สวัสดีครับ เจอกับผม เต้ อีกเช่นเคยครับ วันนี้ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ได้เทียบมือถือสองรุ่นที่ราคาแทบจะเท่ากันเลยก็ว่าได้ ก็คือ Redmi Note 10 Pro และ Xiaomi Mi 11 Lite 

ทั้งสองรุ่นนี้ถ้านับกันตามชื่อรุ่น อาจจะอยู่คนละตำแหน่งกันก็จริง แต่ด้วยสเปกและราคา ที่ใกล้เคียงกันเหลือเกิน ผมเชื่อว่าหลายๆคนก็คงลังเลเหมือนกันว่าราคามันใกล้เคียงกันขนาดนี้ จะเลือกรุ่นไหนดี ซึ่งแต่ละตัวก็จะมีจุดเด่นที่ต่างกัน ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร เชิญรับชมกันได้เลยครับ

 

กล่องของ Redmi Note 10 Pro จะมีรูปตัวเครื่องที่สกรีนเป็นสีมาอย่างชัดเจน ส่วน Mi 11 Lite จะมีแค่ตัวหน้าสือหน้ากล่องเท่านั้น ซึ่งมือถือฝั่ง Xiaomi ที่เป็นรุ่นท็อปๆจะเป็นแบบนี้ทุกตัว

สำหรับใครที่อยากดูรีวิวแบบวีดีโอก็เชิญรับชมได้เลยครับ

V
V
V
V
V

 

ขนาดตัวเครื่อง 164 x 76.5 x 8.1 มิลลิเมตร 

น้ำหนัก : 193 กรัม

หน้าจอแสดงผล AMOLED แบบเจาะรูตรงกลาง ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ 2400 x 1080 , อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 , อัตรารีเฟรชเรท 120Hz , Touch Sampling Rate 240Hz , 395 PPI

ระบบปฏิบัติการ MIUI 12 บน Android 11

CPU: Snapdragon 732G

GPU: Adreno 618

RAM : 6GB / 8GB LPDDR4X

ความจุตัวเครื่อง 64GB / 128GB ใช้หน่วยความจำแบบ UFS 2.2

กล้องหลัง 4 ตัว 108 + 8 + 5 + 2 ล้านพิกเซล

กล้องหลัก 108 ล้านพิกเซล f/1.9 Samsung ISOCELL HM2

กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มุมกว้าง 118 องศา

กล้อง Tele Macro 5 ล้านพิกเซล f/2.4 มีออโต้โฟกัส

กล้องวัดความลึก 2 ล้านพิกเซล f/2.4

กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล f/2.45

แบตเตอรี่ 5020mAh

รองรับชาร์จด่วน 33 วัตต์ (ในกล่องแถมหัวชาร์จ 33 วัตต์มาให้)

ช่องเสียบรูหูฟังขนาด 3.5 mm 

สแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่อง

มี NFC

มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP53

มีสีให้เลือก 3 สี สีฟ้า สีส้ม สีเทา

ราคา 6/128GB 8,499 บาท และ 8/128GB 8,999 บาท

 

ขนาดตัวเครื่อง 160.53 x 75.73 x 6.81 มิลลิเมตร 

น้ำหนัก : 157 กรัม

หน้าจอแสดงผล AMOLED แบบเจาะรูตรงมุมซ้าย ความลึกสี 10 bit ขนาด 6.55 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ 2400 x 1080 , อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 , อัตรารีเฟรชเรท 90Hz , Touch Sampling Rate 240Hz , 402 PPI , กระจก Gorilla Glass 5

ระบบปฏิบัติการ MIUI 12 บน Android 11

CPU: Snapdragon 732G

GPU: Adreno 618

RAM : 8GB LPDDR4X

ความจุตัวเครื่อง 128GB ใช้หน่วยความจำแบบ UFS 2.2

กล้องหลัง 3 ตัว 64 + 8 + 5 ล้านพิกเซล

กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล f/1.79 Samsung ISOCELL GW3

กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มุมกว้าง 119 องศา

กล้อง Tele Macro 5 ล้านพิกเซล f/2.4 มีออโต้โฟกัส

กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล f/2.45

แบตเตอรี่ 4250mAh

รองรับชาร์จด่วน 33 วัตต์ (ในกล่องแถมหัวชาร์จ 33 วัตต์มาให้)

ไม่มีช่องเสียบรูหูฟังขนาด 3.5 mm แต่มีหัวแปลง Type-C to 3.5 มาให้ในกล่อง

สแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่อง

มี NFC

มีสีให้เลือก 3 สี สีฟ้า สีส้ม สีดำ

ราคา 8/128GB 8,999 บาท

 

อุปกรณ์ในกล่อง Redmi Note 10 Pro และ Mi 11 Lite ก็จะมีคู่มือ คู่มือการรับประกัน ที่จิ้มถาดซิม หัวชาร์จขนาด 33 วัตต์ สาย USB Type-A to Type-C ที่รองรับ 33 วัตต์ เคสใสแบบนิ่ม และสำหรับ Mi 11 Lite จะมีหัวแปลง Type-C to 3.5 มาให้ เพราะ Mi 11 Lite ไม่มีช่องหูฟังมาให้ครับ

 

ภายนอกตัวเครื่องของ Redmi Note 10 และ Mi 11 Lite ฝาหลังจะเป็นกระจก แต่ตามสเปกของทั้งสองรุ่นไม่ได้ระบุไว้ว่าเป็นกระจกแบบไหน ฝาหลัง Redmi Note 10 Pro จะเป็นกระจกที่เป็นพื้นผิวแบบเงาและโค้ง เมื่อกระทบแสง จะให้ความรู้สึกเหมือนเป็นกระจกผิวด้านซึ่งดูดีมากๆ แต่ด้วยความที่เป็นพื้นผิวแบบเงา ก็จะทำให้เกิดรอยนิ้วมือได้

 

ส่วน ฝาหลังของ Mi 11 Lite จะเป็นกระจกที่มีพื้นผิวมันและไม่โค้ง...สำหรับสีดำที่ผมได้มา ตามสเปกจะเป็นกระจกที่ให้ผิวสัมผัสที่ลื่น ส่วนสีส้ม และสีฟ้า จะใช้กระจกที่ลดแสงสะท้อน...ส่วนตัวผมชอบฝาหลังที่เป็นสีๆมากกว่า แต่สีดำมันของทั้งสองรุ่นมันก็ดูหรูดูพรีเมี่ยมสมราคามากขึ้น

 

การจับถือของ Redmi Note 10 Pro ก็จะให้ความรู้สึกโค้งรับกับมือมากกว่า Mi 11 Lite เพราะฝาหลังเป็นแบบโค้ง ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องที่หนัก 193 กรัม ก็ยังถือว่าหนักสำหรับใครหลายๆคน...ส่วนใหญ่ปัจจุบันมือถือที่มีแบตเตอรี่ขนาด 5000 มิลลิแอมป์ก็จะหนักประมาณนี้อยู่แล้วครับ

 

แต่สำหรับ Mi 11 Lite ผมบอกเลยว่า สัมผัสแรกที่ผมจับ...ทำไมมันเบาและบางขนาดนี้ ผมจำได้ว่ามือถือที่น้ำหนักเบาและบางขนาดนี้ที่ผมได้จับล่าสุดน่าจะเป็น Xiaomi Mi A2 เพราะหลายปีที่ผ่านมา มันจะมีแต่หนาขึ้น จนเราชินกับความหนาของมันไปแล้ว Mi 11 Lite จะเหมาะมากกับคนที่ชอบมือถือเบา และบาง ด้วยความหนาเพียงแค่ 6.81 มิลลิเมตร และหนักเพียง 157 กรัมเท่านั้น เชื่อว่าหลายคนคงถูกใจกับความบางและเบาของ Mi 11 Lite แน่นอน

