JJNY : ลูกคาใจ!พ่อดับหลังฉีดวัคซีน│โมเดอร์นาเผยเข็ม3 ต้านทุกสายพันธุ์ดีขึ้น│SMEsใต้วอนผ่อนปรน│‘เปิ้ล นาคร’โพสต์ เจอถาม

ลูกคาใจ! พ่อดับสลดหลังฉีดวัคซีนโควิด เผยถึงอาการ ลั่นเรียกร้องความเป็นธรรม
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_6381738

 
ลูกชายคาใจ! พ่อดับสลดหลังฉีดวัคซีนโควิด เผยถึงอาการปวดแน่นหน้าอก หมอระบุสาเหตุกล้ามเนื้อหัวใจวายเฉียบพลัน ลั่นเรียกร้องความเป็นธรรม 
   
จากกรณีนายสมชาย ม่วงวัง อายุ 51 ปี พนักงานบริษัทเอกซเรย์แห่งหนึ่ง เข้ารับการฉีควัคซีนโควิด หลังจากนั้นอีก 2 วัน นายสมชายเกิดอาการแน่นหน้าอกอย่างรุนแรงและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลกะทันหัน ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยแพทย์ระบุสาเหตุเกิดจากสภาวะกล้ามเนื้อหัวใจวายเฉียบพลัน ทำให้ครอบครัวนายสมชายนำศพมาตั้งสวดพระอภิธรรมศพ ที่วัดบางพัง ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา
 
สำหรับความคืบหน้า วันที่ 6 พ.ค.64 ที่ศาลา 3 วัดบางพัง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายสถาพร ม่วงวัง อายุ 27 ปี บุตรชายนายสมชาย เปิดเผยว่า บิดาเข้ารับการฉีดวัคซีนเมื่อช่วงเช้าวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังฉีดวัคซีนมาแล้ว มีอาการแน่นหน้าอกเป็นระยะ จึงนอนพักฟื้นอยู่ที่บ้านในวันที่ 1 และ 2 โดยไม่ได้ออกจากบ้านไปไหน เพราะยังคงมีอาการปวดแน่นหน้าอกเป็นระยะ จนกระทั่งวันที่ 3 ช่วงหัวค่ำ บิดาได้พายเรือออกไป เพื่องมกุ้งตามปกติ ระหว่างนั้นเกิดอาการแน่นหน้าอกอย่างรุนแรง จึงรีบพายเรือกลับเข้าฝั่งไปขอความช่วยเหลือจากรปภ.ที่โรงงานแห่งหนึ่ง ก่อนรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มูลนิธินำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งบิดาตนมีสิทธิประกันสังคมอยู่ที่นั้น
 
นายสถาพร กล่าวอีกว่า หลังบิดาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เสียชีวิต โดยแพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตของบิดาว่ามาจากสาเหตุกล้ามเนื้อหัวใจวายเฉียบพลัน ทำให้ตนกับครอบครัวติดใจและสงสัยในสาเหตุการเสียชีวิต เนื่องจากบิดาไม่เคยเจ็บป่วยด้วยโรคอะไรมาก่อน มีสุขภาพแข็งแรงดี สามารถดำน้ำได้อึดและนาน เพื่องมหากุ้งเป็นประจำ ถ้าเป็นคนเจ็บป่วย สุขภาพไม่แข็งแรงจะไม่สามารถดำน้ำงมหากุ้งในแม่น้ำได้อย่างแน่นอน
 
ประวัติของบิดาก็ไม่เคยเจ็บป่วยหรือมีโรคเกี่ยวกับหัวใจมาก่อน แต่หลังจากบิดาไปฉีดวัคซีนซิโนแวคที่โรงพยาบาลมาได้เพียง 3 วัน ก็มาเสียชีวิตฉับพลัน ตนก็อดสงสัยไม่ได้ว่าสาเหตุมาจากการฉีดวัคซีนใช่หรือไม่ ซึ่งไม่มีคำตอบหรือผู้ที่เกี่ยวข้องใดๆ ออกมาชี้แจงให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ทั้งที่ตนกับครอบครัวยังติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของบิดา แต่เพราะฐานะการเงินครอบครัวแค่พอกินพอใช้ จึงไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป ทั้งที่อยากจะส่งศพของบิดาส่งตรวจหาสาเหตุการเสียชีสิตที่แน่ชัดกว่านี้ แต่ครอบครัวก็ไม่มีเงินในการดำเนินการ
 
