แอร์ไม่เย็น มีแต่ลม แก้ได้ด้วยวิธีลับ ๆ ทำตามแล้วได้ผล!



แอร์ไม่เย็น ปัญหานี้มาทีไรทำเอาสมาชิกในครอบครัวหงุดหงิดกันเป็นแถว ๆ ยิ่งหากปัญหานี้เกิดขึ้นในหน้าร้อนด้วยแล้วละก็ คงต้องรีบหาวิธีแก้ไข และเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาช่วยแก้ปัญหากันอย่างเร่งด่วน เพราะไม่อยากให้ปัญหานั้นบานปลายยากที่จะแก้ไขจนต้องเปลี่ยนแอร์ใหม่ แต่ก่อนจะเรียกช่างมาช่วยดูนั้น รู้มั้ยครับว่า ปัญหา แอร์ไม่เย็นมีแต่ลม นั้น สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเองด้วยวิธีง่าย ๆ ที่หลาย ๆ บ้านไม่เคยทราบมาก่อน วันนี้ HomeGuru มีวิธีลับ ๆ ที่ช่างไม่เคยบอก เพื่อช่วยแก้ปัญหาแอร์ไม่เย็น แถมช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง มาฝากกันครับ



แอร์ไม่เย็น แก้ได้ด้วยวิธีลับ ๆ รับรองทำแล้วได้ผล

ปัญหา แอร์ไม่เย็นมีแต่ลม เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ไม่เพียงแต่แอร์เก่าเท่านั้นนะครับ บางครั้งแอร์ใหม่ที่เพิ่งซื้อมาติดตั้งแล้วใช้งานไปได้สักระยะหนึ่ง ลมที่ออกมาก็ไม่เย็นฉ่ำได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นอย่าชะล่าใจ รีบตรวจสอบ และแก้ไขด้วยวิธีง่าย ๆ ที่ลองทำตามแล้วได้ผล ดังนี้

• โหมดทำงานของแอร์ เลือกใช้งานให้ถูก


วิธีนี้เป็นวิธีเบื้องต้นที่ง่ายที่สุด และทุกบ้านสามารถตรวจสอบได้ด้วยตนเองว่าขณะที่เปิดใช้งานแอร์นั้น เลือกใช้โหมดการทำงานอยู่ในโหมดใด เพราะบางครั้งการตั้งค่าโหมดการทำงานของแอร์ที่ไม่ถูกต้อง ก็ส่งผลให้เกิดปัญหา แอร์ไม่เย็นมีแต่ลม และ แอร์ไม่ตัด ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานของแอร์ผ่านรีโมทคอนโทรล หรือปัจจุบันสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน

โหมดการทำงานของแอร์ที่ช่วยให้ภายในห้องมีอุณหภูมิความเย็น โดยทั่วไปแล้ว จะนิยมใช้ 2 โหมด ดังนี้

Cool Mode คือ โหมดการทำงานของแอร์ที่จะช่วยให้แอร์ทำความเย็น ตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ในแต่ละห้อง เมื่อแอร์ถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้ แอร์จะตัดการทำงานทันที จึงเหมาะสำหรับใช้งานในช่วงหน้าร้อนที่ต้องการความเย็นตามที่ต้องการ ซึ่งหากตั้ง Cool Mode แล้ว แต่ แอร์ไม่เย็น ก็อาจจะต้องหาวิธีแก้ไขอื่น ๆ แทน

Auto Mode คือ โหมดการทำงานที่หลาย ๆ บ้านส่วนใหญ่นิยมใช้ เพราะใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน และเป็นโหมดการทำงานแบบอัตโนมัติ ซึ่งการทำงานของระบบนี้คือ การวัดค่าอุณหภูมิของแอร์ เพื่อปรับความเย็นด้วยระบบเซ็นเซอร์จากตัวแอร์ หลังจากเปิดแอร์หากอากาศภายในห้องร้อน แอร์จะปรับอัตโนมัติไปที่ โหมดการทำงานแบบ Cool Mode และหลังจากอุณหภูมิเย็นลงตามที่กำหนดไว้ จะถูกปรับเปลี่ยนไปยังโหมดการทำงานประเภท Dry Mode เพื่อป้องกันความชื้นภายในห้อง ซึ่งเหมาะสำหรับบ้านที่ชอบความสะดวกสบาย และห้องที่มีการใช้งานบ่อย ๆ อย่างห้องนั่งเล่น



