คงไม่ใช่เรื่องเกินเลยนัก หากจะกล่าวว่า Rurouni Kenshin: The Final เป็นผลงานที่แฟนๆ ทั่วโลกของซามูไรพเนจรต่างตั้งหน้าตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นถึงภาคต่อของไตรภาค Rurouni Kenshin ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพยนตร์คนแสดงที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่เพียงเท่านั้น เนื้อเรื่องของ Rurouni Kenshin: The Final ยังดัดแปลงมาจากมังงะในภาคทัณฑ์มนุษย์ ซึ่งไม่เคยถูกดัดแปลงเป็นอนิเมะอย่างเต็มรูปแบบมาก่อนด้วย (ที่จริงแล้ว ใน OVA ภาค Reflection จะมีฉากต่อสู้กับเอนิชิด้วย แต่ก็เป็นเพียงเนื้อหาส่วนย่อยเท่านั้น)
แต่ในอีกด้านหนึ่ง แฟนๆ ของซามูไรพเนจรจำนวนไม่มากก็น้อย ก็คงกังวลว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะออกมาดีหรือไม่ เพราะการดัดแปลงเนื้อหาภาคทัณฑ์มนุษย์เป็นภาพยนตร์คนแสดงก็มีข้อยุ่งยากอยู่หลายอย่างด้วยกัน
- องค์ประกอบหลายๆ อย่างในมังงะทัณฑ์มนุษย์ ยากแก่การดัดแปลงให้ออกมาดูสมจริง ไม่ว่าจะเป็น อิวังโบรุ่นใหม่ และ “หุ่นลับ” ของเกอิน กระบวนท่านาคาฟ้าคำรนของเคนชินที่มีลักษณะเป็นการใช้คลื่นเสียง หรือกระบวนท่าสรรพประสาทมหากาฬของเอนิชิ เป็นต้น
- แฟนๆ มังงะเห็นพ้องกันว่า ยอดฝีมือที่เป็นลูกน้องของเอนิชินั้น ดูไม่ขลังและร้ายกาจเท่าเหล่าจุปปงคาตานะของชิชิโอ แล้วเนื้อเรื่องในภาคทัณฑ์มนุษย์จะมีบางส่วนที่ให้ความรู้สึกยืดๆ อย่างเช่นตอนยาฮิโกะปะทะลุง Rockman หรือตอนสู้กับจตุดารา
- Rurouni Kenshin ฉบับคนแสดงภาคแรก มีการเอาตัวละครผู้ร้ายสำคัญๆ จากภาคทัณฑ์มนุษย์ไปใช้แล้วจำนวนหนึ่ง ได้แก่ เกอิน และปลอกแขนไร้พ่าย
- ในระหว่างการถ่ายทำ คนที่แสดงเป็นอาโอชิถูกจับกุมในความผิดฐานที่เกี่ยวกับยาเสพติด จึงอาจเป็นไปได้ว่าบทของอาโอชิอาจถูกตัดออกไปจากฉบับภาพยนตร์ ทั้งๆ ที่มีความสำคัญมากในฉบับมังงะ (จะเห็นได้ว่าในหนังตัวอย่างจะไม่เห็นอาโอชิปรากฏตัวขึ้นมาเลย)
เนื่องในโอกาสที่ได้ไปรับชม Rurouni Kenshin: The Final ในโรงภาพยนตร์ ผมจึงขอบอกเล่าสิ่งที่ชอบ-สิ่งที่เสียดายของหนังเรื่องนี้ให้ทุกท่านได้รับทราบกันครับ
สิ่งที่ชอบ
1. ฉากต่อสู้ คิวบู๊ใน Rurouni Kenshin: The Final ออกมาได้สวยงาม ดุเดือด และสามารถนำฉากต่อสู้ในมังงะออกมาตีความและดัดแปลงให้ดูสมจริงได้โดยไม่สะดุด สำหรับฉาก Boss Fight ระหว่างเคนชินและเอนิชินั้น ผมถือว่าเป็นฉากบู๊ที่ยอดเยี่ยมเป็นอันดับสองในภาพยนตร์ตระกูล Rurouni Kenshin ในตอนนี้ (ยังไม่นับภาค The Beginning ซึ่งยังไม่ได้ฉาย ส่วนอันดับหนึ่งนั้น ผมขอยกให้ฉาก Boss Fight ระหว่างยอดฝีมือกลุ่มเคนชินกับชิชิโอ)
