realme ยังคงเดินหน้าเปิดตัว AIOT ของตัวเองกันแบบไม่ต้องหยุดพักอีกแล้วหลายๆท่านคงได้อ่านรีวิวจากค่ายนี้กันแบบต่อเนื่องยาวๆ เมื่อย้อนกลับไปในงานเปิดตัว realme 8 series ในไทยในไม่กี่วันที่ผ่านมาต้องบอกว่าเปิดตัวนอกเหนือจาก realme 8 และ realme 8 5G แล้วนั้นยังคงมีการเปิดตัว AIOT รุ่นใหม่เยอะมากๆไม่ว่าจะเป็น realme Buds Air 2 และ realme Buds Air 2 Neo รวมถึงยังมีลำโพง BT รุ่นใหม่จากค่ายนี้ด้วยนะถือว่าจัดเต็มจริงๆ แต่ครั้งนี้เราจะมาเน้นในตัวหูฟัง TWS กันดีกว่า เพราะว่าในรุ่นก่อนหน้าทำออกมาได้ดีนะ ส่วนรุ่นใหม่จะเด่นยังไงกันบ้างนั้นมาอ่านกันได้เลย แถมยังได้ร่วมงานกับ The Chainsmoker มาช่วยปรับ จูนเสียงด้วยจัดว่าดี
realme Buds Air 2 นั้นจะเป็นรุ่นพี่จัดเต็มในแง่ของการใช้งาน งานออกแบบแน่นอนว่าจุดแตกต่างกันนั้นน่าจะเป็นเรื่องของงานออกแบบรวมถึงฟีเจอร์บางอย่างและการจัดเสียงรวมถึงไมค์ที่ตัด Buds Air 2 นั้นจะดีกว่าแบบชัดเจนครับ ในแง่ของสเปคอาจจะไม่ได้หนีกันมากนัก จะมาพร้อมกับ ระบบตัดเสียง ANC (Active Noise Cancellation) และยังรองรับ Transparency mode โหมดฟังเสียงภายนอก ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถฟังเสียงรอบข้างได้ และใช้งาน ระบบเสียงไดรเวอร์เบส Diamond-class Hi-Fi 10 มิลลิเมตร และ สามารถใช้งานได้ยาวนาน 25 ชั่วโมง รวมถึง รองรับการชาร์จเร็วด้วยการชาร์จเพียง 10 นาทีสำหรับการใช้งานได้ถึง 2 ชั่วโมง และยังมี โหมดความหน่วงต่ำ 88ms Super Low Latency รวมถึง รองรับการสั่งงานสัมผัส และ กันน้ำระดับ IPX5 และใช้งาน realme Link รองรับระบบอีควอไลเซอร์ (Equalizer) อีกทั้งจะมีระบบตรวจจับการสวมใส่เมื่อใส่ใช้งานหรือว่าถอดออกนั้นเอง และเป็นรุ่นที่พัฒนาเสียงกับ The Chainsmoker ทำให้มีความโดดเด่นมากขึ้นและคุณภาพเสียงจะเน้นกว่าตัว Neo รุ่นนี้จะมาพร้อมกับ. ราคา 2,499 บาท ในทั้งสี Closer White และ Closer Black ซึ่งรุ่นนี้จะเป็นการขายหน้าร้านทั่วไปครับ
