จับผิด! รบ.อ้างเรื่องจัดเก็บ-ส่งมอบ จึงไม่ซื้อไฟเซอร์แต่แรก แล้วทำไมประเทศอื่นซื้อได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_2694390
วิโรจน์ จับผิด สธ.อ้างเรื่องการจัดเก็บ-ส่งมอบ เหตุไม่ซื้อไฟเซอร์แต่แรก แล้วทำไมประเทศอื่นซื้อได้
กรณี นาย
จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ทวีตคลิปผ่านทวิตเตอร์ @chaturon ซึ่งเป็นคลิปรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ดำเนินรายการโดย นาย
ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ และ น.ส.
อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ ในคลิปได้มีการพูดถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของไฟเซอร์ พร้อมกันนี้นาย
จาตุรนต์ ได้ทวีตข้อความด้วยว่า
pfizer ไฟเซอร์ เคยเสนอขายวัคซีนให้ไทย 13 ล้านโดสในราคาพิเศษ ไม่ต้องใช้เงินซื้อ มีวัคซีนให้ใช้ก่อน ค่อยจ่ายทีหลัง เสนอรัฐบาลไทยไป 4 รอบ แต่ถูกปฏิเสธ รอบที่ 4 บอร์ดใหญ่ สธ.ไม่รู้ไปสนทนาอิท่าไหน จนเขาไม่ติดต่อรัฐบาลไทยมาอีกเลย ตอนนี้บอกว่าจะให้กราบก็ยอม?
ต่อมานาย
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊ก “
อนุทิน ชาญวีรกูล” ด้วยข้อความระบุว่า
หยุดกล่าวหาเท็จ หยุดให้ร้ายกระทรวงสาธารณสุข โดยระบุข้อมูลจากผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ว่า ตัวเลข 13 ล้านเป็นตัวเลขที่ไฟเซอร์ใช้ในการนำเสนอ Head Office เพื่อเตรียมการหารือกับรัฐบาล ไม่ใช้จำนวนที่เสนอขาย และ การจัดซื้อวัคซีนของไฟเซอร์ ต้องมีการวางเงินจองตามเงื่อนไขในสัญญา และไม่มีการจัดส่งวัคซีนให้ก่อนแต่อย่างไร รวมถึง ที่ผ่านมาไฟเซอร์ได้เข้านำเสนอข้อมูลผลการวิจัยในระยะต่างๆ รวมถึง ผลการใช้จริงในประเทศต่างๆ อยู่เป็นระยะ รัฐบาลไม่เคยปฏิเสธการเข้าพบผู้แทนบริษัทฯ
“
ที่ผ่านมาคุณลักษณะของวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ ไบโอเอนเทค อาจมีข้อจำกัดเรื่องการขนส่ง จัดเก็บ และระยะเวลาส่งมอบ แต่ด้วยการปรับปรุงให้สามารถจัดเก็บได้สะดวกขึ้น การขยายช่วงอายุผู้สามารถรับวัคซีนได้ในกลุ่มเด็กเล็กตั้งแต่ 16 ปี และอีกไม่นานในเด็กอายุ 12 รวมถึง ในอนาคต อีกทั้งบริษัทฯ ได้มีการขยายกำลังการผลิตออกไป จึงทำให้ รัฐบาลให้ความสนใจ และได้เชิญผู้แทนบริษัทไฟเซอร์ในประเทศไทยเข้าหารือ ในวันที่ 22 เม.ย.” นาย
อนุทิน กล่าวชี้แจง
ล่าสุด นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ทวิตเตอร์ระบุว่า
สรุป ก็คือ ไฟเซอร์ติดต่อ และหารือกับรัฐบาลไทยอยู่เป็นระยะๆ รัฐบาลไทยไม่เคยปฏิเสธการเข้าพบของไฟเซอร์
แต่ตอนนั้นรัฐบาลไม่คิดจะซื้อ โดยเอาเรื่องการจัดเก็บ และระยะเวลาการส่งมอบมาเป็นเหตุ (แต่ทำไมประเทศอื่นเขาซื้อได้นะ?)
