ใช้ธรรมะ แก้โรค โควิด-19 (COVID-19) ได้ยังไง
เราไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อต่อต้านไวรัส โควิด-19 (COVID-19) เป็นสิ่งที่ผิด
เราต้องไหว้เพื่อสำนึกผิด ในความผิดต่างๆ และขอขมากรรม และต่อไปให้เราตั้งปณิธานต่อเราจะไม่ทำสิ่งที่ไม่ดี ฯลฯ แล้วขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้พรทั้ง ๒ ฝ่าย ทั้งฝ่ายคนและฝ่ายเชื้อโรคไวรัส โควิด-19 (COVID-19) ท่านก็จะให้พร ขอให้สงบสุขกันนะ บัดนี้ผู้คนต่างๆ ก็สำนึกผิดกันแล้วนะ
"ศักดิ์สิทธิ์" แปลว่า ทำเหตุให้พร้อมถึงวาระแห่งสัปปายะธรรมนั้นๆ, ทำเหตุให้ถึงพร้อมสัปปายะแห่งวาระธรรมนั้นๆ
"ผู้ศักดิ์สิทธิ์" และ "สิ่งศักดิ์สิทธิ์" แปลว่า ผู้มีปัญญาที่รู้ถึงเหตุแห่งพร้อมสัปปายะของภาวะธรรมนั้นๆ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หมายความว่า สิ่งที่เป็นพลังงานอยู่ในธรรมชาติ ซึ่งเป็นพลังที่ดำรงให้ธรรมชาติดำรงรักษาอยู่ได้ อยู่รอดและอยู่ดี เราไปขอพึ่งพลังตรงนี้ เหมือนกับไฟเราไม่เพียงพอ เราก็ไปเสียบหม้อแบตเตอรี่ใหญ่ ที่มีไฟพร้อม
กรรมโดนบันดาลภาวะอย่างนี้ จริงๆ แล้วโรคไวรัส โควิด-19 (COVID-19) อยู่บนพื้นโลกนี้ยาวนานกว่าเราอีก เพียงแต่โรคนี้ไม่สำแดงฤทธิ์เดชเท่านั้นเอง แต่เวลามวลมนุษย์ไปทำผิด กรรมไปเร้าไปให้เขาเกิดเป็นปัญหา วิธีแก้ก็คือ ให้สำนึกผิด ขอขมา และขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยไกล่เกลี่ย
สิ่งศักดิ์ิสิทธิ์ก็จะให้พร อ๋อ!!...บัดนี้มนุษย์สำนึกผิดแล้วเน๊าะ!!..เขาสำนึกผิดแล้ว อโหสิกันเน๊าะ
แล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ไหนที่จะมาไกล่เกลี่ย?
ถ้าเรานับถือศาสนา ก็ถือองค์สูงสุดของศาสนานั้น ขอบารมีท่านช่วยไกล่เกลี่ย
สมมติว่าถ้าเรานับถือศาสนาพุทธ ก็ขอบารมีพระพุทธเจ้าช่วยไกล่เกลี่ย
ถ้านับถือศาสนาฮินดู หรือพราหมณ์ ก็จะขอบารมีพระพรหมช่วยไกล่เกลี่ย
ถ้านับถือศาสนาศาสนาคริสต์ ก็จะขอบารมีพระเยซูคริสต์ช่วยไกล่เกลี่ย
ถ้านับถือศาสนาอิสลาม ก็จะขอบารมีพระอัลเลาะห์ช่วยไกล่เกลี่ย
"อโหสิ" ธรรมะข้อเดียว ช่วยโลกให้ปลอดภัย
อโหสิจะช่วยโลกนี้ให้ปลอดภัยได้อย่างไร?