 

ด้านบนของ Redmi Note 10 Pro ซ้ายสุดจะเป็น IR ที่ใช้เป็นรีโมท ถัดมาก็จะเป็นไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนขณะสนทนา รูลำโพง และช่องหูฟัง 3.5 ส่วน Mi 11 Lite ซ้ายสุดก็จะเป็น IR ที่ใช้เป็นรีโมท ถัดมาก็จะเป็นไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน...Mi 11 Lite มีลำโพง 2 ตัว แต่ไม่ได้เจาะรูด้านบนมา ซึ่งเสียงจะออกจากช่องเดียวกับลำโพงสนทนา ซึ่งความดังถือว่าดังไม่แพ้กับ Redmi Note 10 Pro ที่มีรูลำโพงด้านบน

 

ด้านขวาของทั้ง 2 เครื่อง ก็จะมีปุ่มเปิดปิดเครื่องที่เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือในตัว และปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง

 

ช่องใส่ซิมการ์ดของ Redmi Note 10 Pro จะอยู่ด้านซ้ายของตัวเครื่อง ซึ่งสามารถใส่ซิมการ์ดได้ 2 ซิมการ์ด และใส่ Micro SD Card ได้อีก 1 ช่อง...ส่วน Mi 11 Lite ช่องใส่ซิมการ์ดจะอยู่ด้านล่างของตัวเครื่อง ซึ่งจะเป็นช่องใส่ซิมแบบ Hybrid Slot ที่สามารถใส่ซิมการ์ดได้ 2 ซิมการ์ด แต่ช่องซิมที่ 2 ต้องเลือกว่าจะใส่ซิมการ์ด หรือจะใส่ Micro SD Card

 

ด้านล่างของ Redmi Note 10 Pro ซ้ายสุดจะเป็นไมโครโฟนตัวหลัก ช่อง Type-C และลำโพงตัวหลัก ส่วน Mi 11 Lite ซ้ายสุดจะเป็นช่องใส่ซิมการ์ด ถัดมาก็จะเป็นไมโครโฟนตัวหลัก ช่อง Type-C และลำโพงตัวหลัก

 

ด้านหลังของ Redmi Note 10 Pro มีกล้องทั้งหมด 4 ตัว โดยวางเรียงลงมาเป็นแนวยาว ด้านข้างก็จะมีแฟลช LED ดวงเล็กๆ ส่วนแถบสีดำยาวๆข้างๆคำว่า Ultra ผมเองก็ไม่ทราบจริงๆว่ามันเป็นอะไร เพราะลองส่องไฟดูมันก็ไม่มีอะไร 555+

 

ด้านหลังของ Mi 11 Lite จะมีกล้องทั้งหมด 3 ตัว โดยวางเป็นรูปตัว L แบบกลับหัว และมุมล่างขวาก็จะมีแฟลช LED ซึ่งะสังเกตว่ามันจะมีการแบ่งครึ่ง ซึ่งครึ่งซ้ายจะเป็นเซ็นเซอร์วัดแสง ส่วนด้านขวาจะเป็นแฟลช LED ครับ และแน่นอนว่าทั้ง Redmi Note 10 Pro และ Mi 11 Lite รองรับ NFC ด้วยครับ

 

โมดูลกล้องของ Redmi Note 10 Pro จะเป็นกระจกสองชั้น ที่ชั้นล่างจะไม่มีขอบกันกระแทกและไม่ได้ลบเหลี่ยม ผมแนะนำให้ระวังจุดนี้ให้ดี สำหรับคนที่ไม่ใส่เคส เวลากระแทกกับอะไรก็อาจจะแตกได้ง่าย

 

ส่วน Mi 11 Lite ก็จะเป็นกระจกสองชั้น ที่ชั้นล่างไม่มีของกันกระแทกเหมือนกัน แต่มีการลบเหลี่ยมออก และโมดูลกล้องโดยรวม บางกว่า Redmi Note 10 Pro แบบเห็นได้ชัด