เพิ่งมาเจรจาซื้อเมื่อ 22 เม.ย. 64
https://twitter.com/wirojlak/status/1386981212187545610
แรงงานไทย98%แบกหนี้อ่วม พุ่ง 29% จากก่อนโควิด วิตกป่วยนิวไฮ ชะลอใช้จ่ายสูญ3แสนล้าน
https://www.matichon.co.th/economy/news_2693284
แรงงานไทย98%แบกหนี้อ่วม พุ่ง 29% จากก่อนโควิด วิตกติดเชื้อนิวไฮ ชะลอใช้จ่ายสูญ3แสนล้าน
วันที่ 27 เมษายน ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นาย
ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจสถานภาพแรงงานไทยปี 2564 สำหรับกลุ่มแรงงานที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน จากผู้ใช้แรงงาน 1,256 ราย ระหว่างวันที่ 18-22 เมษายน 2564 พบว่า สัดส่วน 98.1% ของแรงงานไทย ระบุมีภาระหนี้สิน ถือว่าสูงสุดจากที่เก็บช้อมูลมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้จากหาเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จ่ายหนี้เดิม จ่ายหนี้บัตรเครดิต จ่ายค่าการศึกษาและค่าอินเตอร์เพื่อการศึกษา และราคาสินค้าเพิ่มขึ้น
โดย 45.5% ระบุมีรายได้เท่ารายจ่าย และ 82% ระบุอัตรารายได้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาหลายปีแล้ว ทำให้ 85.1% เจอภาวะผิดนัดชำระหนี้ และ 60% ระบุภาระหนี้กระทบต่อการใช้จ่ายต้องลดลง และไม่สามารถออมเงินได้ อีกทั้ง 71.5% ระบุว่าสถานการณ์ตอนนี้มีปัญหารายได้ไม่พอใช้จ่ายแล้ว ทำให้แรงงานไทยที่มีรายได้ต่ำกว่า 1. 5หมื่นบาท/เดือน มีหนี้ครัวเรือน 206,000 บาท เพิ่มขึ้น 29.56% แยกเป็นหนี้ในระบบ 71% หนี้นอกระบบ 29% จากปี 2562 ที่มียอดหนี้ 159,000 บาท ถือเป็นภาระหนี้สูงสุดจากเก็บสำรวจมา 12 ปี
“
จากการสำรวจสะท้อนว่ารายได้แรงงานที่มีรายได้ขั้นต่ำ อยู่ในภาวะตึงตัวสูง จากแบกรับภาระหนี้เพิ่มขึ้น ปัญหาค่าครองชีพสูง ต้องก่อหนี้เพื่อมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เงินออมในกลุ่มนี้หดตัวกว่า 30% ต้องประหยัดใช้จ่ายมากสุด ไม่มีการลงทุนใหม่ๆ จึงจะกระทบตรงต่อเศรษฐกิจไทยในอนาคต และสะท้อนได้จากสำรวจเงินใช้จ่ายวันแรงงานที่ตรงกับวันที่ 1 พฤษภาคมของทุกปี แรงงานกว่า 66% ระบุบรรยากาศวันแรงงานปีนี้ไม่คึกคัก ลดใช้จ่ายเหลือ 1,793 บาท/คน ลบ 19.7% จากปี 2562 เป็นการติดลบปีแรกและทุบสถิติต่ำสุดรอบ 9 ปี ซึ่งในการสำรวจแรงงาน 37% แสดงความวิตกว่ามีโอกาสตกงานสูง เฉพาะกลุ่มรับจ้างรายวันและภาคบริการ วิตกถึง 64.2%” นาย
ธนวรรธน์ กล่าว
นาย
ธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า ภาคแรงงานต้องการให้รัฐบาลเร่งดำเนินการมากสุด คือ กระตุ้นใช้จ่ายและฟื้นเศรษฐกิจ ลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และลดปัญหาค่าครองชีพ ผ่านมาตรการช่วยเหลือภาครัฐ โดบเฉพาะโครงการคนละครึ่ง โดยแรงงานเห็นด้วยที่จะฉีดวัคซีนโดยเร็ว เร่งหยุดการแพร่ระบาดให้เร็วที่สุดและทบทวนอัตราจ้างแรงงานขั้นต่ำเมื่อสถานการณ์โควิดดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจยังไม่พบสัญญาณการเลิกจ้าง คาดอัตราว่างงานยังอยู่ 1.5-1.6%
นาย
ธนวรรธน์ กล่าวต่อว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 รอบ 3 จากจำนวนผู้ติดเชื้อยังสูงต่อเนื่อง และรัฐเพิ่มมาตรการล็อกดาวน์พื้นที่และกิจกรรม จะทำให้การใช้จ่ายต่อวันลดลงเพิ่มเป็น 30-40% 0หรือหายไปวันละ 6,000 ล้านบาท จากเดิมประเมินไว้ลบ 10-20% หรือเงินหายไป 3,000 ล้านบาทต่อวัน โดยประเมินว่ารัฐจะคลี่คลายได้ภายใน 2 เดือนหรือภายในมิถุนายนนี้ เงินใช้จ่ายก็จะหายไปประมาณ 3 แสนล้านบาท อาจเพิ่มเป็น 3.5-4.5 แสนล้านบาท
หากหลังจากนั้นจำนวนผู้ติดเชื้อยังไม่น้อยกว่า 100 คนต่อวัน อาจมีผลต่อจิตวิทยา ชะลอใช้จ่ายเดือนละ 1 แสนล้านบาท และอาจเสี่ยงต่อการเลิกจ้างและอัตราว่างงานเพิ่มขึ้น ที่สำคัญแรงงานระบุหากตกงานเงินที่มีรอยู่พอใช้จ่ายได้แค่3-4 เดือนเท่านั้น และมองว่าโอกาสหางานใหม่ยากขึ้น
“
รัฐเตรียมเติมเงินเข้าระบบเศรษฐกิจกว่า 3 แสนล้านบาท ก็จะเป็นตัวเลขที่เข้าทดแทนเงินใช้จ่ายในระบบหายไป จะช่วยพยุงในเศรษฐกิจไตรมาส 2 ยังบวกได้ 5% จากปีก่อนที่ติดลบสูง แต่หากโควิดระบาดรอบใหม่และจำนวนตัวเลขไม่ได้ลดลงอย่างมีนัยะ รัฐอาจใช้การตั้งกรอบกู้เงินอีก 1 ล้านล้านบาทได้ ซึ่งก็เพิ่มก่อหนี้สาธารณะต่อจีดีพี จาก 60 % เป็น 65% ก็ยังทำได้ไม่ผิดวินัยการเงินการคลัง ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลเองก็ต้องดูถึงจำนวนผู้ติดเชื้อ และแผนการเปิดประเทศรับต่างชาติเข้ามาให้ได้ในไตรมาส3 และ ผลักดันการส่งออก คาดปีนี้จะโตได้ 5% “ นาย
ธนวรรธน์ กล่าว
'เจมส์'ไลฟ์ชีวิตในออสเตรเลีย รัฐบาลดี-ไม่ต้องใส่แมสก์
https://www.dailynews.co.th/entertainment/839712
'เจมส์'ไลฟ์ชีวิตในออสเตรเลีย รัฐบาลดี-ไม่ต้องใส่แมสก์
“เจมส์ ธีรดนย์” ไลฟ์สดอัพเดตชีวิตในออสเตรเลีย หลังไปถ่ายหนังฮอลลีวูด เผยวิธีจัดการเจอโควิด-19 ของต่างประเทศ ชี้ไม่ต้องใส่แมสก์แล้ว เพราะรัฐบาลจัดการดี คุณภาพชีวิตก็ดีไปด้วย