สมมติว่า โรคไวรัส โควิด-19 (COVID-19) นี้เข้าไปสู่ร่างกายเรา แค่เข้าไปเยี่ยมแล้วก็ออกมา นี่แหละ อโหสิไหม? แล้วเวลานี้คนที่เป็นโรคไวรัส โควิด-19 เท่าไหร่
คนทั่วโลก ผู้ป่วยสะสม 803,650 ราย เสียชีวิต 39,033 ราย หายแล้ว 172,772 ราย ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 เวลา 22:39 น. เป็นหลายแสนคน แต่เสียชีวิตเกือบ ๔ หมื่นคน เพราะเขาไม่อโหสิ
นี่เป็นตัวอย่างว่า มวลมนุษยชาติรู้จักสำนึกหรือไม่ ถ้าหากว่า ไวรัสโควิดแค้น แสดงว่าตายหมด ก็ในเมื่อไวรัสโควิดเข้าไปสู่ร่างกายแล้ว แต่ทำไมบางคนไม่ตาย
สำนึกกรรม แล้วเรายอมรับผิด ขอขมากรรม แล้วอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน เราก็อยู่ร่วมกันได้
อโหสิกรรมแล้ว ก็จะเอื้อ-เกื้อ-กัน ก็จะไม่รุนแรง ทุกอย่างก็สันติ
เดี๋ยวนี้ในโซเชียลมีเดีย (Social Media) หรือเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network) บางเว็บมีแต่ไร้สาระ ซ้ำเติม มีแต่การเพิ่มความเคียดแค้นกัน ก็จะเป็นการเข้าข่ายสายมาร เพราะมารต้องการเป็นอย่างนี้ เพื่อเข้าสู่กลียุค ฉะนั้น กลุ่มพวกที่มีปัญญา ควรจะโพสต์อย่างนี้บ้าง ไม่ใช่โพสต์แต่ไปซ้ำเติมกัน เคียดแค้นกัน
ทุกศาสนาทำได้หมด
ถ้าเราสำนึกผิด เราควรขอขมาต่อธรรมชาติ หรือต่อเชื้อโรคโควิด?
เชื้อโรคโควิดใช่อยู่ในธรรมชาติไหม? หรือเขาเกิดมาเองได้ แล้วใครเป็นพ่อแม่ของโควิด? ก็คือ ธรรมชาตินั่นเอง แล้วถ้าเราไปขอขมาพ่อแม่ แล้วลูกจะยอมไหม? ลูกก็ต้องยอม
แต่ถ้าลูกดื้อไม่เชื่อฟังพ่อแม่ล่ะ?
แล้วธรรมชาติเขาเปลี่ยนแปลง แล้วลูกจะอยู่ได้ไหม? ก็ไม่ได้ แต่ถ้าอยู่ได้แสดงว่าเขาเป็นอมตะไม่มีอะไรที่จะทำเขาได้ โควิดมาเจอแอลกอฮอล์ (alcohol) ทีหนึ่งก็วิ่งหนี วิ่งแจ้นแล้ว เจอความร้อนทีหนึ่งก็ไม่อยากอยู่แล้ว ถ้าธรรมชาติเปลี่ยนมาเป็นร้อนจัดๆ ๕ วัน โรคก็ตายหมดแล้ว นี่แหละ จะเหนือธรรมได้ยังไง ไม่มีทางหรอก คุณเก่งแค่ไหน เหนือแค่ไหนก็ไม่มีทางเหนือธรรม ต้องจำคำนี้ ไม่ว่ามารหรือเทพ องค์ไหนก็เหนือธรรมไม่ได้
แล้วสวดมนต์ไล่โควิดล่ะ ถูกต้องไหม?
ต้องตั้งฐานจิตให้ถูกต้อง เราสวดมนต์เพื่อสำนึกผิด ไม่ใช่สวดมนต์เพื่อจะไปไล่เขา เราไปไล่เขา เขาก็ยิ่งต่อต้านแรง เหมือนกับเราเปิดศึก เอาทหารไปปราบเขา เขาก็ยิ่งต่อสู้ ใจก็ยิ่งโหดเหี้ยมขึ้น รุนแรงมากขึ้น
ถ้างั้นเราจะใช้คำว่า สวดมนต์เพื่อเมตตาต่อกันอย่างนี้จะได้ไหม?
ก็ไม่ได้ สวดมนต์เพื่อสำนึกผิดให้อภัยต่อกัน
ถ้าหากว่าเราจะสำนึกผิด ขอขมา ต่อธรรมชาติรวมทั้งหมด หรือธรรมชาติสายไหน?
คำว่า ธรรมชาตินี้รวมหมดทุกสาย ฉะนั้นเราจะทำสายไหนก็อยู่ในธรรมชาติ
นี่แหละ การแก้ไขอย่างถูกต้องในธรรม ตามหลักธรรม
ประเทศจีนบอกว่าตอนนี้เขาแก้ไขวิกฤติโรคโควิดสำเร็จแล้วใช่ไหม?