นายสถาพร กล่าวอีกอยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้บิดาด้วยว่า เขาต้องมาเสียชีวิตเพราะวัคซีนใช่หรือไม่ ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดลิ่มเลือดไปอุดเส้นเลือดที่เลี้ยงหัวใจจนกลายเป็นสภาวะกล้ามเนื้อหัวใจวายเฉียบพลัน โดยหลังจากตั้งสวดพระอภิธรรมถึงวันศุกร์ที่ 7 นี้แล้ว ครอบครัวจะปรึกษาและตัดสินใจอีกครั้งว่าจะเก็บศพไว้ เพื่อรอการตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้งหรือไม่ และจากการสูญเสียในครั้งนี้ ตนจะขอไม่ฉีดวัคซีนเหล่านี้โดยเด็ดขาด


 
โมเดอร์นาเผย วัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ต้านโควิดทุกสายพันธุ์ได้ดีขึ้น
https://www.matichon.co.th/foreign/news_2710303
 
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม บริษัทโมเดอร์นา อิงค์ ผู้พัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สัญชาติอเมริกันอีกราย ระบุว่า จากผลการทดลองในมนุษย์ในระยะแรกพบว่า การฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ทั้งในวัคซีนที่โมเดอร์นาใช้อยู่ปัจจุบันและวัคซีนตัวใหม่ที่กำลังทดลอง จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม สายพันธุ์แอฟริกาใต้และสายพันธุ์บราซิลได้ โดยมีการฉีดเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนโมเดอร์นาครบ 2 โดสแล้วก่อนหน้านี้
 
ข้อมูลในระยะแรกมาจากการทดลองในกลุ่มตัวอย่าง 40 คน โดยทดสอบทั้งวัคซีนของโมเดอร์นาที่ใช้อยู่ในปัจจุบันและวัคซีนรุ่นที่พัฒนาขึ้นเพื่อป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ในแอฟริกาใต้ นอกจากนี้โมเดอร์นายังศึกษาการฉีดวัคซีนผสม โดยฉีดทั้งวัคซีนรุ่นเดิมและวัคซีนรุ่นใหม่
 
ผลของการทดลองแสดงให้เห็นว่า วัคซีนทั้งสองรุ่นช่วยเพิ่มแอนติบอดีในการป้องกันเชื้อโควิด-19 ทุกสายพันธุ์ แต่วัคซีนเข็มกระตุ้นรุ่นใหม่ตอบสนองต่อเชื้อสายพันธุ์แอฟริกาใต้ได้ดีกว่า
 
ทั้งนี้วัคซีนทั้ง 2 รุ่นมีประสิทธิภาพที่ดี และมีผลข้างเคียงคล้ายกับการทดลองในกลุ่มตัวอย่างที่ฉีดวัคซีนโดสที่ 2 ก่อนหน้านี้โมเดอร์นาได้ระบุว่า วัคซีนของบริษัทมีประสิทธิภาพ 94.1%
 

 
เอสเอ็มอีใต้วอนรัฐผ่อนปรนเงื่อนไขเข้าถึงซอฟต์โลน
https://www.prachachat.net/local-economy/news-660917
 
ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีธุรกิจท่องเที่ยวภาคใต้ชี้เข้าไม่ถึงสินเชื่อฟื้นฟู “ซอฟต์โลน” ดอกเบี้ย 5% วงเงิน 2.5 แสนล้านบาทของแบงก์ชาติ วอนรัฐบาลให้แบงก์พาณิชย์ผ่อนปรนเงื่อนไขการพิจารณา หลังเจอพิษโควิดกระหน่ำลูกค้าเงียบสนิท
 
นายจรูญ แก้ววจีทรัพย์ ผู้จัดการ บริษัท หาดทองการท่องเที่ยว จำกัด ผู้บริหารโรงแรมหาดทองรีสอร์ต อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีพัทลุง จำกัด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตอนนี้ธุรกิจในกลุ่มบริการและธุรกิจการท่องเที่ยวโรงแรม บริษัททัวร์ ห้องอาหาร ฯลฯ ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ถือว่าหนักที่สุด
 
นับตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2564 เป็นต้นมาธุรกิจของกลุ่มเหลือเป็น 0 บริษัทจำเป็นต้องให้พนักงานหยุดพัก และจัดเวลาสลับกันทำงาน โดยโรงแรมไม่สามารถปิดได้ และยังต้องจ่ายค่าไฟฟ้า น้ำ ภาษี ฯลฯ และยังไม่มีทางออกในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้