2. แม้จะมีเวลาฉายจำกัด และต้องพยายามนำเสนอเนื้อหาของภาคทัณฑ์มนุษย์ (โดยไม่รวมเนื้อหาภาคย้อนอดีต) ให้จบลงภายในหนังภาคเดียว แต่ภาค The Final ก็สามารถเก็บรายละเอียดสำคัญๆ ได้ครอบคลุม และตัดเนื้อหาส่วนที่ยืดๆ จำนวนหนึ่งจากมังงะออกไปแทน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ภาคนี้จะหั่นเนื้อหาส่วนที่เป็นชุมชนคนไร้ราก/ยาฮิโกะปะทะ ลุง Rockman และปืนยิงระเบิด/จตุดารา ออกไป
เนื้อหาส่วนที่ดัดแปลงใหม่ก็มีอยู่บ้าง แต่ไม่ได้กระทบต่อเนื้อเรื่องหลักมากนัก
3. การออกแบบฉาก เสื้อผ้า งานศิลป์สวยงาม พิถีพิถัน และมีการใส่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเอาใจใส่ของผู้กำกับและทีมงาน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้- ในบ้านของเอนิชิ จะมีสิ่งที่ดูเหมือนเป็นขวดน้ำหอมใสๆ ตั้งอยู่ข้างหน้ารูปของโทโมเอะ
- บนหลุมศพของโทโมเอะจะไม่มีชื่อจารึกไว้ แต่จะมีสัญลักษณ์เป็นรูปดอกบ๊วย
- แม้ในเรื่องจตุดาราจะไม่ได้มีต่อสู้ แต่ตัวละครวู เฮย์ชิน ก็จะมีบอดี้การ์ดที่เป็นคนตัวใหญ่หน้าตาคล้ายๆ กันสี่คนคอยประกบอยู่
4. ทีมงานสามารถรับมือกับประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำหนังได้อย่างชาญฉลาด
- ถึงแม้สมาชิกในกลุ่มทัณฑ์มนุษย์จะมีจำนวนคนลดลง แต่ผู้กำกับและทีมงานก็เลือกที่จะเน้นบทบู๊ของสมาชิกคนที่เหลืออยู่มากขึ้น ทำให้คนดูไม่รู้สึกว่าพวกผู้ร้ายโดนเนิร์ฟเหมือนกรณีของสมาชิกระดับยอดฝีมือของจุปปงคาตานะอย่างเช่นอันจิและอุซุย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สมาชิกฝ่ายทัณฑ์มนุษย์นอกจากเอนิชิก็จะมี เจ๊อาวุธลับซึ่งในหนังจะให้เป็นผู้ชายแทน เฮีย Rockman Venom และก็ปลอกแขนไร้พ่ายฉบับรีไซเคิลใหม่ (ตั้งชื่อให้ใหม่ และเปลี่ยน Design ตัวละคร)
- ให้มิซาโตะรับบทบู๊แทนอาโอชิในช่วงหลัง (ซึ่งจะต่างกับในมังงะ ที่มิซาโตะจะมีบทบู๊น้อยมาก) ในส่วนนี้ต้องชมว่าตัว ทสึจิยะ ทาโอะเล่นได้เก่งและพลิ้วมาก
5. มี Big Surprise (ที่ไม่ได้อิงมังงะต้นฉบับ) มา Service แฟนๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ดาบสวรรค์โซจิโร่มาช่วยเคนชินบู๊กับเหล่าร้ายตอนท้ายเรื่อง
สิ่งที่เสียดาย
1. ผู้กำกับแบ่งเนื้อเรื่องในส่วนของโทโมเอะแยกออกเป็นภาค The Beginning ต่างหาก และด้วยเหตุนี้ ฉากที่เคนชินเล่าเรื่องความเป็นมาของโทโมเอะในภาค The Final จึงเป็นไปอย่างเร็วมาก โดยจะมี Flashback ตัดไปมาพร้อมคำบรรยายสั้นๆ เท่านั้น เพื่อไม่ให้เนื้อหาทับซ้อนกับภาค The Beginning จนเกินไป ผลเสียที่ตามมาก็คือ คนดูไม่รู้สึกอินกับความหลังของเคนชินมากเพียงพอ แต่ในขณะเดียวกันก็ได้เห็นฉากที่เป็น Climax บางส่วนจากภาค The Beginning ไปเรียบร้อยแล้ว (ฉากตอนเคนชินได้แผลที่สอง)