ใช่ อีกเดือนหนึ่งจะมีเชื้อโรคอีกตัวหนึ่งได้ไหม? ก็ได้ อาจจะไม่ชื่อโควิดก็ได้ ชื่ออื่นก็ได้ มันมาไม่มีจบหรอก ถ้าเราไม่มีการสำนึกต่อธรรมชาติ
เราสำนึกทำไม? เราสำนึกเพื่อ "แก้เหตุ" แล้วผลก็ต้องเปลี่ยน ถ้าเราไม่สำนึก ไม่แก้เหตุ เราก็จะต้องมีเชื้อโรค มีปัญหาอยู่เรื่อยๆ
ทำไมต้องทำอย่างนี้ ก็เพราะว่า เราแก้เหตุแห่งการเกิด พอเราแก้เหตุแห่งการเกิด ผลก็ต้องเปลี่ยน
แก้เหตุ เหตุตรงนั้นคือเหตุอะไร?
เหตุที่ทำให้มันเกิดเชื้อโรคโควิด เพราะเราไปทำลายธรรมชาติต่างๆ เช่น ยกตัวอย่าง
โลกร้อน เพราะว่าเราไปทำลายป่าไม้ ตัดต้นไม้เยอะ ทำลายผืนป่า ทำต้นไม้เสีย แล้วจะไม่ทำให้โลกร้อนได้ยังไง
เวลานี้มีควันเยอะแยะ เพราะเราจุดไฟเผาป่า เผาไร่ เผานา ถ้าเราหยุดเผาจะมีควันตรงไหน
สิ่งที่เราทำลายธรรมชาติที่ใหญ่ๆ ก็คือ เราทำลายตัวเอง ทำลายบุคคลด้วยกัน เพราะเราแก่งแย่งกัน เกิดความละโมบ จุดใหญ่ที่สุดเลยก็คือการทำลายตัวเองด้วยวิธีการละโมบ เอาจิตวิญญาณให้กับมาร ให้กับซาตาน ให้กับทางฝ่ายผิด ให้กับทางอธรรม ถ้าทุกคนสำนึกอยู่ในธรรมะ มันจะก่ออธรรมได้ยังไง ถ้าเราจะตัดต้นไม้ ถ้าเราสำนึกเราจะกล้าทำอย่างนั้นเหรอ มีแต่ความละโมบ ได้แต่เอาๆ
จุดที่สำคัญที่สุด ก็คือ เราไปเชื่อฟังและสังเวยจิตวิญญาณตัวเอง ด้วยความละโมบ
ละโมบ คือ ความโลภอย่างแรงกล้า จ้องจะเอา ไม่เลือกว่าควรไม่ควร ใช้เล่ห์เพทุบายทุกวิถีทางที่จะไปครอบครอง สนองตัณหา เป็นประตูนำไปสู่นรก ความ
เวลานี้ที่ทำลายโลกก็คือความละโมบ เวลานี้จะแก้ไขก็ต้องแก้ไขที่ความละโมบ ไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าเชื้อโรคไวรัสโควิดหายไปแล้ว เชื้อโรคใหม่จะมาอีกตัวก็ได้ และจะมาหนักขึ้นเรื่อยๆ
ต้นเหตุมาจากคนนี่เอง เพราะว่าเราไปหลงตัวละโมบ เอาจิตวิญญาณของเราไปสังเวยตัวละโมบ พอเรามีจิตละโมบ ทางฝ่ายที่ไม่ดีจะมาทุกตัวเลย
พวกที่เป็นนักการศาสนาทั้งหลาย ถูกความละโมบครอบงำทั้งนั้น เช่น สายกูต้องยิ่งใหญ่ สายกูต้องมีศาสนิกเยอะกว่า สายกูต้องแน่กว่า นี่ไม่ใช่ความละโมบเหรอ? ถึงขนาดนี้ยังไม่ยอมร่วมมือกัน เพราะความละโมบกีดขวางไว้
ถ้าเราไม่มีฐานจิตที่กล่าวมานี้ จะไปประกอบพิธี หรือสวดมนต์ ก็จะช่วยมารทั้งนั้น เพราะยุฝ่ายนั้นให้มีข้ออ้างต่อสู้แรงขึ้น แรงขึ้น ใช้ผลิตภัณฑ์ที่แรงขึ้น
เดี๋ยวถ้าอีก ๓ เดือน มีตัวใหม่มาแรงกว่าเดิม เราจะทำยังไง?