realme Buds Air 2 Neo แน่นอนว่ารุ่นนี้จะเป็นรุ่นเล็กที่ราคาถูกกว่าและขายในออนไลน์เท่านั้นทำให้มีทั้งเรื่องของงานออกแบบและฟีเจอร์ ระบบเสียงอะไรที่แอบมีความแตกต่างกันรวมถึงรุ่นนี้จะไม่ได้มีการจูนเสียงจาก The Chainsmoker ด้วยนั้นเอง ส่วนสเปคนั้นจะมาพร้อมกับ ระบบตัดเสียงรบกวน (Active Noise Cancellation) และยังคงมี Transparency mode โหมดฟังเสียงภายนอก รวมถึง ระบบเสียงไดรเวอร์เบส Diamond-class Hi-Fi 10 มิลลิเมตร สามารถใใช้งานได้ยาวนาน 28 ชั่วโมง รองรับการชาร์จเร็วด้วยการชาร์จเพียง 10 นาทีสำหรับการใช้งานได้ถึง 3 ชั่วโมง มี Gaming Mode รองรับโหมดความหน่วงต่ำ 88ms Super Low Latency และ ไมโครโฟนแบบคู่ พร้อมตัดเสียงรบกวน รองรับการสั่งงานสัมผัส และ กันน้ำระดับ IPX5 และใช้งาน realme Link และมาพร้อมกับ ราคา 1,299 บาท วางขายแบบออนไลน์ ทั้งในสี Active Black และ Calm Grey
- realme Buds Air 2 Neo
ราคา 1,299 บาท วางขายแบบออนไลน์ ทั้งในสี Active Black และ Calm Grey
- realme Buds Air 2
ราคา 2,499 บาท ในทั้งสี Closer White และ Closer Black ซึ่งรุ่นนี้จะเป็นการขายหน้าร้านทั่วไป
UNBOX
ตัวกล่องยังคงใช้งานดีไซน์งานออกแบที่ต้องบอกว่าคล้ายกับรุ่นเดิม แต่ส่วนที่แอบขัดใจคงจะเป็นการที่หน้าปกบนกล่องนั้นจะเป็นสีดำ แต่พอข้างในเป็นสีขาวซึ่งไม่แน่ใจว่าตัวจริงหรือว่าขายจริงอาจจะเปลี่ยนสีตามหรือไม่นั้นต้องรอดูกันครับ ส่วนกล่องทั้ง 2 รุ่นนั้นมีการเปลี่ยนแปลงหรือว่าการเปิดแตกต่างกันไปซึ่งตัว Buds Air 2 จะดูพรีเมี่ยมกว่า
UNBOX BUDS AIR 2
- ตัวเคส realme Buds Air 2
- หูฟัง realme Buds Air 2
- สายชาร์จ USB-C สีเหลือง
- จุกหูฟัง 2 ขนาด
- คู่มือการใช้งาน
UNBOX BUDS AIR 2 NEO
- ตัวเคส realme Buds Air 2 Neo
- หูฟัง realme Buds Air 2 Neo
- สายชาร์จ USB-C สีเหลือง
- จุกหูฟัง 2 ขนาด
- คู่มือการใช้งาน
DESIGN BUDS AIR 2
งานออกแบบตัว Buds Air นั้นถือว่าสวยและดูหรูหรามากๆแน่นอนว่าสานต่อจากรุ่นก่อนหน้าได้ดี ทรงนี้สวยขึ้นมีความเป็นตัวเองมากขึ้นเพราะว่าไม่เหมือนกับรุ่นก่อนที่แอบจะไปคล้ายกับอีกค่าย แต่พอมารุ่นนี้กลับพัฒนาขึ้นสวยและลงตัวขึ้นรวมถึงมีการใช้ด้านสีเงินสวยงามมากกว่าเดิมและใส่ใช้งานได้กระชับปรับมาใช้งานแบบ In-Ear พร้อมกับ มาพร้อมกับหูฟังไร้สายน้ำหนักเพียง 4.1 กรัม และ หูฟังทั้ง 2 ข้างเมื่อรวมกับ Charging Case แล้วจะหนักเพียง 42.7 กรัมเท่านั้น รวมถึงรองรับการกันน้ำ IPX5 ทำให้เรื่องของการใส่ออกกำลังนั้นก็ไม่ต้องห่วงด้วยเช่นกันครับ และเป็นการพัฒนาต่อจากรุ่น Buds Air Pro ที่ต้องบอกเลยว่า สวยขึ้น เสียงดีขึ้นและราคากลับทำได้ดีกว่าเดิมด้วย