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งศิลปินและนักแสดงหนุ่มที่ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นด้านการร้อง การเต้น หรือแม้แต่การแสดง สำหรับ “
เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ” ศิลปินกลุ่มในนาม “
TRINITY” ความสามารถโดดเด่นถึงขั้นได้รับเลือกให้รับบทในภาพยนตร์สารคดี เกี่ยวกับ เหตุการณ์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ เรื่องราวของเด็ก ๆ และโค้ชทีมฟุตบอล รวม 13 คน ที่หายตัวไปในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนโดยมีการเดินทางไปถ่ายทำไกลถึงประเทศออสเตรเลีย
ซึ่งระหว่างอยู่ที่นั่น หนุ่ม
เจมส์ก็โพสต์รูปอัปเดตชีวิตให้แฟนคลับได้ติดตามกันต่อเนื่อง โดยล่าสุดเจ้าตัวได้ทำการไลฟ์พูดคุยกับแฟนคลับเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ที่ออสเตรเลีย โดยระหว่างไลฟ์ได้มีแฟนคลับรายหนึ่งถามเรื่องการใส่หน้ากากของที่นั่น หนุ่มเจมส์ก็ได้เล่าว่า
“
ใช่ครับ ไม่ต้องใส่แล้ว เพราะว่าไม่มีเคสโควิดแล้ว ใช้ชีวิตเป็นปกติได้แล้วทุกอย่าง แต่มีวันหนึ่งที่ บริสเบน (Brisbane)เจอเคสโควิด แต่ที่นี่เค้าค่อนข้างจัดการอะไรได้ดี ก็เลยล็อกดาวน์ 2-3 วันแล้วเคลียร์โควิด ซึ่งหลังจากเจอเคสคนสุดท้าย ก็จะมีมาตรการหรือขอความร่วมมือให้สวมแมสก์ประมาณ 14-15 วัน พอเสร็จก็ไม่ต้องใส่แล้ว”
JJNY : จับผิด! ไม่ซื้อไฟเซอร์│แรงงานไทย98%แบกหนี้อ่วม พุ่ง29%│'เจมส์'ไลฟ์ชีวิตในออสเตรเลีย│แฉเพียบ!สตม.ปรับเงินต่างด้าว
https://www.matichon.co.th/politics/news_2694390
วิโรจน์ จับผิด สธ.อ้างเรื่องการจัดเก็บ-ส่งมอบ เหตุไม่ซื้อไฟเซอร์แต่แรก แล้วทำไมประเทศอื่นซื้อได้
กรณี นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ทวีตคลิปผ่านทวิตเตอร์ @chaturon ซึ่งเป็นคลิปรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ดำเนินรายการโดย นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ และ น.ส.อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ ในคลิปได้มีการพูดถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของไฟเซอร์ พร้อมกันนี้นายจาตุรนต์ ได้ทวีตข้อความด้วยว่า
pfizer ไฟเซอร์ เคยเสนอขายวัคซีนให้ไทย 13 ล้านโดสในราคาพิเศษ ไม่ต้องใช้เงินซื้อ มีวัคซีนให้ใช้ก่อน ค่อยจ่ายทีหลัง เสนอรัฐบาลไทยไป 4 รอบ แต่ถูกปฏิเสธ รอบที่ 4 บอร์ดใหญ่ สธ.ไม่รู้ไปสนทนาอิท่าไหน จนเขาไม่ติดต่อรัฐบาลไทยมาอีกเลย ตอนนี้บอกว่าจะให้กราบก็ยอม?