ในเมื่อเรามีระเบิดปรมาณู (atomic bomb) ทางโน้นก็มีระเบิดไฮโดรเจน (Hydrogen bomb) คุณมีระเบิดไฮโดรเจนฉันมีเหนือกว่า แล้วโลกเราจะไปเหลือเหรอ?
เราทำโลกให้เป็นสนามรบ แล้วโลกเราจะเหลือเหรอ
เวลานี้คุณจะทำโลกนี้ให้เป็นสนามรบ เราจะไปเหลืออะไร เราจะต้องยุติการรบกัน อย่างน้อยก็ยังมีสถานที่ที่จะมาสืบพันธุ์กันต่อไป ไม่เช่นนั้นโลกจะพังกันทั้งโลก ใครทำลายโลก ก็คือตัวพวกเราเอง
ถ้าเวลานี้มวลมนุษยชาติเอาแต่เป็นศัตรู จะมาอีกตัวหนึ่งแรงกว่านี้อีก ที่เขาพูดไม่ใช่ว่าไม่จริง แต่เป็นตัวที่อันตรายอีก ๓ ตัว ที่กำลังรออยู่ ปีนี้ไม่ใช่เล่นเบาๆ นี่เป็นตัวอย่างเท่านั้นเอง
ระวังตัวหนึ่ง ตัวนี้อันตรายมากถ้ามาถึงจุดนั้นได้ จะมีของมาชนโลก เช่น อุกกาบาต (Meteorite) มาชนโลกจะถึงกับครึ่งโลกเลย มืดครึ่งโลก
ไขความ
อโหสิกรรม คือ เคลียร์เหตุแล้ว แล้วเขาไม่เอาเรื่อง และคนทั่วไปคิดว่า ยุติธรรมจะต้องเอาคืน จะต้องทำให้เขาเสียหาย อย่างนี้ไม่ยุติธรรม
แก้แค้น เพื่อมาเรียกร้องความยุติธรรม อย่างนี้ถูกไหม?
อย่างนี้เป็น "อยุติธรรม" เป็นการเอายุติธรรมมาหลอก คือ เราจะไปแก้แค้น ไม่ใช่ว่าไปทำร้ายเขาก่อนนี่ เพียงแต่เอาคืน เราไม่ได้ไปแก้แค้นนี่ แต่เราต้องการยุติธรรม อย่างนี้เป็นการถูกหลอกไหมล่ะ? ก็ต้องถูกหลอกไปอีก เพราะว่าไปแปลคำว่า "ยุติธรรม" ผิดเพี้ยนไปนั่นเอง
ยุติธรรม ก็คือ ไม่ไปทำต่อ ก็ในเมื่อไม่ดีแล้วเราจะไปทำต่อทำไม ถ้าทำต่อก็ไม่มีทางยุติก็ต้องจองเวรไปเรื่อยๆ มันยุติตรงไหน? คำว่า "ยุติ" ก็คือ "อโหสิ"
ยุติธรรม คือ ธรรมที่ให้เกิดยุติ คือ อโหสิ ก็จะไม่จองเวรกันต่อ
พอเรายุติ เราก็จะมีศีลแล้ว ศีลก็คือปกติในภาวะธรรมนั้น เราทำดีในภาวะธรรมนี้ก็ต้องได้ผลดี นี่แหละยุติธรรมไหม?