ส่วนโหมดการทำงานอื่น ๆ อย่าง Dry Mode และ Fan Mode ความเย็นจะออกมาไม่เต็มที่เท่ากับ 2 โหมดข้างต้นครับ

Dry Mode คือ โหมดการทำงานของแอร์ที่จะช่วยควบคุมความชื้นในอากาศ จึงเหมาะกับห้องที่มีความชื้นในปริมาณที่มาก ซึ่งลมเย็นที่ออกมาอาจจะไม่เย็นฉ่ำเท่ากับ Cool Mode และบางช่วงอาจจะรู้สึกอึดอัด เพราะ แอร์ไม่สามารถกระจายความเย็นให้ทั่วถึงทั้งห้องได้

Fan Mode คือ โหมดการทำงานของแอร์ที่จะช่วยระบายความชื้น และกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆ ของแอร์ให้หมดไป ซึ่งหากใครเผลอไปกดเปลี่ยนเป็นโหมดการทำงานนี้ก็อาจจะส่งผลให้เกิดปัญหา แอร์ไม่เย็นมีแต่ลมร้อน ออกมาได้ครับ เพราะ ลมที่ออกมาจะเป็นลมในอุณหภูมิห้อง ไม่มีความเย็นใด ๆ

• เปลี่ยนคาปาซิเตอร์ (Capacitor) ช่วยแก้ปัญหา แอร์ไม่เย็น


หนึ่งในสาเหตุของปัญหา แอร์ไม่เย็นมีแต่ลม นอกเหนือจาก น้ำยาแอร์ขาด และคอมเพรสเซอร์เสีย คือ ตัวคาปาซิเตอร์ (Capacitor) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า แคป (Cap) ซึ่งเป็นตัวเก็บประจุ เกิดความเสียหาย ซึ่ง ตัวคาปาซิเตอร์นั้น มีอยู่ 2 ประเภทคือ

คาปาซิเตอร์สตาร์ท (Starting Capacitor) จะมีลักษณะเป็นเปลือกหุ้มด้วยพลาสติกสีดำ มีค่าความจุสูง แต่ค่าทนแรงดันต่ำ

ส่วน คาปาซิเตอร์รัน (Running Capacitor) จะมีเปลือกหุ้มเป็นโลหะสีเงิน มีค่าความจุดต่ำ แต่ค่าทนแรงดันสูง ส่วนใหญ่แล้วตัวคาปาซิเตอร์รัน เมื่อเกิดความเสียหาย หรือระเบิด จะส่งผลให้ระบบทำความเย็นทำงานไม่เป็นปกติ เพราะเป็นตัวช่วยให้ตัวคอมเพรสเซอร์ทำงาน เมื่อเปิดใช้งานแอร์ จึงเกิดปัญหา แอร์ไม่เย็นมีแต่ลม

โดยวิธีสังเกตง่าย ๆ ว่าแคปรัน ระเบิด เสียหายหรือไม่นั่น คือ หากจับที่ตัวแคปรันแล้วมีคราบน้ำมัน หรือรู้สึกมัน ๆ ก็ให้แน่ใจได้ครับว่าเป็นเพราะสาเหตุนี้



ซึ่งวิธีการแก้ไข เมื่อแคปรันเสียหายนั้น สามารถเปลี่ยนได้ด้วยตนเอง ในงบสุดประหยัด เพราะราคา แคปรันจะอยู่ที่ราคาไม่เกิน 200 บาท โดยการเลือกซื้อแคปรัน ควรเลือกที่มีค่าไมโครฟารัดที่สูงขึ้นกว่าเดิม เพื่อช่วยดึงการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ให้เพิ่มขึ้นในกรณีที่คอมเพรสเซอร์มีอายุการใช้งานที่นานแล้ว เช่น ของเก่าใช้ 40 ไมโครฟารัด ตัวใหม่ให้ซื้อ 45 ไมโครฟารัด ซึ่งเป็นสิ่งที่หลาย ๆ บ้านไม่ทราบครับ แต่การเปลี่ยนนั้นต้องอาศัยความระมัดระวัง เพราะเกี่ยวข้องกับระบบไฟโดยตรงครับ

