ปกติผมมักจะแนะนำให้คุณหาเงินออนไลน์เสียมากกว่า เพราะคุณจะมีโอกาสขายของให้กับคนทั่วประเทศได้ แต่ก็มีอยู่หลายคนที่ไม่สามารถทำออนไลน์ได้จริง ๆ วันนี้ผมจึงตั้งใจเขียนบทความนี้ออกมา ให้สำหรับใครที่อยากทำธุรกิจออฟไลน์และมีเงินอยู่ก้อนหนึ่ง ซึ่งการทำธุรกิจออฟไลน์ที่น่าสนใจในยุคปัจจุบันก็คงหนีไม่พ้นการลงทุนซื้อ "แฟรนไชส์" มาทำเอง เนื่องจากเป็นธุรกิจที่คุณไม่ต้องคิดไอเดียเองให้เสียเวลา แต่..ก่อนที่คุณจะลงทุนทำ “แฟรนไชส์” นั้น คุณต้องวิเคราะห์ข้อมูลบางอย่าง ตามที่ผมกำลังจะเขียนบทความนี้ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจ เพื่อที่จะทำให้คุณสามารถประสบความสำเร็จจากการลงทุนในครั้งนี้ได้ง่ายขึ้น ดังนี้ 

วิธีเลือกข้อที่ 1 สำรวจสถานที่และวิเคราะห์ลูกค้า : โดยที่คุณต้องสำรวจตรวจดูสถานที่ก่อนว่าสามารถนำแฟรนไชส์ใดมาลงขายได้บ้าง ให้เข้ากับกลุ่มลูกค้าในระแวกนั้น ๆ และสถานที่ทำเลต้องสะดวกสบายเข้ากับการเดินทางไปมาของคุณด้วย เทคนิคในการเลือกสถานที่ที่ดีคุณควรเลือกแล้วลิสต์รายชื่อเอาไว้เผื่อเลือกสัก 2-3 ที่ เพื่อที่คุณจะได้เปรียบเทียบว่าสถานที่ใดมีลูกค้ามากที่สุด เมื่อคุณสามารถหาสถานที่ได้แล้วต่อไปเราจะมาวิเคราะห์กันว่า “จะขายอะไรดีหรืออะไรขายแล้วหมดไว” ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าที่ทำเลในการตั้งแฟรนไชส์มีกลุ่มลูกค้าประมาณไหน สมมุติว่า ถ้าเป็นกลุ่มลูกค้าทั่วไปตั้งแต่เด็กไปจนถึงวัยทำงานที่เร่งรีบ 
                    ดังนั้น เฟรนส์ไชส์ที่สามารถตอบโจทย์ก็อาจจะเป็นเรื่องของ ของกินหรืออาหารที่ไม่ต้องรอนานและมีราคาที่ไม่แพง เพราะอย่างไรคนก็ต้องกินทุกวันอยู่แล้วและของกินผมถือว่าเป็นสินค้าซื้อง่ายขายคล่องที่สุดแล้ว แต่คุณต้องดูด้วยนะครับว่าการเลือกนำแฟรนไชส์มาลงตามสถานที่ที่คุณได้ดูไว้ ต้องไม่ซ้ำกับสินค้าอื่น ๆ ที่มีอยู่ในตลาดอยู่แล้ว หรืออาจจะมีเหมือนกันแต่ก็ต้อง “มีความแตกต่าง” อยู่ในสินค้าและบริการของคุณด้วย 

วิธีเลือกข้อที่ 2 หาแฟรนไชส์ : เมื่อคุณรู้แล้วว่าสถานที่ที่คุณจะไปตั้งแฟรนไชส์นั้น มีกลุ่มลูกค้าประเภทไหนบ้าง ต่อไปคุณก็ต้องมาศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับแบรนด์แฟรนไชส์ที่คุณสนใจ อาจจะลองศึกษาสัก 2-3 แบรนด์ เพื่อนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแฟรนไชส์ที่สนใจ แล้วทำการเลือกเอาแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง โดยการศึกษาอาจจะต้องดูเรื่องของ การตลาดความนิยมของผู้บริโภค จุดเด่นของแฟรนไชส์(ความแตกต่าง) ไปจนถึงงบการลงทุน ของแฟรนไชส์แต่ละแบรนด์ด้วย 

