สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ต้องถามใจคุณเองก่อนค่ะ ว่าสำหรับคุณแล้วการจัดงานแต่งงานใหญ่โตรวมถึงสินสอดจำเป็นสำหรับคุณหรือไม่ ถ้าคำตอบคือไม่ แนะนำว่าลองเกริ่นกับเค้าในแนวว่าแค่จดทะเบียนสมรสกับจัดงานเล็กๆทานข้าวเฉพาะคนในครอบครัวแฟนคุณโอเคหรือไม่ ถ้าขนาดคุณยื่นข้อเสนอนี้แล้วเค้ายังหาข้ออ้างไม่แต่งก็แสดงว่าเค้าน่าจะไม่ได้วางอนาคตระหว่างคุณกับเค้าไปมากกว่าแฟนค่ะ ก็อยู่ที่คุณจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป
ความคิดเห็นที่ 5
ชาย34 เงินเดือน 60,000 กับหญิง31 เงินเดือน30,000 ลูกติด..7ขวบกว่า
ทำงานด้วยกัน,คบกัน 7ปี (อยู่เจอกันทั้งบ้านทั้งที่ทำงาน หน้าที่การงานก็ต่างกัน)
.. เค้าบอกคุณชัดเจนแล้ว ว่าเค้าต้องการความสัมพันธ์เพียงเท่านี้ ..
คงไม่ได้อะไรมากกว่า ผูกข้อมือเงียบๆ งบ50,000 แล้วจูงมือไปจดทะเบียนจองไว้ก่อน
เรื่องสินสอด เรื่องงานแต่งงาน จบความฝันไปเลยค่ะ
อย่างไรก็ตาม ปลอบใจว่า เค้าไม่ได้ตัดคุณออกจากอนาคต
เพียงแต่คุณเพ้อฝันไปเองคนเดียวว่า จะแต่งงานสมเกียรติสมใจคุณ
ไม่แปลกนะคะ มีแต่ผู้หญิงที่ฝันอยากจัดงานแต่งงาน แต่สำหรับผู้ชาย เรื่องนี้เป็นภาระที่งี่เง่า
ไม่แปลกนะคะ คนรุ่นหลังๆ หลายคนต้องการแค่ใช้ชีวิตด้วยกัน ซั่มกัน ไม่แต่งงาน ไม่มีลูก
เพียงแต่คุณสองคน มองภาพชีวิตคู่ไม่ตรงกัน
(แต่แน่นอน ฝ่ายหญิงจะเสียมากกว่าฝ่ายชาย เมื่อวันเวลาผ่านไปเนิ่นนาน หรือสถานการณ์เปลี่ยน)
ทำงานด้วยกัน,คบกัน 7ปี (อยู่เจอกันทั้งบ้านทั้งที่ทำงาน หน้าที่การงานก็ต่างกัน)
.. เค้าบอกคุณชัดเจนแล้ว ว่าเค้าต้องการความสัมพันธ์เพียงเท่านี้ ..
คงไม่ได้อะไรมากกว่า ผูกข้อมือเงียบๆ งบ50,000 แล้วจูงมือไปจดทะเบียนจองไว้ก่อน
เรื่องสินสอด เรื่องงานแต่งงาน จบความฝันไปเลยค่ะ
อย่างไรก็ตาม ปลอบใจว่า เค้าไม่ได้ตัดคุณออกจากอนาคต
เพียงแต่คุณเพ้อฝันไปเองคนเดียวว่า จะแต่งงานสมเกียรติสมใจคุณ
ไม่แปลกนะคะ มีแต่ผู้หญิงที่ฝันอยากจัดงานแต่งงาน แต่สำหรับผู้ชาย เรื่องนี้เป็นภาระที่งี่เง่า
ไม่แปลกนะคะ คนรุ่นหลังๆ หลายคนต้องการแค่ใช้ชีวิตด้วยกัน ซั่มกัน ไม่แต่งงาน ไม่มีลูก
เพียงแต่คุณสองคน มองภาพชีวิตคู่ไม่ตรงกัน
(แต่แน่นอน ฝ่ายหญิงจะเสียมากกว่าฝ่ายชาย เมื่อวันเวลาผ่านไปเนิ่นนาน หรือสถานการณ์เปลี่ยน)
ความคิดเห็นที่ 3
