปียก จากนั้นนำตัวกดครอบไว้ด้านบน ค่อย ๆ กดฝาครอบที่มีตัวกรองลงไปช้า ๆ เพื่อแยกน้ำและกากกาแฟออกจากกัน เพียงเท่านี้ก็จะได้กาแฟสดพร้อมเสิร์ฟในทันที

• จุดเด่นเครื่องทำกาแฟสด: ขนาดเล็ก ใช้งานง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก
• เหมาะกับ: คนที่เคยผ่านการดริปมาแล้วและต้องการความสะดวกรวดเร็วในกาชงกาแฟ
• ราคา: เริ่มต้นที่ 850 บาท

4. เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติแบบ Espresso 

เครื่องชงกาแฟ แบบ Espresso คือเครื่องชงกาแฟ ที่เหมาะสำหรับใช้ชงดื่มที่บ้าน ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์คอกาแฟที่จริงจังกับการดื่มกาแฟ โดยตัวเครื่องมีลักษณะเหมือนเครื่องชงกาแฟตามคาเฟ่ แต่จะแตกต่างกันตรงที่มีขนาดเล็กกว่า เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบกาแฟรสชาติเข้มข้น สำหรับวิธีการชงเพียงนำเมล็ดกาแฟบดใส่ลงในก้านชงกาแฟ (portafilters) สวมเข้ากับหัวจ่ายน้ำร้อนของเครื่อง จากนั้นกดปุ่มปล่อยน้ำไหลลงผ่านก้านชงกาแฟและไหลลงถ้วยกาแฟที่รองไว้ด้านล่าง

• จุดเด่นเครื่องทำกาแฟสด: มีฟังก์ชันการใช้งานครบ เหมือนยกร้านกาแฟมาไว้ที่บ้าน
• เหมาะกับ: เจ้าของร้านกาแฟ บาริสต้า หรือคนที่ดื่มนกาแฟจริงจังและต้องการกาแฟที่มีรสชาติเข้มข้น
• ความจุแท็งก์น้ำ: 1.2-1.5 ลิตร
• แรงดัน: 15-10 บาร์
• ราคา:เริ่มต้นที่ 7,500 – 10,000 บาทขึ้นไป 

5. เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติแบบแคปซูล 

เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติหรือเครื่องชงกาแฟแคปซูล ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับกาแฟที่ถูกบรรจุอยู่ในรูปแบบของแคปซูล โดยกาแฟรูปแบบนี้จะผ่านการคั่ว บดและบรรจุลงในแคปซูล ที่มีการซีลปิดฝามาอย่างดี เพื่อกักเก็บรสชาติและความหอมของกาแฟสดแท้จากสายพันธุ์ชั้นเยี่ยมทั่วโลก 

โดยเฉพาะเครื่องชงกาแฟสดจาก Nespresso ที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานในบ้านและคอกาแฟที่ต้องการความสะดวกสบาย โดยตัวเครื่องมีขนาดเล็ก กะทัดรัด ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายไปวางยังที่ต่าง ๆ ภายในบ้านได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ Nespresso ยังมีโปรแกรมทำกาแฟ 2 แบบ อย่าง Espresso และ Lungo ให้คอกาแฟได้เลือกใช้งานกันอีกด้วยนะ เพียงกดปุ่มเดียวก็เหมือนมีบาริสต้ามาชงกาแฟหอม ๆ ให้ดื่มถึงที่บ้าน ใช้เวลารอแค่ 25 วินาที เพื่อน ๆ ก็จะได้ลิ้มรสชาติของกาแฟแก้วโปรดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและไม่เหมือนใครได้แบบง่าย ๆ รุ่นนี้แหละคือเครื่องชงกาแฟสดใช้ในบ้านที่ Pantip แนะนำ บอกเลยว่าคุ้มค่า คุ้มราคา เหมาะกับระดับเริ่มต้นและน่าใช้งานที่สุด!

• จุดเด่นเครื่องทำกาแฟสด: ขนาดกะทัดรัด ใช้งานง่าย ฟังก์ชันครบ เคลื่อนย้ายสะดวก
• เหมาะกับ: มือใหม่ที่เริ่มต้นดื่มกาแฟและคอกาแฟที่เน้นความสะดวกสบาย 
• ความจุแท็งก์น้ำ: 0.6 ลิตร
• แรงดัน: 19 บาร์
• ราคา: 4,500 – 27,500 บาท