สงสัยมั้ยทำไมหนังวันสิ้นโลก เวลารัฐบาลจะเลือกผู้รอดในการอพยพไปด้วย นักวิทยาศาสตร์ จะได้อภิสิทธิ์ชน กลุ่มแรกที่รอดก่อน

คือผมดูหนังแนววันสิ้นโลก วันที่ใกล้ที่มนุษยชาติจะสูญพันธ์ ซึ่งรัฐบาลจะเป็นผู้ที่รู้การเตือนภัยก่อนประชาชน เวลารัฐบาลเตรียมการอพยพผู้คน ซึ่งข้อจำกัดคิอ ไม่สามารถพาประชาชนทุกคนไปด้วยได้ แต่กลุ่มที่รัฐบาลในหนังจะเลือกให้ไปด้วย คือ พวกนักวิทยาศตร์ คือ ใครเก่งด้านไหนเชี่ยวชาญด้านไหน ไม่ว่าจะเป็น ฟิสิกส์ เคมี นักคณิตศาสตร์ ชีวะวิทยา วิศวกรรมด้านต่างๆ รวมหมอแพทย์ จะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่ถูกเลือกให้รอด ได้อภิสิทธิ์ชนก่อนคนกลุ่มอื่น
คือ ผมก็ย้อนดูด้วยเอง เป็นช่างคอมยุค 90 แก่ๆ ถ้าเกิดวันสิ้นโลกจริงๆ รัฐบาลกลางเขาจะส่งเจ้าหน้าที่มารับตัวขึ้นยานโนอาร์ เหมือนในหนังมั้ย อารมณ์ประมาณว่าผมก็มีประโยชน์นะ ซ่อมคอมแงะคอมลงวินโดว์ก็เก่ง อะไรประมาณนี้ ไม่รู้ว่าโลกใหม่ที่รัฐบาลกลางจะสร้างเค้าต้องใช้ประโยนชน์จากทักษะตรงนี้จากผมมั้ย 55555
แต่ผมได้เรียนรู้จากหนังวันสิ้นโลกว่า คนที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ใช่คือผู้อยู่รอด แต่ คนที่มึความรู้ต่างหากที่จะอยู่รอด คือ เทียบง่ายๆ ครับ เพื่อนๆ ยุคไดโนเสาร์ ไดโนเสาร์ไม่สามารถคิดค้น ความรู้วิทยาการใหม่ๆ ได้ จึงเหมือนอยู่ตามมีตามเกิดตามธรรมชาติ ซึ่งผ่านมาหลายยุค เราไม่รู้เลยว่าสัตว์ประเภทไหนสูญพันธ์ไปบ้าง อาจจะด้วยภัยธรรมชาติ โรคระบาดในยุคโบราณ แต่มนุษย์ขรี้เหม็นอย่างพวกเราหรือ ภาษาปะกิดเรียกว่า ฮู้เหม็น นั้น มีวิวัฒนาการมาตลอดคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมา คิดค้นเครื่องทุ่นแรง คิดค้นวัคซีนป้องกันโรคระบาดมาหลายยุค ทำให้มนุษย์ฮู้เหม็นครองโลกอยู่มาอย่างยาวนานไม่สูญพันธ์ง่ายเหมือนสัตว์โลกประเภทอื่น
อย่างที่ผมกล่าวข้างต้นครับเพื่อนๆ นักฟิสิกส์ นักเคมี นักคณิตศาสตร์ นักชีวะวิทยา วิศวกรรมด้านต่างๆ รวมหมอแพทย์ คนกลุ่มเหล่านี้ คือ ทรัพยากรที่รัฐบลากลางในหนัง เขามองว่า จะเป็นคนที่สร้าง นิวเวิร์ล หรือ โลกใหม่ ขึ้นมาหลังวันสิ้นโลก เพราะเขาต้องพึ่งพาความรู้เหล่านี้ในการสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมาใหม่
ต้องอย่าลืมว่ามนุษย์เราพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ขึ้นมาได้ด้วยความรู้สำคัญ คือ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คณิตศาตร์ อาทิเช่น ถ้าเราไม่มีคณิตศาสตร์ เราก็ไม่มี คอมพิวเตอร์ มือถือ ใช้มาจนถึงทุกวันนี้ เราจะแก้ปัญหาโรคภัยไข้เจ็บก็ต้องพึ่งพาศาสตร์ความรู้ด้าน เคมี ชีวะ เราจะสร้างตึกบ้าน ยานพาหนะ เครื่องบินใหม่ ก็ต้องพึ่งพาศาสตร์ด้านฟิสิกส์ เป็นต้น
พระเจ้าที่จะสร้างโลกใหม่นั่นก็คือ บุคคลากรที่มีความรู้ ด้าน ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คณิตศาตร์ หล่อหลอมประยุคต์ใช้ในด้านวิทยาศาสตร์ด้านต่างๆ ก่อให้เกิดเทคโนโลยีมากมายนั่นเอง นั่นคือ เหล่านักวิทยาศาตร์สาขาต่างๆ แต่น่าเสียดายบ้านเราไม่ได้ให้ความสำคัญด้านวิทยาศาตร์เท่าไหร่ งบวิจัยโปรเจ็คต่างๆ ก็ไม่ได้มัเหมือนประเทศพัฒนา ซึ่งผมมองว่ามันจำเป็นมากๆ เรื่องวิทยาศาตร์นี่อ่ะครับ 
ปล.ผมไม่ได้บ้านะครับ