2. แม้ตัวละครฝ่ายผู้ร้ายไม่โดนเนิร์ฟ แต่ก็มีตัวละครฝ่ายพระเอกจำนวนหนึ่งถูกเนิร์ฟ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้- ยาฮิโกะ ไม่มีบทบู๊ ไม่มีการเรียนกระบวนท่ามอบดาบแห่งคามิยะคัชชินริว (แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าหนังพยายามเน้นความสมจริงอย่างเช่นในภาคก่อนๆ จะให้เด็กตัวกะเปี๊ยกเดียวมาใช้ท่าเจ๋งๆ แบบในมังงะก็คงดูแปลกมาก) ส่วนคนที่จะมาปิดจ๊อบลุง Rockman กับเจ๊อาวุธลับในเรื่องจะเป็นเคนชิน
- ซาโนสุเกะ ภาคนี้ก็ยังไม่มีท่าสองกระแทกสุดยอด อีกทั้งไม่ได้สู้กับขุนพลคนไหนของเอนิชิเลย ได้เป็นแค่กระสอบทรายของเอนิชิอย่างเดียว
- อาโอชิ ความจริงในเรื่องอาโอชิสามารถต่อสู้กับ Venom ได้อย่างดุเดือดสมศักดิ์ศรี แต่ Venom จะใช้ระเบิดทำร้ายชาวบ้าน อาโอชิเลยไปช่วยและโดนซากอาคารทับบาดเจ็บจนหมดสภาพ ส่วนมิซาโตะจะเป็นคนมาปิดจ๊อบ Venom แทน
3. ในหนังจะมีฉากอยู่สองสามฉากที่ใส่เข้ามาแล้วก็ตัดฉากไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ ทำให้คนดูรู้สึกงง
4. ฉากที่เป็นจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของหนัง ก็คือ”ฉากนั้น” ของท่านคาโอรุที่ทำออกมาแบบครึ่งๆ กลางๆ ไม่ก่อให้เกิดความ Shock หรือสะเทือนใจเหมือนอย่างในมังงะ ยิ่งถ้าเป็นคนที่เคยอ่านมังงะมาก่อนก็จะยิ่งงงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
5. มี Big Surprise ทั้งที แต่ก็ยังใช้ไม่ค่อยคุ้มเท่าไร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ฉากบู๊ของเคนชินและดาบสวรรค์โซจิโร่จะเน้นไปที่การร่วมมือกันจัดการลูกน้องระดับกีกี้ของวู เฮย์ชินเท่านั้น หากเปลี่ยนเป็นให้สองคนนี้แท็กทีมกันสู้กับจตุดาราแทนก็จะยอดเยี่ยมมาก
บทสรุป
หลังจากที่ได้ดู Rurouni Kenshin ฉบับคนแสดงมาได้ 4 ภาคแล้ว ผมขอจัดอันดับหนังไว้ดังนี้ครับ
อันดับในภาพรวม : 2>4=3>1
อันดับของฉาก Boss Fight 3>4>2>1
อันดับในด้านการดัดแปลงเนื้อหาจากต้นฉบับ 2>4>3=1
ส่วน Rurouni Kenshin: The Beginning จะออกมาเป็นอย่างไร ก็คงต้องติดตามกันหลังจากที่หนังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่นในเดือนหน้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมเชื่อว่า Rurouni Kenshin: The Beginning มีศักยภาพสูงมากที่จะได้เป็น Rurouni Kenshin ภาคคนแสดงที่ดีที่สุดครับ
ผมเห็นว่า ปัจจัยที่ทำให้การ์ตูนญี่ปุ่นถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์คนแสดงให้สนุกได้ยาก ก็อยู่ตรงที่การ์ตูนญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับความ “ใหญ่และยาว” เป็นหลัก (เนื้อเรื่องยาว สเกลเรื่องใหญ่ ตัวละครเยอะ ท่าต่อสู้เยอะ ) ถึงแม้ภาพยนตร์คนแสดงชุด Rurouni Kenshin นั้นจะสามารถดัดแปลงเนื้อหาจากต้นฉบับได้เป็นอย่างดีก็ตาม แต่ความ “ใหญ่และยาว” ของมังงะต้นฉบับก็ยังคงสามารถอุปสรรคในการดัดแปลงเนื้อหาอย่างไม่มากก็น้อย ในทางกลับกัน เนื้อหาภาคโทโมเอะที่จะถูกดัดแปลงเป็นภาค The Beginning จะมีลักษณะที่กระชับ กะทัดรัด ตัวเดินเรื่องจะเน้นไปที่เคนชิน โทโมเอะ และกลุ่มผู้ร้ายไม่กี่คนเท่านั้น กระบวนท่าที่เคนชินใช้ก็ไม่เน้นความพิสดารเหมือนภาคชิชิโอและเอนิชิ คุณลักษณะดังกล่าวสามารถช่วยส่งเสริมให้ Rurouni Kenshin: The Beginning เป็นภาพยนตร์แบบตอนดียวจบที่ยอดเยี่ยมได้อย่างไม่ยากนัก (น่าสังเกตว่า คำโปรยในโปสเตอร์ของภาค Beginning จะเขียนไว้ว่า "สุดยอดผลงานแห่งภาพยนตร์ชุดนี้ ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว")
Rurouni Kenshin: The Beginning จะออกมายอดเยี่ยมอย่างที่ผมคาดการณ์ไว้หรือไม่ ไว้โอกาสหน้าผมจะมาอัพเดทให้ฟังกันครับ
[รีวิวล่วงหน้าจากญี่ปุ่น ] Rurouni Kenshin : The Final ซามูไรพเนจรปะทะกินทามะ
คงไม่ใช่เรื่องเกินเลยนัก หากจะกล่าวว่า Rurouni Kenshin: The Final เป็นผลงานที่แฟนๆ ทั่วโลกของซามูไรพเนจรต่างตั้งหน้าตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นถึงภาคต่อของไตรภาค Rurouni Kenshin ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพยนตร์คนแสดงที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่เพียงเท่านั้น เนื้อเรื่องของ Rurouni Kenshin: The Final ยังดัดแปลงมาจากมังงะในภาคทัณฑ์มนุษย์ ซึ่งไม่เคยถูกดัดแปลงเป็นอนิเมะอย่างเต็มรูปแบบมาก่อนด้วย (ที่จริงแล้ว ใน OVA ภาค Reflection จะมีฉากต่อสู้กับเอนิชิด้วย แต่ก็เป็นเพียงเนื้อหาส่วนย่อยเท่านั้น)
แต่ในอีกด้านหนึ่ง แฟนๆ ของซามูไรพเนจรจำนวนไม่มากก็น้อย ก็คงกังวลว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะออกมาดีหรือไม่ เพราะการดัดแปลงเนื้อหาภาคทัณฑ์มนุษย์เป็นภาพยนตร์คนแสดงก็มีข้อยุ่งยากอยู่หลายอย่างด้วยกัน
- องค์ประกอบหลายๆ อย่างในมังงะทัณฑ์มนุษย์ ยากแก่การดัดแปลงให้ออกมาดูสมจริง ไม่ว่าจะเป็น อิวังโบรุ่นใหม่ และ “หุ่นลับ” ของเกอิน กระบวนท่านาคาฟ้าคำรนของเคนชินที่มีลักษณะเป็นการใช้คลื่นเสียง หรือกระบวนท่าสรรพประสาทมหากาฬของเอนิชิ เป็นต้น
- แฟนๆ มังงะเห็นพ้องกันว่า ยอดฝีมือที่เป็นลูกน้องของเอนิชินั้น ดูไม่ขลังและร้ายกาจเท่าเหล่าจุปปงคาตานะของชิชิโอ แล้วเนื้อเรื่องในภาคทัณฑ์มนุษย์จะมีบางส่วนที่ให้ความรู้สึกยืดๆ อย่างเช่นตอนยาฮิโกะปะทะลุง Rockman หรือตอนสู้กับจตุดารา
- Rurouni Kenshin ฉบับคนแสดงภาคแรก มีการเอาตัวละครผู้ร้ายสำคัญๆ จากภาคทัณฑ์มนุษย์ไปใช้แล้วจำนวนหนึ่ง ได้แก่ เกอิน และปลอกแขนไร้พ่าย
- ในระหว่างการถ่ายทำ คนที่แสดงเป็นอาโอชิถูกจับกุมในความผิดฐานที่เกี่ยวกับยาเสพติด จึงอาจเป็นไปได้ว่าบทของอาโอชิอาจถูกตัดออกไปจากฉบับภาพยนตร์ ทั้งๆ ที่มีความสำคัญมากในฉบับมังงะ (จะเห็นได้ว่าในหนังตัวอย่างจะไม่เห็นอาโอชิปรากฏตัวขึ้นมาเลย)