พอเรายุติ ธรรมก็จะให้สิ่งดีๆ แก่เรา
ถ้าเราไม่อโหสิ ก็จะเป็นการจองเวรไปเรื่อยๆ แล้วจะไปยุติธรรมตรงไหน เราจองเวร เราก็ต้องผิดศีลนี่ ในธรรมเราผิดศีล เราก็โดนไปเรื่อยๆ โดนไปโดนมา อย่างนี้แหละไม่ปกติในศีล
ใช้ธรรมะ แก้โรค โควิด-19 (COVID-19) ได้ยังไง
เราไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อต่อต้านไวรัส โควิด-19 (COVID-19) เป็นสิ่งที่ผิด
เราต้องไหว้เพื่อสำนึกผิด ในความผิดต่างๆ และขอขมากรรม และต่อไปให้เราตั้งปณิธานต่อเราจะไม่ทำสิ่งที่ไม่ดี ฯลฯ แล้วขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้พรทั้ง ๒ ฝ่าย ทั้งฝ่ายคนและฝ่ายเชื้อโรคไวรัส โควิด-19 (COVID-19) ท่านก็จะให้พร ขอให้สงบสุขกันนะ บัดนี้ผู้คนต่างๆ ก็สำนึกผิดกันแล้วนะ
"ศักดิ์สิทธิ์" แปลว่า ทำเหตุให้พร้อมถึงวาระแห่งสัปปายะธรรมนั้นๆ, ทำเหตุให้ถึงพร้อมสัปปายะแห่งวาระธรรมนั้นๆ
"ผู้ศักดิ์สิทธิ์" และ "สิ่งศักดิ์สิทธิ์" แปลว่า ผู้มีปัญญาที่รู้ถึงเหตุแห่งพร้อมสัปปายะของภาวะธรรมนั้นๆ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หมายความว่า สิ่งที่เป็นพลังงานอยู่ในธรรมชาติ ซึ่งเป็นพลังที่ดำรงให้ธรรมชาติดำรงรักษาอยู่ได้ อยู่รอดและอยู่ดี เราไปขอพึ่งพลังตรงนี้ เหมือนกับไฟเราไม่เพียงพอ เราก็ไปเสียบหม้อแบตเตอรี่ใหญ่ ที่มีไฟพร้อม
กรรมโดนบันดาลภาวะอย่างนี้ จริงๆ แล้วโรคไวรัส โควิด-19 (COVID-19) อยู่บนพื้นโลกนี้ยาวนานกว่าเราอีก เพียงแต่โรคนี้ไม่สำแดงฤทธิ์เดชเท่านั้นเอง แต่เวลามวลมนุษย์ไปทำผิด กรรมไปเร้าไปให้เขาเกิดเป็นปัญหา วิธีแก้ก็คือ ให้สำนึกผิด ขอขมา และขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยไกล่เกลี่ย
สิ่งศักดิ์ิสิทธิ์ก็จะให้พร อ๋อ!!...บัดนี้มนุษย์สำนึกผิดแล้วเน๊าะ!!..เขาสำนึกผิดแล้ว อโหสิกันเน๊าะ
แล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ไหนที่จะมาไกล่เกลี่ย?
ถ้าเรานับถือศาสนา ก็ถือองค์สูงสุดของศาสนานั้น ขอบารมีท่านช่วยไกล่เกลี่ย
สมมติว่าถ้าเรานับถือศาสนาพุทธ ก็ขอบารมีพระพุทธเจ้าช่วยไกล่เกลี่ย
ถ้านับถือศาสนาฮินดู หรือพราหมณ์ ก็จะขอบารมีพระพรหมช่วยไกล่เกลี่ย
ถ้านับถือศาสนาศาสนาคริสต์ ก็จะขอบารมีพระเยซูคริสต์ช่วยไกล่เกลี่ย
ถ้านับถือศาสนาอิสลาม ก็จะขอบารมีพระอัลเลาะห์ช่วยไกล่เกลี่ย
"อโหสิ" ธรรมะข้อเดียว ช่วยโลกให้ปลอดภัย
อโหสิจะช่วยโลกนี้ให้ปลอดภัยได้อย่างไร?
สมมติว่า โรคไวรัส โควิด-19 (COVID-19) นี้เข้าไปสู่ร่างกายเรา แค่เข้าไปเยี่ยมแล้วก็ออกมา นี่แหละ อโหสิไหม? แล้วเวลานี้คนที่เป็นโรคไวรัส โควิด-19 เท่าไหร่
คนทั่วโลก ผู้ป่วยสะสม 803,650 ราย เสียชีวิต 39,033 ราย หายแล้ว 172,772 ราย ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 เวลา 22:39 น. เป็นหลายแสนคน แต่เสียชีวิตเกือบ ๔ หมื่นคน เพราะเขาไม่อโหสิ
นี่เป็นตัวอย่างว่า มวลมนุษยชาติรู้จักสำนึกหรือไม่ ถ้าหากว่า ไวรัสโควิดแค้น แสดงว่าตายหมด ก็ในเมื่อไวรัสโควิดเข้าไปสู่ร่างกายแล้ว แต่ทำไมบางคนไม่ตาย
สำนึกกรรม แล้วเรายอมรับผิด ขอขมากรรม แล้วอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน เราก็อยู่ร่วมกันได้
อโหสิกรรมแล้ว ก็จะเอื้อ-เกื้อ-กัน ก็จะไม่รุนแรง ทุกอย่างก็สันติ
เดี๋ยวนี้ในโซเชียลมีเดีย (Social Media) หรือเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network) บางเว็บมีแต่ไร้สาระ ซ้ำเติม มีแต่การเพิ่มความเคียดแค้นกัน ก็จะเป็นการเข้าข่ายสายมาร เพราะมารต้องการเป็นอย่างนี้ เพื่อเข้าสู่กลียุค ฉะนั้น กลุ่มพวกที่มีปัญญา ควรจะโพสต์อย่างนี้บ้าง ไม่ใช่โพสต์แต่ไปซ้ำเติมกัน เคียดแค้นกัน
ทุกศาสนาทำได้หมด
ถ้าเราสำนึกผิด เราควรขอขมาต่อธรรมชาติ หรือต่อเชื้อโรคโควิด?