เพื่อนๆ คิดเห็นอย่างไร???

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
มนุษย์มีคุณค่าไม่เท่าเทียมกันครับ   ไอ้ที่พล่ามบอกว่าทุกคนเท่าเทียมกันมันก็แค่คำพูดสวยหรู
ความคิดเห็นที่ 1
เอาจะเอาเด็กแว้น อันธพาล กุ๊ย ไปทำอะไรครับ

เขาต้องเอาคนที่มีประโยชน์ก่อนอยู่แล้ว
ความคิดเห็นที่ 7
ประเทศไทยไม่ไช่สังคมแห่งนวรรตกรรม สังคมแห่งการเรียนรู้ หรืออะไรประมาณนั้น
การที่คนจะเข้าใจบริบทตรงนี้ไม่ได้ผมว่าไม่แปลก เพราะวิศวกรส่วนใหญ่ของเรา
หน้าที่การงานเป็นเพียงการควบคุมตรวจสอบการประกอบ
นักวิทยาศาสตร์ไทยแทบจะไม่มีที่ยืนในสังคม
โดนบุลลี่ว่างานวิจัยที่ยังไม่ถูกใช้ว่าเป็นงานวิจัยขึ้นหิ้ง
องค์ความรู้ที่จับต้องไม่ได้เป็นสิ่งไร้ค่า บลาๆๆๆๆ

อันที่จริงคนที่วางรากฐานสังคมให้เป็นมือเป็นเท้านายทุนฝรั่ง/ญี่ปุ่น มันไม่ใช่พึ่งมี
มันมีมาตั้งแต่สามสิบกว่าปีก่อนสมัยนายกชาติชายแล้ว
การที่คนจะตั้งข้อสงสัยเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
เพราะประเทศไทยไม่เคยมีอะไรแบบนี้ให้เห็น

แต่ก็เพราะเป็นแบบนี้แหละ ถ้ามีเหตการที่สมมุตที่ จขกท ว่า ในบริบทสังคมไทยปัจจุบัน
ถ้าคนผู้เลือกเป็นประเทศไทย ผู้ที่ถูกเลือก จะเป็นไปตาม #6 นั่นแหละ
แต่ก็เพราะว่า บริบทบ้านเราเป็นเช่นนี้

เลยเชื่อว่าถ้ามีเหตการณ์ลักษณะนี้ เชื่อว่าประเทศไทยจะไม่ได้อยู่ในส่วนที่จะสามารถเป็นผู้เลือกได้
ความคิดเห็นที่ 2
ที่นี่เราขาดแคลน ดารา ตลก นักร้อง และ Youtuber ติดตามชีวิต ดารา ครับ
ความคิดเห็นที่ 10
ก็รู้อยู่แล้วว่าพาไปทุกคนไม่ได้ ก็ต้องพาไปเฉพาะคนที่สำคัญที่สุด แปลกตรงไหน
ถ้ามัวแต่คิดว่าทุกคนเท่าเทียมกัน เลือกไม่ได้ซักที ก็ตายทุกคนเท่าเทียมกันไปเลยไง

แต่จริง ๆ ไอพวกผู้นำเนี่ยแหละพวกแรกที่ควรถูกปล่อยทิ้งไว้
ไม่ค่อยมีประโยชน์จริง ๆ หรอกเวลาไปสร้างสังคมใหม่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่