ต่อมานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊ก “อนุทิน ชาญวีรกูล” ด้วยข้อความระบุว่า
หยุดกล่าวหาเท็จ หยุดให้ร้ายกระทรวงสาธารณสุข โดยระบุข้อมูลจากผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ว่า ตัวเลข 13 ล้านเป็นตัวเลขที่ไฟเซอร์ใช้ในการนำเสนอ Head Office เพื่อเตรียมการหารือกับรัฐบาล ไม่ใช้จำนวนที่เสนอขาย และ การจัดซื้อวัคซีนของไฟเซอร์ ต้องมีการวางเงินจองตามเงื่อนไขในสัญญา และไม่มีการจัดส่งวัคซีนให้ก่อนแต่อย่างไร รวมถึง ที่ผ่านมาไฟเซอร์ได้เข้านำเสนอข้อมูลผลการวิจัยในระยะต่างๆ รวมถึง ผลการใช้จริงในประเทศต่างๆ อยู่เป็นระยะ รัฐบาลไม่เคยปฏิเสธการเข้าพบผู้แทนบริษัทฯ
“ที่ผ่านมาคุณลักษณะของวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ ไบโอเอนเทค อาจมีข้อจำกัดเรื่องการขนส่ง จัดเก็บ และระยะเวลาส่งมอบ แต่ด้วยการปรับปรุงให้สามารถจัดเก็บได้สะดวกขึ้น การขยายช่วงอายุผู้สามารถรับวัคซีนได้ในกลุ่มเด็กเล็กตั้งแต่ 16 ปี และอีกไม่นานในเด็กอายุ 12 รวมถึง ในอนาคต อีกทั้งบริษัทฯ ได้มีการขยายกำลังการผลิตออกไป จึงทำให้ รัฐบาลให้ความสนใจ และได้เชิญผู้แทนบริษัทไฟเซอร์ในประเทศไทยเข้าหารือ ในวันที่ 22 เม.ย.” นายอนุทิน กล่าวชี้แจง
ล่าสุด นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ทวิตเตอร์ระบุว่า
สรุป ก็คือ ไฟเซอร์ติดต่อ และหารือกับรัฐบาลไทยอยู่เป็นระยะๆ รัฐบาลไทยไม่เคยปฏิเสธการเข้าพบของไฟเซอร์
แต่ตอนนั้นรัฐบาลไม่คิดจะซื้อ โดยเอาเรื่องการจัดเก็บ และระยะเวลาการส่งมอบมาเป็นเหตุ (แต่ทำไมประเทศอื่นเขาซื้อได้นะ?)
เพิ่งมาเจรจาซื้อเมื่อ 22 เม.ย. 64
https://twitter.com/wirojlak/status/1386981212187545610
แรงงานไทย98%แบกหนี้อ่วม พุ่ง 29% จากก่อนโควิด วิตกป่วยนิวไฮ ชะลอใช้จ่ายสูญ3แสนล้าน
https://www.matichon.co.th/economy/news_2693284
แรงงานไทย98%แบกหนี้อ่วม พุ่ง 29% จากก่อนโควิด วิตกติดเชื้อนิวไฮ ชะลอใช้จ่ายสูญ3แสนล้าน
วันที่ 27 เมษายน ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจสถานภาพแรงงานไทยปี 2564 สำหรับกลุ่มแรงงานที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน จากผู้ใช้แรงงาน 1,256 ราย ระหว่างวันที่ 18-22 เมษายน 2564 พบว่า สัดส่วน 98.1% ของแรงงานไทย ระบุมีภาระหนี้สิน ถือว่าสูงสุดจากที่เก็บช้อมูลมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้จากหาเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จ่ายหนี้เดิม จ่ายหนี้บัตรเครดิต จ่ายค่าการศึกษาและค่าอินเตอร์เพื่อการศึกษา และราคาสินค้าเพิ่มขึ้น