ในดีไซน์เมื่อมาดูแบบชัดๆที่เด่นๆนั้นคงจะหนีไม่พ้นกับก้านสีเงินแววสวยงามแบบโครมเมี่ยมพร้อมกับรูปทรงสวยงามและมาพร้อมกับที่ชาร์จในด้านล่างเช่นเดิมครับ ส่วนตัวหูฟังยางซิลิโคนนั้นนุ่มนิ่มใช้งานได้ดี รวมถึงมีไมค์แทรกเข้ามาให้สำหรับการตัดเสียงต่างๆ รวมถึงรุ่นนี้จะพิเศษกว่ารุ่น Neo เพราะว่ามีเซนเซอร์ตรวจจับการสวมใส่เข้ามาด้วยเช่นกัน และตัวท่อเสียงนั้นจะมีขนาดใหญ่ระดับนึงกับไดรเวอร์ 10 มม. ถือว่าภาพรวมดีไซน์สวยหรูมากขึ้นเยอะจริงๆ และแน่นอนว่าเรื่องของชื่อสีต่างๆนั้นมีการเอาชื่อเพลงจาก The Chainsmoker ใส่เข้ามาในชื่อ Closer White ด้วย ส่วนการสั่งงานใช้งาน สามารถแตะตรงตัวก้านสีเงินได้เลยครับ และสามารถปรับแต่งคำสั่งได้ในตัวแอพแยกอีกที
ตัวเคสนั้นเป็นรูปทรงไข่สวยงามเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนแต่แอบเสียดายการชาร์จไร้สายได้หายไปแล้วครับทำให้การใส่ใช้งานชาร์จไฟเข้าจะเป็นแค่สาย USB-C เท่านั้นและตัวเคสแน่นอนว่าทรงแบบนี้ตั้งวางได้ยากมากๆในแนวตั้ง ส่วนขนาดอะไรนั้นกำลังพกพาได้ดี และเบาแม้จะใส่หูฟังเข้าเคสก็ตามส่วนปุ่มสั่งงานบนตัวเคสจะอยู่ฝั่งขวาของเคสครับ ถือว่าเคสนั้นสีขาวเงาสวยและเบาแต่เรื่องรอยขนแมวอะไรก็เป็นปกติของวัสดุแบบนี้ครับรักษากันยากนิดนึงในการใช้งานทั่วไป และแน่นอนว่าอาจจะมีเคสออกมาขายแยกในอนาคต หรือว่าแบรนด์อื่นๆก็อาจจะมีตามมาเร็วๆนี้แน่ๆครับ
ภาพรวมทั้งตัวเคสและหูฟังของ Buds air 2 ถือว่าสวยหรูสมราคากับรุ่นพี่และคุณภาพงานประกอบแอบเนียนและแน่นกว่ารุ่น Neoในเรื่องของตัวเคสแน่นอว่าดีกว่าเดิมและยังคงน้ำหนักเบาและพกพาได้ง่ายครับ การใส่ใช้งานชาร์จก็วางไปได้เลย แถมไฟสถานะนั้นจะอยู่ในด้านหน้าคอยบอกเวลาชาร์จไฟต่างๆว่าแบตจะหมดหรือเต็มแล้วนั้นเองครับ
DESIGN BUDS AIR 2 NEO