อ่านสองตลบ ก็พบว่า คุณเป็นรองฝ่ายชายสุดๆเพราะฝ่ายชายมีข้อแม้ คุณมีลูก ยิ่งถ้าคุณได้เสียกันไปแล้ว นั่นยิ่งหนักเพราะยังไงก็ได้ไปแล้ว คุณเองมีลูกแล้วจะอะไรนักหนาเขาคิดแบบนี้ ขนาดเสนอให้ยังอ้างชักแม่น้ำทั้งห้า ฉนั้นอย่าถามเลยเรื่องานพิธีต่างๆมันจะไม่มีเกิดขึ้นตามความเข้าใจครับ เพราะแฟนคุณเขาต้องการเท่าที่เป็นอยู่ อย่าเสียใจนะที่ตอบตรงไป
ความคิดเห็นที่ 10
ต้องวิเคราะห์ดีๆว่าที่เค้าไม่อยากแต่งคือติดปัญหาเรื่องเงินหรืออะไรกันแน่
คุณเสนอไปเลย เก็บเงินเข้าบัญชีกองกลางเดือนละ 2000 งานแต่งไม่ต้องจัดใหญ่โต แค่กินข้าวกับที่บ้านเล็กๆหรือจัดรพ.สงฆ์ก็ได้ ถ้าเค้ายังบ่ายเบี่ยงแปลว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา เค้าแค่ไม่อยากแต่งกับคุณ
คุยตรงๆไปเลย คบกันไม่มีอนาคตมันเสียเวลา
คุณเสนอไปเลย เก็บเงินเข้าบัญชีกองกลางเดือนละ 2000 งานแต่งไม่ต้องจัดใหญ่โต แค่กินข้าวกับที่บ้านเล็กๆหรือจัดรพ.สงฆ์ก็ได้ ถ้าเค้ายังบ่ายเบี่ยงแปลว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา เค้าแค่ไม่อยากแต่งกับคุณ
คุยตรงๆไปเลย คบกันไม่มีอนาคตมันเสียเวลา
ความคิดเห็นที่ 24
จากข้อมูลที่คุณให้มา
1. คุณเคยเปรยว่าแม่จะให้สินสอดคืนทั้งหมด หมายความว่าจะต้องมีงานแต่ง และต้องมีสินสอด
2. คุณแม่คุณมีฐานะ แสดงว่างานแต่งจะต้องใหญ่และสินสอดจะต้องมากตามฐานะของแม่
แฟนคุณไม่เคยบอกว่าไม่มีคุณในอนาคต เพียงแค่เขาไม่สามารถหาสินสอดและจัดงานแต่งให้คุณได้
ถึงแม้คุณจะออกเงินสินสอดและออกเงินจัดงานแต่งเอง แฟนคุณก็อาจจะรู้สึกว่ามันเป็นความรับผิดชอบของเขา
ผมแนะนำให้หาจุดกึ่งกลางระหว่างแม่คุณและแฟนคุณ เช่น จัดงานแต่ใช้งบน้อยๆได้ไหม แค่ครอบครัว
สินสอดก็แค่พอประมาณ
1. คุณเคยเปรยว่าแม่จะให้สินสอดคืนทั้งหมด หมายความว่าจะต้องมีงานแต่ง และต้องมีสินสอด
2. คุณแม่คุณมีฐานะ แสดงว่างานแต่งจะต้องใหญ่และสินสอดจะต้องมากตามฐานะของแม่
แฟนคุณไม่เคยบอกว่าไม่มีคุณในอนาคต เพียงแค่เขาไม่สามารถหาสินสอดและจัดงานแต่งให้คุณได้
ถึงแม้คุณจะออกเงินสินสอดและออกเงินจัดงานแต่งเอง แฟนคุณก็อาจจะรู้สึกว่ามันเป็นความรับผิดชอบของเขา
ผมแนะนำให้หาจุดกึ่งกลางระหว่างแม่คุณและแฟนคุณ เช่น จัดงานแต่ใช้งบน้อยๆได้ไหม แค่ครอบครัว
สินสอดก็แค่พอประมาณ
แสดงความคิดเห็น
เมื่อแฟนที่คบมา 7 ปี...ไม่มีเราอยู่ในอนาคต
เราอายุ 31 ปี เรามีลูกติด 1 คน อายุ 7 ขวบกว่าๆ