โดย 45.5% ระบุมีรายได้เท่ารายจ่าย และ 82% ระบุอัตรารายได้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาหลายปีแล้ว ทำให้ 85.1% เจอภาวะผิดนัดชำระหนี้ และ 60% ระบุภาระหนี้กระทบต่อการใช้จ่ายต้องลดลง และไม่สามารถออมเงินได้ อีกทั้ง 71.5% ระบุว่าสถานการณ์ตอนนี้มีปัญหารายได้ไม่พอใช้จ่ายแล้ว ทำให้แรงงานไทยที่มีรายได้ต่ำกว่า 1. 5หมื่นบาท/เดือน มีหนี้ครัวเรือน 206,000 บาท เพิ่มขึ้น 29.56% แยกเป็นหนี้ในระบบ 71% หนี้นอกระบบ 29% จากปี 2562 ที่มียอดหนี้ 159,000 บาท ถือเป็นภาระหนี้สูงสุดจากเก็บสำรวจมา 12 ปี
“จากการสำรวจสะท้อนว่ารายได้แรงงานที่มีรายได้ขั้นต่ำ อยู่ในภาวะตึงตัวสูง จากแบกรับภาระหนี้เพิ่มขึ้น ปัญหาค่าครองชีพสูง ต้องก่อหนี้เพื่อมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เงินออมในกลุ่มนี้หดตัวกว่า 30% ต้องประหยัดใช้จ่ายมากสุด ไม่มีการลงทุนใหม่ๆ จึงจะกระทบตรงต่อเศรษฐกิจไทยในอนาคต และสะท้อนได้จากสำรวจเงินใช้จ่ายวันแรงงานที่ตรงกับวันที่ 1 พฤษภาคมของทุกปี แรงงานกว่า 66% ระบุบรรยากาศวันแรงงานปีนี้ไม่คึกคัก ลดใช้จ่ายเหลือ 1,793 บาท/คน ลบ 19.7% จากปี 2562 เป็นการติดลบปีแรกและทุบสถิติต่ำสุดรอบ 9 ปี ซึ่งในการสำรวจแรงงาน 37% แสดงความวิตกว่ามีโอกาสตกงานสูง เฉพาะกลุ่มรับจ้างรายวันและภาคบริการ วิตกถึง 64.2%” นายธนวรรธน์ กล่าว
นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า ภาคแรงงานต้องการให้รัฐบาลเร่งดำเนินการมากสุด คือ กระตุ้นใช้จ่ายและฟื้นเศรษฐกิจ ลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และลดปัญหาค่าครองชีพ ผ่านมาตรการช่วยเหลือภาครัฐ โดบเฉพาะโครงการคนละครึ่ง โดยแรงงานเห็นด้วยที่จะฉีดวัคซีนโดยเร็ว เร่งหยุดการแพร่ระบาดให้เร็วที่สุดและทบทวนอัตราจ้างแรงงานขั้นต่ำเมื่อสถานการณ์โควิดดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจยังไม่พบสัญญาณการเลิกจ้าง คาดอัตราว่างงานยังอยู่ 1.5-1.6%
นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 รอบ 3 จากจำนวนผู้ติดเชื้อยังสูงต่อเนื่อง และรัฐเพิ่มมาตรการล็อกดาวน์พื้นที่และกิจกรรม จะทำให้การใช้จ่ายต่อวันลดลงเพิ่มเป็น 30-40% 0หรือหายไปวันละ 6,000 ล้านบาท จากเดิมประเมินไว้ลบ 10-20% หรือเงินหายไป 3,000 ล้านบาทต่อวัน โดยประเมินว่ารัฐจะคลี่คลายได้ภายใน 2 เดือนหรือภายในมิถุนายนนี้ เงินใช้จ่ายก็จะหายไปประมาณ 3 แสนล้านบาท อาจเพิ่มเป็น 3.5-4.5 แสนล้านบาท