อยากฝากไปถึงรัฐบาล ทำอย่างไรที่จะมีทางออกให้ภาคธุรกิจสามารถดำเนินธุรกิจไปได้เศรษฐกิจต้องเดินไปควบคู่กับมาตรการป้องกันโควิด-19 ได้ โดยเฉพาะมาตรการด้านการเงินของรัฐบาล ต้องดำเนินการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เนื่องจากมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลออกมาตอนนี้จะมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีบางส่วนที่สามารถเข้าถึง และบางส่วนไม่สามารถเข้าถึง เช่น มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) อัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปีของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ออกมา ธนาคารพาณิชย์มีเงื่อนไขพิจารณาเรื่องของสเตตเมนต์ รายได้ และข้อมูลการดำเนินกิจการอีกหลายอย่าง ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีหลายรายไม่ผ่านการพิจารณา

ดังนั้น ทำอย่างไรจะให้สถาบันการเงินมาหารือพูดคุยกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีถึงความเป็นไปได้ที่จะให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่ต้องปิดกิจการ แบงก์ต้องยอมปล่อยกู้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อให้มีเงินไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่าพนักงานในระดับหนึ่ง เป็นต้น ถ้าผู้ประกอบการเดินหน้าต่อไปได้ เกิดการจ้างแรงงาน เศรษฐกิจก็เดินไปด้วยกันกับโควิด-19 ได้” นายจรูญกล่าว
 
นายจรูญกล่าวต่อไปว่า ยกตัวอย่างคนที่เคยกู้เงินธนาคารมาแล้ว จำนวน 30 ล้านบาท และผ่อนชำระต้นพร้อมดอกเบี้ยไปแล้ว 10 ล้านบาท ยังคงเหลือเงินอีก 20 ล้านบาท
 
จึงอยากกู้ต่ออีก 10 ล้านบาท เพื่อให้เติมเต็มเป็น 30 ล้านบาทเหมือนเดิม โดยหลักทรัพย์ค้ำประกันยังเหมือนเดิมไม่ต้องดำเนินการใหม่ เป็นเวลา 5 ปี โดย ธปท.เป็นผู้ค้ำประกัน ทั้งนี้เป้าหมายเพื่อให้ผู้ประกอบการเดินต่อไปได้ไม่ต้องปิดกิจการ
 
อนึ่ง มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ (สินเชื่อฟื้นฟู) วงเงิน250,000 ล้านบาทของ ธปท. มุ่งเน้นให้สถาบันการเงินส่งผ่านสภาพคล่องดังกล่าวแก่ผู้ประกอบธุรกิจ SMEs ที่ได้รับผลกระทบ
 
แต่ยังมีศักยภาพ ซึ่งได้ปรับปรุงข้อจำกัดจากมาตรการครั้งที่แล้ว โดยขยายขอบเขตลูกหนี้ให้ครอบคลุมทั้งลูกหนี้รายเดิมและลูกหนี้รายใหม่ที่ไม่มีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงิน เพื่อให้ลูกหนี้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น
 
พร้อมกับรองรับการฟื้นตัวที่ต้องใช้เวลา ด้วยการปรับเพิ่มวงเงินกู้ให้สูงขึ้น ขยายระยะผ่อนชำระให้ยาวขึ้น และกำหนดอัตราดอกเบี้ยให้เอื้อต่อการฟื้นฟูกิจการยิ่งขึ้น นอกจากนั้น
 
ภาครัฐยังสนับสนุนกลไกการค้ำประกันสินเชื่อผ่านบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) รวมถึงยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ ธปท.สนับสนุนสภาพคล่องต้นทุนต่ำแก่สถาบันการเงิน เพื่อให้เกิดการส่งผ่านสภาพคล่องไปยังกลุ่มเป้าหมาย
 
โดยลูกหนี้เก่าที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 500 ล้านบาท และลูกหนี้ใหม่ที่ไม่เคยกู้เงินจากสถาบันการเงินที่มีคุณสมบัติตามกำหนด โดยลูกหนี้เก่าให้กู้เพิ่มได้ 30% ของวงเงินสินเชื่อต่อราย ระยะเวลากู้ได้ 5 ปี ดอกเบี้ยเฉลี่ย 5% ต่อปี และให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้ามารับประกัน 40% ของสินเชื่อรวม 10 ปี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่