งานออกแบของ Buds Air Neo จุดเด่นคงหนีไม่พ้นเรื่องของขนาดและการพกพารวมถึงวัสดุแบบสีด้านออกสีเทาๆนิดหน่อยครับและสีสันตัวหูฟังที่มีความโดดเด่นและดูวัยรุ่นมากกว่าอาจจะเจาะกลุ่มลูกค้ากันคนละแบบเลยนั้นเองส่วนเรื่องของการพกพานั้น ออกแบบดีไซน์ด้วยความเป็น Futuristic หรือความเป็นโลกแห่งอนาคตทั้งสีสัน และ ลูกเล่นต่างๆ โดยบริเวณด้านบนของตัว Buds จะมีความโค้ง 48 องศา และบริเวณส่วนล่างของตัว Buds มีความโค้ง 72 องศา ส่วน Buds 1 ข้างนั้น จะมีน้ำหนักเพียง 4.5 กรัม และสำหรับ Buds 2 ข้างพร้อมกับ Charging Case จะมีน้ำหนักเพียง 45 กรัม เรียกได้ช่วยให้สะดวกสบายทั้งสำหรับใช้งานหรือแม้แต่กระทั่งการพกพา ในรุ่น Air 2 Neo แต่แอบน่าสนใจครับเพราะว่าแม้จะดูเล็ก แต่พอมาดูน้ำหนัก ขนาดในภาพรวมนั้นตัว Neo กลับหนักกว่ารุ่นพี่นิดนึง
ตัวหูฟังนั้นจะไม่ได้มีก้านอะไรแบบรุ่นพี่แต่จะเน้นการใส่ฟังเพลงมากกว่าการใช้งานคุยทำให้ทรงเลยออกมาแบบนี้ครับ เน้นใส่ง่ายไม่เกะกะกระชับมากกว่า งานออกแบบ บริเวณส่วนด้านบนของตัว Buds จะมีความแวววาว ตามคอนเซป Futuristic ซึ่งได้ใช้เทคนิค Lamination Process นั่นคือการใช้ฟิล์มพลาสติกที่ผ่านกระบวนการลามิเนต โดยการนำฟิล์มพลาสติกหลายๆชั้นมาเคลือบติดเข้าด้วยกันเป็นฟิล์มแผ่นเดียว นอกจากนี้ยังมีการใช้กระบวนการ Matte Process และยังมาพร้อมกับการควบคุมอย่างอัจฉริยะ ผ่านตรงสีวาวๆด้านนอกรวมถึงมีไมค์ตัดเสียงและ ที่ชาร์จมาให้ในด้านในที่เป็นแถบทองแดงครับ ส่วนท่อเสียงนั้นเป็นวงกลมและมีขนาดใหญ่กำลังดี รวมถึงตัวจุกซิลิโคนเช่นกัน
ตัวเคสมาพร้อมกับสีเทาอมฟ้านิดๆแบบสีด้านแตกต่างกับรุ่น Air 2 ชัดเจนครับรวมถึงเปลี่ยนงานออกแบบจาก Air Neo เยอะมากๆสวยและลงตัวขึ้นเป็นเหมือนการพัฒนาต่อจาก Bud Q มากกว่าแต่ปรับคุณภาพอะไรได้ดีขึ้น สวยขึ้นด้วยเช่นกันครับ ตัวเคสมีความเบาและสวยรวมถึงใช้งาน USB-C ในด้านหลังและปุ่มควบคุมอยู่ข้างในพร้อมไฟสถานะในด้านหน้าตัวเคส วัสดุเป็นพลาสติกพื้นฐานครับตัวฝาอะไรแน่นกำลังดีไม่โยกอะไร สมกับราคาและคุณภาพ
เมื่อใส่ใช้งานเวลาชาร์จก็จะมีไฟสถานะบนตัวเคสขึ้นมาครับแน่นอนว่าเป็นสีสันที่สวยมากจริงๆบนฝาตัวหูฟังครับและสีที่จะออกเทาๆทำให้ใช้งานจริงนั้นสกปรกได้ยากกว่าสีขาวล้วนถือว่าทำออกมาได้ใช้งานได้ดีขึ้นแต่ด้วยวัสดุแบบด้านก็อาจจะต้องระวังเลอะและเช็ดออกยากนิดนึงแต่พวกรอยขนแมวก็จะน้อบกว่าแบบเงาแตกต่างข้อดีกันไปด้วยเช่นกัน
[SR] รีวิว realme Buds Air 2 และ Buds Air 2 Neo พร้อม ANC และ ไดรเวอร์ 10 มม. !
