ขอขอบคุณ คุณ Earl Malta's จากเพจ Napoleonic & Early Modern History ประวัติศาสตร์ยุคนโปเลียนและยุคใหม่ตอนต้น อย่างสูงครับ
https://www.facebook.com/groups/1856193407777524/
M1858 Podewils เป็นปืนไรเฟิลบรรจุปากของกองทัพบาวาเรียที่เข้าประจำการตั้งแต่ปี 1858 ต่อมาไม่นานก็มีกระแสของปืนไรเฟิลบรรจุท้ายที่เริ่มมาแรง ด้วยการบรรจุกระสุนที่สะดวกรวดเร็วทำให้อัตราการยิงเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพื่อเป็นการปรับตัวให้ทันโลกจึงต้องปรับปรุงปืนให้ทันสมัยมากกว่าเดิม
เพื่อให้ปืนประจำกายของทหารสามารถยิงเร็วได้เหมือนกับปืน Needle gun ของปรัสเซียหรือ Chassepot ของฝรั่งเศส จึงได้มีการดัดแปลงกลไกปืนM1858 ให้กลายเป็นปืนบรรจุท้าย กลไกนี้เรียกว่า linder conversion ซึ่งจะเปลี่ยนปืนแก๊ปรุ่นก่อนให้กลายเป็นปืนลูกเลื่อนบรรจุท้าย แต่ระบบการจุดระเบิดกระสุนก็ยังคงใช้แก๊ปซึ่งก็ต้องใส่ด้านข้างปืนเหมือนเดิม กลายเป็นปืน M1858/67 linder ซึ่งเลข/67 หมายถึงเข้าประจำการในปี 1867 นั่นเอง แม้มันอาจจะด้อยกว่า Needle gun และ Chassepot แต่อย่างน้อยก็ยังยิงได้ไกลและบรรจุได้เร็วกว่าเดิม
หลังจากที่ M1858/67 linder เข้าประจำการได้ไม่ทันไร ก็มีปืนรุ่นใหม่จาก Johann L. Werder สุดยอดนักประดิษฐ์ที่คิดค้นกลไกปืนไรเฟิลแบบใหม่(กลไกนี้ใช้กับปืนพกได้ด้วย) ซึ่งทางกองทัพก็ได้รับเอาปืนไรเฟิลของเขาเข้าประจำการในปี 1869 ปืนรุ่นนี้จึงมีชื่อว่า M1869 Werder ตามหลักการตั้งชื่อทั่วไป
เมื่อเทียบกับปืนM1858/67 รุ่นก่อนหน้าแล้ว ถือได้ว่าปืนรุ่นใหม่นี้คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มีการเปลี่ยนจากการะสุนปลอกกระดาษมาเป็นกระสุนปลอกโลหะที่ยิงได้โดยไม่ต้องกลัวเปียกและไม่ต้องเสียเวลาบรรจุแก๊ปด้านข้าง ที่สำคัญที่สุดคือกลไกการบรรจุอันเป็นเอกลักษณ์ โดยมีคันเปิดท้ายรังเพลิงอยู่ด้านหน้าไกปืน เพียงดันไปด้านหน้าท้ายรังเพลิงก็จะเปิดลงด้านล่าง จากนั้นก็ใส่กระสุนเข้าไปในท้ายลำกล้องทางด้านบน เมื่อง้างนกปืนท้ายรังเพลิงจะปิดโดยอัตโนมัติทำให้ปืนพร้อมยิงทันที หลังจากยิงเสร็จก็ดันคันเปิดท้ายรังเพลิงตรงหน้าไกปืนไปด้านหน้า ท้ายรังเพลิงก็จะเปิดออกพร้อมดีดปลอกกระสุนออกมาทำให้สามารถบรรจุกระสุนนัดใหม่เข้าไปได้อย่างรวดเร็ว กลไกแบบนี้ทำให้ยิงได้เร็วถึง 20-24นัดต่อนาที
ข้อมูลทางเทคนิค(สำหรับใครเบื่อก็ข้ามตรงนี้ไปเลย)
ขนาดกระสุน 11.5x50R
ความยาวโดยรวมทั้งกระบอก 52"
ความยาวลำกล้อง 35"
จำนวนร่องเกลียว 4ร่อง