เนื่องในโอกาสที่ได้ไปรับชม Rurouni Kenshin: The Final ในโรงภาพยนตร์ ผมจึงขอบอกเล่าสิ่งที่ชอบ-สิ่งที่เสียดายของหนังเรื่องนี้ให้ทุกท่านได้รับทราบกันครับ
สิ่งที่ชอบ
1. ฉากต่อสู้ คิวบู๊ใน Rurouni Kenshin: The Final ออกมาได้สวยงาม ดุเดือด และสามารถนำฉากต่อสู้ในมังงะออกมาตีความและดัดแปลงให้ดูสมจริงได้โดยไม่สะดุด สำหรับฉาก Boss Fight ระหว่างเคนชินและเอนิชินั้น ผมถือว่าเป็นฉากบู๊ที่ยอดเยี่ยมเป็นอันดับสองในภาพยนตร์ตระกูล Rurouni Kenshin ในตอนนี้ (ยังไม่นับภาค The Beginning ซึ่งยังไม่ได้ฉาย ส่วนอันดับหนึ่งนั้น ผมขอยกให้ฉาก Boss Fight ระหว่างยอดฝีมือกลุ่มเคนชินกับชิชิโอ)
2. แม้จะมีเวลาฉายจำกัด และต้องพยายามนำเสนอเนื้อหาของภาคทัณฑ์มนุษย์ (โดยไม่รวมเนื้อหาภาคย้อนอดีต) ให้จบลงภายในหนังภาคเดียว แต่ภาค The Final ก็สามารถเก็บรายละเอียดสำคัญๆ ได้ครอบคลุม และตัดเนื้อหาส่วนที่ยืดๆ จำนวนหนึ่งจากมังงะออกไปแทน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เนื้อหาส่วนที่ดัดแปลงใหม่ก็มีอยู่บ้าง แต่ไม่ได้กระทบต่อเนื้อเรื่องหลักมากนัก
3. การออกแบบฉาก เสื้อผ้า งานศิลป์สวยงาม พิถีพิถัน และมีการใส่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเอาใจใส่ของผู้กำกับและทีมงาน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
4. ทีมงานสามารถรับมือกับประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำหนังได้อย่างชาญฉลาด
- ถึงแม้สมาชิกในกลุ่มทัณฑ์มนุษย์จะมีจำนวนคนลดลง แต่ผู้กำกับและทีมงานก็เลือกที่จะเน้นบทบู๊ของสมาชิกคนที่เหลืออยู่มากขึ้น ทำให้คนดูไม่รู้สึกว่าพวกผู้ร้ายโดนเนิร์ฟเหมือนกรณีของสมาชิกระดับยอดฝีมือของจุปปงคาตานะอย่างเช่นอันจิและอุซุย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- ให้มิซาโตะรับบทบู๊แทนอาโอชิในช่วงหลัง (ซึ่งจะต่างกับในมังงะ ที่มิซาโตะจะมีบทบู๊น้อยมาก) ในส่วนนี้ต้องชมว่าตัว ทสึจิยะ ทาโอะเล่นได้เก่งและพลิ้วมาก
5. มี Big Surprise (ที่ไม่ได้อิงมังงะต้นฉบับ) มา Service แฟนๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สิ่งที่เสียดาย
1. ผู้กำกับแบ่งเนื้อเรื่องในส่วนของโทโมเอะแยกออกเป็นภาค The Beginning ต่างหาก และด้วยเหตุนี้ ฉากที่เคนชินเล่าเรื่องความเป็นมาของโทโมเอะในภาค The Final จึงเป็นไปอย่างเร็วมาก โดยจะมี Flashback ตัดไปมาพร้อมคำบรรยายสั้นๆ เท่านั้น เพื่อไม่ให้เนื้อหาทับซ้อนกับภาค The Beginning จนเกินไป ผลเสียที่ตามมาก็คือ คนดูไม่รู้สึกอินกับความหลังของเคนชินมากเพียงพอ แต่ในขณะเดียวกันก็ได้เห็นฉากที่เป็น Climax บางส่วนจากภาค The Beginning ไปเรียบร้อยแล้ว (ฉากตอนเคนชินได้แผลที่สอง)