realme ยังคงเดินหน้าเปิดตัว AIOT ของตัวเองกันแบบไม่ต้องหยุดพักอีกแล้วหลายๆท่านคงได้อ่านรีวิวจากค่ายนี้กันแบบต่อเนื่องยาวๆ เมื่อย้อนกลับไปในงานเปิดตัว realme 8 series ในไทยในไม่กี่วันที่ผ่านมาต้องบอกว่าเปิดตัวนอกเหนือจาก realme 8 และ realme 8 5G แล้วนั้นยังคงมีการเปิดตัว AIOT รุ่นใหม่เยอะมากๆไม่ว่าจะเป็น realme Buds Air 2 และ realme Buds Air 2 Neo รวมถึงยังมีลำโพง BT รุ่นใหม่จากค่ายนี้ด้วยนะถือว่าจัดเต็มจริงๆ แต่ครั้งนี้เราจะมาเน้นในตัวหูฟัง TWS กันดีกว่า เพราะว่าในรุ่นก่อนหน้าทำออกมาได้ดีนะ ส่วนรุ่นใหม่จะเด่นยังไงกันบ้างนั้นมาอ่านกันได้เลย แถมยังได้ร่วมงานกับ The Chainsmoker มาช่วยปรับ จูนเสียงด้วยจัดว่าดี
realme Buds Air 2 นั้นจะเป็นรุ่นพี่จัดเต็มในแง่ของการใช้งาน งานออกแบบแน่นอนว่าจุดแตกต่างกันนั้นน่าจะเป็นเรื่องของงานออกแบบรวมถึงฟีเจอร์บางอย่างและการจัดเสียงรวมถึงไมค์ที่ตัด Buds Air 2 นั้นจะดีกว่าแบบชัดเจนครับ ในแง่ของสเปคอาจจะไม่ได้หนีกันมากนัก จะมาพร้อมกับ ระบบตัดเสียง ANC (Active Noise Cancellation) และยังรองรับ Transparency mode โหมดฟังเสียงภายนอก ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถฟังเสียงรอบข้างได้ และใช้งาน ระบบเสียงไดรเวอร์เบส Diamond-class Hi-Fi 10 มิลลิเมตร และ สามารถใช้งานได้ยาวนาน 25 ชั่วโมง รวมถึง รองรับการชาร์จเร็วด้วยการชาร์จเพียง 10 นาทีสำหรับการใช้งานได้ถึง 2 ชั่วโมง และยังมี โหมดความหน่วงต่ำ 88ms Super Low Latency รวมถึง รองรับการสั่งงานสัมผัส และ กันน้ำระดับ IPX5 และใช้งาน realme Link รองรับระบบอีควอไลเซอร์ (Equalizer) อีกทั้งจะมีระบบตรวจจับการสวมใส่เมื่อใส่ใช้งานหรือว่าถอดออกนั้นเอง และเป็นรุ่นที่พัฒนาเสียงกับ The Chainsmoker ทำให้มีความโดดเด่นมากขึ้นและคุณภาพเสียงจะเน้นกว่าตัว Neo รุ่นนี้จะมาพร้อมกับ. ราคา 2,499 บาท ในทั้งสี Closer White และ Closer Black ซึ่งรุ่นนี้จะเป็นการขายหน้าร้านทั่วไปครับ
realme Buds Air 2 Neo แน่นอนว่ารุ่นนี้จะเป็นรุ่นเล็กที่ราคาถูกกว่าและขายในออนไลน์เท่านั้นทำให้มีทั้งเรื่องของงานออกแบบและฟีเจอร์ ระบบเสียงอะไรที่แอบมีความแตกต่างกันรวมถึงรุ่นนี้จะไม่ได้มีการจูนเสียงจาก The Chainsmoker ด้วยนั้นเอง ส่วนสเปคนั้นจะมาพร้อมกับ ระบบตัดเสียงรบกวน (Active Noise Cancellation) และยังคงมี Transparency mode โหมดฟังเสียงภายนอก รวมถึง ระบบเสียงไดรเวอร์เบส Diamond-class Hi-Fi 10 มิลลิเมตร สามารถใใช้งานได้ยาวนาน 28 ชั่วโมง รองรับการชาร์จเร็วด้วยการชาร์จเพียง 10 นาทีสำหรับการใช้งานได้ถึง 3 ชั่วโมง มี Gaming Mode รองรับโหมดความหน่วงต่ำ 88ms Super Low Latency และ ไมโครโฟนแบบคู่ พร้อมตัดเสียงรบกวน รองรับการสั่งงานสัมผัส และ กันน้ำระดับ IPX5 และใช้งาน realme Link และมาพร้อมกับ ราคา 1,299 บาท วางขายแบบออนไลน์ ทั้งในสี Active Black และ Calm Grey
- realme Buds Air 2 Neo
ราคา 1,299 บาท วางขายแบบออนไลน์ ทั้งในสี Active Black และ Calm Grey
- realme Buds Air 2
ราคา 2,499 บาท ในทั้งสี Closer White และ Closer Black ซึ่งรุ่นนี้จะเป็นการขายหน้าร้านทั่วไป
UNBOX
ตัวกล่องยังคงใช้งานดีไซน์งานออกแบที่ต้องบอกว่าคล้ายกับรุ่นเดิม แต่ส่วนที่แอบขัดใจคงจะเป็นการที่หน้าปกบนกล่องนั้นจะเป็นสีดำ แต่พอข้างในเป็นสีขาวซึ่งไม่แน่ใจว่าตัวจริงหรือว่าขายจริงอาจจะเปลี่ยนสีตามหรือไม่นั้นต้องรอดูกันครับ ส่วนกล่องทั้ง 2 รุ่นนั้นมีการเปลี่ยนแปลงหรือว่าการเปิดแตกต่างกันไปซึ่งตัว Buds Air 2 จะดูพรีเมี่ยมกว่า
UNBOX BUDS AIR 2
- ตัวเคส realme Buds Air 2
- หูฟัง realme Buds Air 2
- สายชาร์จ USB-C สีเหลือง
- จุกหูฟัง 2 ขนาด
- คู่มือการใช้งาน
UNBOX BUDS AIR 2 NEO
- ตัวเคส realme Buds Air 2 Neo
- หูฟัง realme Buds Air 2 Neo
- สายชาร์จ USB-C สีเหลือง
- จุกหูฟัง 2 ขนาด
- คู่มือการใช้งาน
DESIGN BUDS AIR 2
งานออกแบบตัว Buds Air นั้นถือว่าสวยและดูหรูหรามากๆแน่นอนว่าสานต่อจากรุ่นก่อนหน้าได้ดี ทรงนี้สวยขึ้นมีความเป็นตัวเองมากขึ้นเพราะว่าไม่เหมือนกับรุ่นก่อนที่แอบจะไปคล้ายกับอีกค่าย แต่พอมารุ่นนี้กลับพัฒนาขึ้นสวยและลงตัวขึ้นรวมถึงมีการใช้ด้านสีเงินสวยงามมากกว่าเดิมและใส่ใช้งานได้กระชับปรับมาใช้งานแบบ In-Ear พร้อมกับ มาพร้อมกับหูฟังไร้สายน้ำหนักเพียง 4.1 กรัม และ หูฟังทั้ง 2 ข้างเมื่อรวมกับ Charging Case แล้วจะหนักเพียง 42.7 กรัมเท่านั้น รวมถึงรองรับการกันน้ำ IPX5 ทำให้เรื่องของการใส่ออกกำลังนั้นก็ไม่ต้องห่วงด้วยเช่นกันครับ และเป็นการพัฒนาต่อจากรุ่น Buds Air Pro ที่ต้องบอกเลยว่า สวยขึ้น เสียงดีขึ้นและราคากลับทำได้ดีกว่าเดิมด้วย