ระยะครบรอบเกลียว 1:32"
ต่อมาก็เปลี่ยนเป็น 1:36")
อุปกรณ์เสริม แท่นรับดาบปลายปืนสำหรับดาบ yagathan sabre bayonet
ทางกองทัพเห็นว่าปืนแบบนี้ช่างเป็นอะไรที่amazingมากๆ จึงได้มีโครงการที่จะเปลี่ยนปืนประจำกายทหารจากปืนไรเฟิล M1858/67 linder มาเป็นปืนไรเฟิล M1869 werder ทั้งหมด แต่ด้วยความที่กองทัพบาวาเรียเองก็ไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น ทำให้ในปี 1870 ทหารส่วนใหญ่ยังคงใช้ปืนแบบเดิมอยู่ มีเพียงทหารสี่กองพันเท่านั้นที่ได้ใช้ปืน M1869 werder ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นทหาร jäger
หลังสงคราม franco-prussia จบลงเยอรมันก็มีแนวคิดว่าปืนทั้งหมดควรจะมีมาตรฐานเดียวกัน ใช้กระสุนขนาดเดียวกันเพื่อให้ง่ายต่อการส่งกำลังบำรุง จึงได้มีการนำปืน M1869 werder มาคว้านรังเพลิงเพื่อให้ใช้กระสุนของ M1871 mauser ได้ แต่เนื่องจากกลไกภายในเล็กๆของปืนไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ทนแรงกระสุนของ mauser จึงทำให้ปืนพังเร็วมาก
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Podewils_gun
https://collegehillarsenal.com/Werder-M69-Gendarmerie...
http://www.militaryrifles.com/bavaria/Werder&Aptiertes.htm
สวัสดีครับ
สารานุกรมปืนตอนที่ 575 ปืนไรเฟิล M1858 Podewils
https://www.facebook.com/groups/1856193407777524/
M1858 Podewils เป็นปืนไรเฟิลบรรจุปากของกองทัพบาวาเรียที่เข้าประจำการตั้งแต่ปี 1858 ต่อมาไม่นานก็มีกระแสของปืนไรเฟิลบรรจุท้ายที่เริ่มมาแรง ด้วยการบรรจุกระสุนที่สะดวกรวดเร็วทำให้อัตราการยิงเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพื่อเป็นการปรับตัวให้ทันโลกจึงต้องปรับปรุงปืนให้ทันสมัยมากกว่าเดิม
เพื่อให้ปืนประจำกายของทหารสามารถยิงเร็วได้เหมือนกับปืน Needle gun ของปรัสเซียหรือ Chassepot ของฝรั่งเศส จึงได้มีการดัดแปลงกลไกปืนM1858 ให้กลายเป็นปืนบรรจุท้าย กลไกนี้เรียกว่า linder conversion ซึ่งจะเปลี่ยนปืนแก๊ปรุ่นก่อนให้กลายเป็นปืนลูกเลื่อนบรรจุท้าย แต่ระบบการจุดระเบิดกระสุนก็ยังคงใช้แก๊ปซึ่งก็ต้องใส่ด้านข้างปืนเหมือนเดิม กลายเป็นปืน M1858/67 linder ซึ่งเลข/67 หมายถึงเข้าประจำการในปี 1867 นั่นเอง แม้มันอาจจะด้อยกว่า Needle gun และ Chassepot แต่อย่างน้อยก็ยังยิงได้ไกลและบรรจุได้เร็วกว่าเดิม