ส่วนแฟนเราอายุ 34 ปี - ไม่เคยผ่านการแต่งงานและมีครอบครัวมาก่อน เรากับแฟนทำงานอยู่ที่เดียวกัน โดยได้ตกลงคบหาดูใจกันตั้งแต่ปี 58 (รู้จักกันในปี 57) โดยก่อนที่จะคบกัน เราเปิดเผยเรื่องที่เรามีลูกและเค้าก็บอกว่าเค้าโอเคและรับได้ และเค้าจริงใจกับเรา เราจึงโอเคและศึกษาดูใจกันมาเรื่อยๆ พอมา 2-3 ปีให้หลัง อยู่ในช่วงที่เพื่อนๆ ทยอยแต่งงานกัน และมีการแซวกันในหมู่เพื่อน ว่าเมื่อไหร่จะถึงคู่เรา โดย ณ ตอนนั้น เราก็ไม่ได้สนใจอะไรกับการแซว หรือคำถามของเพื่อนๆ เพราะว่าหันไปมองสีหน้าของแฟน ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยจะดี เราเลยพูดปัดๆไป ซึ่งเพื่อนก็มาพูดโดยถามแบบส่วนตัวว่าเราควรเกริ่นๆกับฝ่ายชายดูบ้างนะ หรือได้มีการแพลนอนาคตกันไว้ยังไงบ้าง เราจึงมาถามทีเล่นทีจริงกับแฟน
สุดท้าย แฟนปรับโหมดเป็นจริงจัง บอกกับเราว่า
จะเอาเงินที่ไหนไปขอ คิดดูว่าแต่งงานทีใช้เงินเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ไหนจะค่าสินสอด ไหนจะค่าสถานที่ 5 แสนไม่อยู่แน่ๆ เขาจะต้องมีเงินเก็บไว้สำรองหากคนที่บ้านเค้าเป็นอะไรขึ้นมา สำหรับพื้นฐานที่บ้านของแฟน แฟนเป็นลูกคนเดียว คุณแม่แต่งงานใหม่ โดยตอนนี้แฟนมีแค่แม่ และยาย รวมถึงสามีใหม่ของแม่ ซึ่งแฟนไม่ได้ส่งเสียเงินให้แม่ทุกเดือน แต่จะให้เป็นบางโอกาส คุณแม่ของแฟนมีธุรกิจร้านกาแฟเล็กๆ ส่วนสามีใหม่ของแม่เกษียนแล้ว และไม่มีอาชีพ
ปัจจุบัน แฟนมีเงินเดือนประมาณ 60,000 บาท มีภาระคือผ่อนคอนโด 1 ห้อง และรถ 1 คัน
ส่วนเราไม่เคยเรียกร้องอะไรจากแฟน ไม่เคยให้แฟนต้องออกค่าใช้จ่ายอะไรให้ ไปทานข้าวเราก็แชร์กันทุกมื้อ และไม่เคยพูดถึงว่าที่บ้านต้องการสินสอดเท่านี้ๆ
แต่เคยพูดแค่ว่า แม่ของเราบอกว่าถ้าแต่งงานแม่ก็จะคืนสินสอดให้ ไว้สำหรับตั้งตัว
สำหรับนิสัยของแฟน ถือว่าไม่ได้แย่ ตั้งแต่คบมาไม่เคยมีการนอกใจ เวลาไปเที่ยวก็ออกค่าที่พักและค่าตั๋วเครื่องบินให้ ส่วนที่เหลือเราก็แชร์กัน
แต่เวลาพูดถึงอนาคตทีไร...จะกลายเป็นหงุดหงิดใส่เราตลอดเวลา แล้วก็พูดวนไปวนมาเรื่อง เค้าจะคิดถึงอนาคตทำไม ไม่มีเงินแล้วจะไปคิดทำไม เค้าไม่ใช่เราที่ที่บ้านมีทรัพย์สินหรือที่ดิน แต่เราก็บอกเค้าไปว่า มันเป็นของคุณแม่เราไม่ใช่ของเรา อีกอย่างเราก็เงินเดือนน้อยกว่าเค้ากว่าครึ่ง เรายังไม่มีทรัพย์สินเป็นชิ้นเป็นอันเลย เราก็ไม่ได้ดีไปกว่าเค้านะ
ใจเราก็ห่อเหี่ยวเหลือเกินนนน...เราจะเสียเวลาฟรีรึป่าวน๊อออ ถ้าสุดท้ายปลายทางมันจะตันแค่เป็นแฟนกันจริงๆ
ไม่ได้หวังเรื่องสินสอดนะเพราะไม่ได้เกริ่นหรืออะไร แค่อยากให้ทำตามธรรมเนียมให้ถูกต้อง หากอนาคตจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจริงๆ...แต่ก็แอบคิด ว่าแฟนยังไม่อยากมีเราอยู่ในอนาคต ใช่รึป่าว...