ในดีไซน์เมื่อมาดูแบบชัดๆที่เด่นๆนั้นคงจะหนีไม่พ้นกับก้านสีเงินแววสวยงามแบบโครมเมี่ยมพร้อมกับรูปทรงสวยงามและมาพร้อมกับที่ชาร์จในด้านล่างเช่นเดิมครับ ส่วนตัวหูฟังยางซิลิโคนนั้นนุ่มนิ่มใช้งานได้ดี รวมถึงมีไมค์แทรกเข้ามาให้สำหรับการตัดเสียงต่างๆ รวมถึงรุ่นนี้จะพิเศษกว่ารุ่น Neo เพราะว่ามีเซนเซอร์ตรวจจับการสวมใส่เข้ามาด้วยเช่นกัน และตัวท่อเสียงนั้นจะมีขนาดใหญ่ระดับนึงกับไดรเวอร์ 10 มม. ถือว่าภาพรวมดีไซน์สวยหรูมากขึ้นเยอะจริงๆ และแน่นอนว่าเรื่องของชื่อสีต่างๆนั้นมีการเอาชื่อเพลงจาก The Chainsmoker ใส่เข้ามาในชื่อ Closer White ด้วย ส่วนการสั่งงานใช้งาน สามารถแตะตรงตัวก้านสีเงินได้เลยครับ และสามารถปรับแต่งคำสั่งได้ในตัวแอพแยกอีกที
ตัวเคสนั้นเป็นรูปทรงไข่สวยงามเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนแต่แอบเสียดายการชาร์จไร้สายได้หายไปแล้วครับทำให้การใส่ใช้งานชาร์จไฟเข้าจะเป็นแค่สาย USB-C เท่านั้นและตัวเคสแน่นอนว่าทรงแบบนี้ตั้งวางได้ยากมากๆในแนวตั้ง ส่วนขนาดอะไรนั้นกำลังพกพาได้ดี และเบาแม้จะใส่หูฟังเข้าเคสก็ตามส่วนปุ่มสั่งงานบนตัวเคสจะอยู่ฝั่งขวาของเคสครับ ถือว่าเคสนั้นสีขาวเงาสวยและเบาแต่เรื่องรอยขนแมวอะไรก็เป็นปกติของวัสดุแบบนี้ครับรักษากันยากนิดนึงในการใช้งานทั่วไป และแน่นอนว่าอาจจะมีเคสออกมาขายแยกในอนาคต หรือว่าแบรนด์อื่นๆก็อาจจะมีตามมาเร็วๆนี้แน่ๆครับ
ภาพรวมทั้งตัวเคสและหูฟังของ Buds air 2 ถือว่าสวยหรูสมราคากับรุ่นพี่และคุณภาพงานประกอบแอบเนียนและแน่นกว่ารุ่น Neoในเรื่องของตัวเคสแน่นอว่าดีกว่าเดิมและยังคงน้ำหนักเบาและพกพาได้ง่ายครับ การใส่ใช้งานชาร์จก็วางไปได้เลย แถมไฟสถานะนั้นจะอยู่ในด้านหน้าคอยบอกเวลาชาร์จไฟต่างๆว่าแบตจะหมดหรือเต็มแล้วนั้นเองครับ
DESIGN BUDS AIR 2 NEO