หากหลังจากนั้นจำนวนผู้ติดเชื้อยังไม่น้อยกว่า 100 คนต่อวัน อาจมีผลต่อจิตวิทยา ชะลอใช้จ่ายเดือนละ 1 แสนล้านบาท และอาจเสี่ยงต่อการเลิกจ้างและอัตราว่างงานเพิ่มขึ้น ที่สำคัญแรงงานระบุหากตกงานเงินที่มีรอยู่พอใช้จ่ายได้แค่3-4 เดือนเท่านั้น และมองว่าโอกาสหางานใหม่ยากขึ้น
“ รัฐเตรียมเติมเงินเข้าระบบเศรษฐกิจกว่า 3 แสนล้านบาท ก็จะเป็นตัวเลขที่เข้าทดแทนเงินใช้จ่ายในระบบหายไป จะช่วยพยุงในเศรษฐกิจไตรมาส 2 ยังบวกได้ 5% จากปีก่อนที่ติดลบสูง แต่หากโควิดระบาดรอบใหม่และจำนวนตัวเลขไม่ได้ลดลงอย่างมีนัยะ รัฐอาจใช้การตั้งกรอบกู้เงินอีก 1 ล้านล้านบาทได้ ซึ่งก็เพิ่มก่อหนี้สาธารณะต่อจีดีพี จาก 60 % เป็น 65% ก็ยังทำได้ไม่ผิดวินัยการเงินการคลัง ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลเองก็ต้องดูถึงจำนวนผู้ติดเชื้อ และแผนการเปิดประเทศรับต่างชาติเข้ามาให้ได้ในไตรมาส3 และ ผลักดันการส่งออก คาดปีนี้จะโตได้ 5% “ นายธนวรรธน์ กล่าว
'เจมส์'ไลฟ์ชีวิตในออสเตรเลีย รัฐบาลดี-ไม่ต้องใส่แมสก์
https://www.dailynews.co.th/entertainment/839712
'เจมส์'ไลฟ์ชีวิตในออสเตรเลีย รัฐบาลดี-ไม่ต้องใส่แมสก์
“เจมส์ ธีรดนย์” ไลฟ์สดอัพเดตชีวิตในออสเตรเลีย หลังไปถ่ายหนังฮอลลีวูด เผยวิธีจัดการเจอโควิด-19 ของต่างประเทศ ชี้ไม่ต้องใส่แมสก์แล้ว เพราะรัฐบาลจัดการดี คุณภาพชีวิตก็ดีไปด้วย
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งศิลปินและนักแสดงหนุ่มที่ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นด้านการร้อง การเต้น หรือแม้แต่การแสดง สำหรับ “เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ” ศิลปินกลุ่มในนาม “TRINITY” ความสามารถโดดเด่นถึงขั้นได้รับเลือกให้รับบทในภาพยนตร์สารคดี เกี่ยวกับ เหตุการณ์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ เรื่องราวของเด็ก ๆ และโค้ชทีมฟุตบอล รวม 13 คน ที่หายตัวไปในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนโดยมีการเดินทางไปถ่ายทำไกลถึงประเทศออสเตรเลีย
ซึ่งระหว่างอยู่ที่นั่น หนุ่มเจมส์ก็โพสต์รูปอัปเดตชีวิตให้แฟนคลับได้ติดตามกันต่อเนื่อง โดยล่าสุดเจ้าตัวได้ทำการไลฟ์พูดคุยกับแฟนคลับเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ที่ออสเตรเลีย โดยระหว่างไลฟ์ได้มีแฟนคลับรายหนึ่งถามเรื่องการใส่หน้ากากของที่นั่น หนุ่มเจมส์ก็ได้เล่าว่า
“ใช่ครับ ไม่ต้องใส่แล้ว เพราะว่าไม่มีเคสโควิดแล้ว ใช้ชีวิตเป็นปกติได้แล้วทุกอย่าง แต่มีวันหนึ่งที่ บริสเบน (Brisbane)เจอเคสโควิด แต่ที่นี่เค้าค่อนข้างจัดการอะไรได้ดี ก็เลยล็อกดาวน์ 2-3 วันแล้วเคลียร์โควิด ซึ่งหลังจากเจอเคสคนสุดท้าย ก็จะมีมาตรการหรือขอความร่วมมือให้สวมแมสก์ประมาณ 14-15 วัน พอเสร็จก็ไม่ต้องใส่แล้ว”