เบื้องต้นก่อนการเปลี่ยนจำเป็นต้องยกคัตเอาต์ของแอร์ออกก่อน หรือทางที่ดีเพื่อความมั่นใจเรื่องความปลอดภัย แนะนำให้เอาคัตเอาต์ไฟทั้งบ้านลง เพื่อตัดกระแสไฟ หลังจากนั้นให้ถอดฝาครอบของคอมเพรสเซอร์ออก ก็จะเห็นแคปรัน ที่เป็นรูปทรงกระบอกสีเงิน ให้ถอดสายไฟที่เชื่อมต่อกับตัวแคปรันออก แล้วนำเอาแคปรันชิ้นใหม่ที่ซื้อมา เชื่อมต่อกับสายไฟในตำแหน่งเดิม เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยแก้ปัญหา แอร์ไม่เย็น ด้วยวิธีง่าย ๆที่หลาย ๆ บ้าน ไม่เคยทราบ แถมช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกด้วยครับ

• แอร์ไม่เย็น เพราะไม่ค่อยล้างแอร์
การไม่ล้างทำความสะอาดแอร์ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้แอร์เกิดความเสียหาย โดยเฉพาะ แอร์ไม่เย็นมีแต่ลมร้อน การปล่อยให้แอร์มีคราบฝุ่นเกาะฝังแน่นสะสมในปริมาณมากทั้งภายในตัวเครื่อง และตัวคอมเพรสเซอร์ โดยที่ไม่ได้ล้างแอร์เป็นระยะเวลานาน จะส่งผลให้ระบบทำความเย็นของแอร์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ แถมลมแอร์ที่ออกมายังไม่บริสุทธิ์ ส่งผลเสียต่อสุขภาพของทุกคนในครอบครัว

วิธีเบื้องต้นในการตรวจสอบคราบฝุ่นละอองสะสมง่าย ๆ คือ เพียงถอดหน้ากากแอร์ออก แล้วดูที่แผงฟิลเตอร์ หรือแผ่นกรองอากาศบริเวณด้านหน้าก็จะเห็นคราบฝุ่น และความสกปรกที่เกาะทันทีครับ โดยทุกบ้านสามารถนำแอร์ฟิลเตอร์ไปล้าง ด้วยน้ำสะอาด และใช้แปรงถูเบา ๆ เพื่อขจัดคราบฝุ่นให้หลุดออกไป แล้วตากให้แห้ง ก็จะช่วยลดฝุ่นละอองได้ในระดับหนึ่งครับ

วิธีนี้เป็นวิธีการล้างแอร์ง่าย ๆ ที่ทุกบ้านสามารถทำเองได้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องหมั่นล้างแอร์เป็นประจำอย่างน้อยทุก ๆ 6 เดือน เพื่อป้องกันการเกิดปัญหา แอร์ไม่เย็นมีลมร้อน



เมื่อได้ทราบวิธีแก้ปัญหา แอร์ไม่เย็น ด้วยวิธีง่าย ๆ ที่ทุกบ้านสามารถตรวจสอบ และแก้ไขได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพึ่งพาช่าง ตามที่ HomeGuru กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว ทุกปัญหาเรื่องแอร์ ไม่ว่าจะเป็น แอร์ไม่เย็นมีลมร้อน แอร์ไม่ตัด แอร์เปิดไม่ติด ก็น่าจะเป็นเรื่องง่าย และช่วยลดความกังวลในการใช้งานไปได้มากทีเดียวครับ


HomeGuru by HomePro
อุ่นใจทุกเรื่องบ้านไปกับโฮมโปร และติดตามเคล็ดลับดีๆ เพื่อบ้านได้ทาง http://bit.ly/HomeGuru_Homepro
และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นปัญหาเรื่องบ้านกับ HomeGuru เพิ่มเติมได้ทาง https://bit.ly/3dQm4XE
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่