2. แม้ตัวละครฝ่ายผู้ร้ายไม่โดนเนิร์ฟ แต่ก็มีตัวละครฝ่ายพระเอกจำนวนหนึ่งถูกเนิร์ฟ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
3. ในหนังจะมีฉากอยู่สองสามฉากที่ใส่เข้ามาแล้วก็ตัดฉากไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ ทำให้คนดูรู้สึกงง
4. ฉากที่เป็นจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของหนัง ก็คือ”ฉากนั้น” ของท่านคาโอรุที่ทำออกมาแบบครึ่งๆ กลางๆ ไม่ก่อให้เกิดความ Shock หรือสะเทือนใจเหมือนอย่างในมังงะ ยิ่งถ้าเป็นคนที่เคยอ่านมังงะมาก่อนก็จะยิ่งงงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
5. มี Big Surprise ทั้งที แต่ก็ยังใช้ไม่ค่อยคุ้มเท่าไร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทสรุป
หลังจากที่ได้ดู Rurouni Kenshin ฉบับคนแสดงมาได้ 4 ภาคแล้ว ผมขอจัดอันดับหนังไว้ดังนี้ครับ
อันดับในภาพรวม : 2>4=3>1
อันดับของฉาก Boss Fight 3>4>2>1
อันดับในด้านการดัดแปลงเนื้อหาจากต้นฉบับ 2>4>3=1
ส่วน Rurouni Kenshin: The Beginning จะออกมาเป็นอย่างไร ก็คงต้องติดตามกันหลังจากที่หนังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่นในเดือนหน้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมเชื่อว่า Rurouni Kenshin: The Beginning มีศักยภาพสูงมากที่จะได้เป็น Rurouni Kenshin ภาคคนแสดงที่ดีที่สุดครับ
ผมเห็นว่า ปัจจัยที่ทำให้การ์ตูนญี่ปุ่นถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์คนแสดงให้สนุกได้ยาก ก็อยู่ตรงที่การ์ตูนญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับความ “ใหญ่และยาว” เป็นหลัก (เนื้อเรื่องยาว สเกลเรื่องใหญ่ ตัวละครเยอะ ท่าต่อสู้เยอะ ) ถึงแม้ภาพยนตร์คนแสดงชุด Rurouni Kenshin นั้นจะสามารถดัดแปลงเนื้อหาจากต้นฉบับได้เป็นอย่างดีก็ตาม แต่ความ “ใหญ่และยาว” ของมังงะต้นฉบับก็ยังคงสามารถอุปสรรคในการดัดแปลงเนื้อหาอย่างไม่มากก็น้อย ในทางกลับกัน เนื้อหาภาคโทโมเอะที่จะถูกดัดแปลงเป็นภาค The Beginning จะมีลักษณะที่กระชับ กะทัดรัด ตัวเดินเรื่องจะเน้นไปที่เคนชิน โทโมเอะ และกลุ่มผู้ร้ายไม่กี่คนเท่านั้น กระบวนท่าที่เคนชินใช้ก็ไม่เน้นความพิสดารเหมือนภาคชิชิโอและเอนิชิ คุณลักษณะดังกล่าวสามารถช่วยส่งเสริมให้ Rurouni Kenshin: The Beginning เป็นภาพยนตร์แบบตอนดียวจบที่ยอดเยี่ยมได้อย่างไม่ยากนัก (น่าสังเกตว่า คำโปรยในโปสเตอร์ของภาค Beginning จะเขียนไว้ว่า "สุดยอดผลงานแห่งภาพยนตร์ชุดนี้ ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว")
Rurouni Kenshin: The Beginning จะออกมายอดเยี่ยมอย่างที่ผมคาดการณ์ไว้หรือไม่ ไว้โอกาสหน้าผมจะมาอัพเดทให้ฟังกันครับ