หลังจากที่ M1858/67 linder เข้าประจำการได้ไม่ทันไร ก็มีปืนรุ่นใหม่จาก Johann L. Werder สุดยอดนักประดิษฐ์ที่คิดค้นกลไกปืนไรเฟิลแบบใหม่(กลไกนี้ใช้กับปืนพกได้ด้วย) ซึ่งทางกองทัพก็ได้รับเอาปืนไรเฟิลของเขาเข้าประจำการในปี 1869 ปืนรุ่นนี้จึงมีชื่อว่า M1869 Werder ตามหลักการตั้งชื่อทั่วไป
เมื่อเทียบกับปืนM1858/67 รุ่นก่อนหน้าแล้ว ถือได้ว่าปืนรุ่นใหม่นี้คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มีการเปลี่ยนจากการะสุนปลอกกระดาษมาเป็นกระสุนปลอกโลหะที่ยิงได้โดยไม่ต้องกลัวเปียกและไม่ต้องเสียเวลาบรรจุแก๊ปด้านข้าง ที่สำคัญที่สุดคือกลไกการบรรจุอันเป็นเอกลักษณ์ โดยมีคันเปิดท้ายรังเพลิงอยู่ด้านหน้าไกปืน เพียงดันไปด้านหน้าท้ายรังเพลิงก็จะเปิดลงด้านล่าง จากนั้นก็ใส่กระสุนเข้าไปในท้ายลำกล้องทางด้านบน เมื่อง้างนกปืนท้ายรังเพลิงจะปิดโดยอัตโนมัติทำให้ปืนพร้อมยิงทันที หลังจากยิงเสร็จก็ดันคันเปิดท้ายรังเพลิงตรงหน้าไกปืนไปด้านหน้า ท้ายรังเพลิงก็จะเปิดออกพร้อมดีดปลอกกระสุนออกมาทำให้สามารถบรรจุกระสุนนัดใหม่เข้าไปได้อย่างรวดเร็ว กลไกแบบนี้ทำให้ยิงได้เร็วถึง 20-24นัดต่อนาที
ข้อมูลทางเทคนิค(สำหรับใครเบื่อก็ข้ามตรงนี้ไปเลย)
ขนาดกระสุน 11.5x50R
ความยาวโดยรวมทั้งกระบอก 52"
ความยาวลำกล้อง 35"
จำนวนร่องเกลียว 4ร่อง
ระยะครบรอบเกลียว 1:32"ต่อมาก็เปลี่ยนเป็น 1:36")
อุปกรณ์เสริม แท่นรับดาบปลายปืนสำหรับดาบ yagathan sabre bayonet
ทางกองทัพเห็นว่าปืนแบบนี้ช่างเป็นอะไรที่amazingมากๆ จึงได้มีโครงการที่จะเปลี่ยนปืนประจำกายทหารจากปืนไรเฟิล M1858/67 linder มาเป็นปืนไรเฟิล M1869 werder ทั้งหมด แต่ด้วยความที่กองทัพบาวาเรียเองก็ไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น ทำให้ในปี 1870 ทหารส่วนใหญ่ยังคงใช้ปืนแบบเดิมอยู่ มีเพียงทหารสี่กองพันเท่านั้นที่ได้ใช้ปืน M1869 werder ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นทหาร jäger
หลังสงคราม franco-prussia จบลงเยอรมันก็มีแนวคิดว่าปืนทั้งหมดควรจะมีมาตรฐานเดียวกัน ใช้กระสุนขนาดเดียวกันเพื่อให้ง่ายต่อการส่งกำลังบำรุง จึงได้มีการนำปืน M1869 werder มาคว้านรังเพลิงเพื่อให้ใช้กระสุนของ M1871 mauser ได้ แต่เนื่องจากกลไกภายในเล็กๆของปืนไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ทนแรงกระสุนของ mauser จึงทำให้ปืนพังเร็วมาก
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Podewils_gun
https://collegehillarsenal.com/Werder-M69-Gendarmerie...
http://www.militaryrifles.com/bavaria/Werder&Aptiertes.htm