วิธีเลือกข้อที่ 3 ขยายแฟรนไชส์ได้ไหม?! : ความหมายในที่นี้ไม่ใช่ว่าให้คุณไปถามกับบริษัทที่ทำ
แฟรนไชส์ให้คุณนะครับ แต่จะเป็นการวิเคราะห์ล่วงหน้าว่าถ้ากิจการนี้มันดีคุณสามารถจะขยายแฟรนไชส์ที่อื่นเพิ่มได้ไหม แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าถ้าขยายจะได้กำไรจากการลงทุนครั้งต่อไปกี่เปอร์เซ็นต์ เพราะเมื่อไหร่ที่คุณอยากจะขยายแฟรนไชส์ไปอีกสาขาหนึ่ง คุณไม่สามารถนำตัวเองไปอยู่ได้ในหลาย ๆ ที่ในเวลาเดียวกัน ฉะนั้น คุณจำเป็นที่จะต้องจ้างพนักงานเพิ่ม ดังนั้น คุณต้องคิดและวิเคราะห์คำนวนค่าใช้จ่ายออกมาเป็นกำไรสุทธิด้วยนะครับว่าแฟรนไชส์นี้สามารถทำจ้างพนักงานแล้วคุณยังมีกำไรเพิ่มหรือไม่ เมื่อคุณสามารถคำนวนและดูความเป็นไปได้ในแฟรนไชส์นั้นแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่คุณจะต้องคำนึงก็คือ แฟรนไชส์ที่คุณเลือกนั้นต้องใช้ทักษะหรือขั้นตอนในการขายมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้ามีขั้นตอนทักษะที่มากเกินไปก็อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการขายของคุณและพนักงานได้ง่าย นั่นเอง

วิธีเลือกข้อที่ 4 เงินทุนของคุณ : หลังจากรู้ว่าแบรนด์แฟรนไชส์ไหนเหมาะสมกับพื้นที่หรือที่ทำเลที่คุณได้ดูไวตามข้อแรกแล้ว ก็ต้องมาดูว่าแฟรนไชส์ไหนบ้างเหมาะสำหรับเงินลงทุนในกระเป๋าของคุณบ้าง เพราะถ้าซื้อแฟรนไชส์ที่มีค่าแฟรนไชส์แพง ๆ ค่าตกแต่งร้านสูง ๆ แต่เงินในกระเป๋าไม่พอ ก็ควรหลีกเลี่ยงเพราะอย่าลืมว่า จ่ายค่าแฟรนไชส์และค่าตกแต่งร้านก็หมดตัวไปแล้ว แต่ละเดือนต้องมีเงินทุนหมุนเวียนสำหรับซื้อวัตถุดิบ ค่าแรงงาน รวมถึงค่าเช่าพื้นที่ แต่ถ้าใครมีเงินทุนมากพอ ก็ตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์แบรนด์นั้นได้เลย 
 

ดังนั้น ก่อนช่วงที่คุณจะเปิดร้านแฟรนไชส์เป็นของตัวเอง คุณอาจจะต้องเข้ารับการอบรมการทำงานกับบริษัทแฟรนไชส์ก่อน รวมถึงบริษัทแฟรนไชส์อาจจะส่งทีมงาน มาช่วยเทรนด์ขั้นตอนการทำงานในร้านแฟรนไชส์ของคุณก่อนจะทำการเปิดขายจริง ถ้าเป็นร้านใหญ่อาจจะต้องเตรียมพร้อมกับความวุ่นวายในวันเปิดร้านด้วยครับ แต่สิ่งสำคัญยิ่งไปกว่านั้น เมื่อคุณซื้อแฟรนไชส์ไปแล้วธุรกิจจะสามารถประสบความสำเร็จได้มากน้อยแค่ไหน ก็ต้องขึ้นอยู่กับความตั้งใจในการทำธุรกิจของตัวคุณด้วย หรือคุณคิดว่าอย่างไรสามารถคอมเมนต์มาได้ตามด้านล่างนี้เลยนะครับ