งานออกแบของ Buds Air Neo จุดเด่นคงหนีไม่พ้นเรื่องของขนาดและการพกพารวมถึงวัสดุแบบสีด้านออกสีเทาๆนิดหน่อยครับและสีสันตัวหูฟังที่มีความโดดเด่นและดูวัยรุ่นมากกว่าอาจจะเจาะกลุ่มลูกค้ากันคนละแบบเลยนั้นเองส่วนเรื่องของการพกพานั้น ออกแบบดีไซน์ด้วยความเป็น Futuristic หรือความเป็นโลกแห่งอนาคตทั้งสีสัน และ ลูกเล่นต่างๆ โดยบริเวณด้านบนของตัว Buds จะมีความโค้ง 48 องศา และบริเวณส่วนล่างของตัว Buds มีความโค้ง 72 องศา ส่วน Buds 1 ข้างนั้น จะมีน้ำหนักเพียง 4.5 กรัม และสำหรับ Buds 2 ข้างพร้อมกับ Charging Case จะมีน้ำหนักเพียง 45 กรัม เรียกได้ช่วยให้สะดวกสบายทั้งสำหรับใช้งานหรือแม้แต่กระทั่งการพกพา ในรุ่น Air 2 Neo แต่แอบน่าสนใจครับเพราะว่าแม้จะดูเล็ก แต่พอมาดูน้ำหนัก ขนาดในภาพรวมนั้นตัว Neo กลับหนักกว่ารุ่นพี่นิดนึง
ตัวหูฟังนั้นจะไม่ได้มีก้านอะไรแบบรุ่นพี่แต่จะเน้นการใส่ฟังเพลงมากกว่าการใช้งานคุยทำให้ทรงเลยออกมาแบบนี้ครับ เน้นใส่ง่ายไม่เกะกะกระชับมากกว่า งานออกแบบ บริเวณส่วนด้านบนของตัว Buds จะมีความแวววาว ตามคอนเซป Futuristic ซึ่งได้ใช้เทคนิค Lamination Process นั่นคือการใช้ฟิล์มพลาสติกที่ผ่านกระบวนการลามิเนต โดยการนำฟิล์มพลาสติกหลายๆชั้นมาเคลือบติดเข้าด้วยกันเป็นฟิล์มแผ่นเดียว นอกจากนี้ยังมีการใช้กระบวนการ Matte Process และยังมาพร้อมกับการควบคุมอย่างอัจฉริยะ ผ่านตรงสีวาวๆด้านนอกรวมถึงมีไมค์ตัดเสียงและ ที่ชาร์จมาให้ในด้านในที่เป็นแถบทองแดงครับ ส่วนท่อเสียงนั้นเป็นวงกลมและมีขนาดใหญ่กำลังดี รวมถึงตัวจุกซิลิโคนเช่นกัน
ตัวเคสมาพร้อมกับสีเทาอมฟ้านิดๆแบบสีด้านแตกต่างกับรุ่น Air 2 ชัดเจนครับรวมถึงเปลี่ยนงานออกแบบจาก Air Neo เยอะมากๆสวยและลงตัวขึ้นเป็นเหมือนการพัฒนาต่อจาก Bud Q มากกว่าแต่ปรับคุณภาพอะไรได้ดีขึ้น สวยขึ้นด้วยเช่นกันครับ ตัวเคสมีความเบาและสวยรวมถึงใช้งาน USB-C ในด้านหลังและปุ่มควบคุมอยู่ข้างในพร้อมไฟสถานะในด้านหน้าตัวเคส วัสดุเป็นพลาสติกพื้นฐานครับตัวฝาอะไรแน่นกำลังดีไม่โยกอะไร สมกับราคาและคุณภาพ
เมื่อใส่ใช้งานเวลาชาร์จก็จะมีไฟสถานะบนตัวเคสขึ้นมาครับแน่นอนว่าเป็นสีสันที่สวยมากจริงๆบนฝาตัวหูฟังครับและสีที่จะออกเทาๆทำให้ใช้งานจริงนั้นสกปรกได้ยากกว่าสีขาวล้วนถือว่าทำออกมาได้ใช้งานได้ดีขึ้นแต่ด้วยวัสดุแบบด้านก็อาจจะต้องระวังเลอะและเช็ดออกยากนิดนึงแต่พวกรอยขนแมวก็จะน้อบกว่าแบบเงาแตกต่างข้อดีกันไปด้วยเช่นกัน
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้