เชื้อโรคโควิดใช่อยู่ในธรรมชาติไหม? หรือเขาเกิดมาเองได้ แล้วใครเป็นพ่อแม่ของโควิด? ก็คือ ธรรมชาตินั่นเอง แล้วถ้าเราไปขอขมาพ่อแม่ แล้วลูกจะยอมไหม? ลูกก็ต้องยอม
แต่ถ้าลูกดื้อไม่เชื่อฟังพ่อแม่ล่ะ?
แล้วธรรมชาติเขาเปลี่ยนแปลง แล้วลูกจะอยู่ได้ไหม? ก็ไม่ได้ แต่ถ้าอยู่ได้แสดงว่าเขาเป็นอมตะไม่มีอะไรที่จะทำเขาได้ โควิดมาเจอแอลกอฮอล์ (alcohol) ทีหนึ่งก็วิ่งหนี วิ่งแจ้นแล้ว เจอความร้อนทีหนึ่งก็ไม่อยากอยู่แล้ว ถ้าธรรมชาติเปลี่ยนมาเป็นร้อนจัดๆ ๕ วัน โรคก็ตายหมดแล้ว นี่แหละ จะเหนือธรรมได้ยังไง ไม่มีทางหรอก คุณเก่งแค่ไหน เหนือแค่ไหนก็ไม่มีทางเหนือธรรม ต้องจำคำนี้ ไม่ว่ามารหรือเทพ องค์ไหนก็เหนือธรรมไม่ได้
แล้วสวดมนต์ไล่โควิดล่ะ ถูกต้องไหม?
ต้องตั้งฐานจิตให้ถูกต้อง เราสวดมนต์เพื่อสำนึกผิด ไม่ใช่สวดมนต์เพื่อจะไปไล่เขา เราไปไล่เขา เขาก็ยิ่งต่อต้านแรง เหมือนกับเราเปิดศึก เอาทหารไปปราบเขา เขาก็ยิ่งต่อสู้ ใจก็ยิ่งโหดเหี้ยมขึ้น รุนแรงมากขึ้น
ถ้างั้นเราจะใช้คำว่า สวดมนต์เพื่อเมตตาต่อกันอย่างนี้จะได้ไหม?
ก็ไม่ได้ สวดมนต์เพื่อสำนึกผิดให้อภัยต่อกัน
ถ้าหากว่าเราจะสำนึกผิด ขอขมา ต่อธรรมชาติรวมทั้งหมด หรือธรรมชาติสายไหน?
คำว่า ธรรมชาตินี้รวมหมดทุกสาย ฉะนั้นเราจะทำสายไหนก็อยู่ในธรรมชาติ
นี่แหละ การแก้ไขอย่างถูกต้องในธรรม ตามหลักธรรม
ประเทศจีนบอกว่าตอนนี้เขาแก้ไขวิกฤติโรคโควิดสำเร็จแล้วใช่ไหม?
ใช่ อีกเดือนหนึ่งจะมีเชื้อโรคอีกตัวหนึ่งได้ไหม? ก็ได้ อาจจะไม่ชื่อโควิดก็ได้ ชื่ออื่นก็ได้ มันมาไม่มีจบหรอก ถ้าเราไม่มีการสำนึกต่อธรรมชาติ
เราสำนึกทำไม? เราสำนึกเพื่อ "แก้เหตุ" แล้วผลก็ต้องเปลี่ยน ถ้าเราไม่สำนึก ไม่แก้เหตุ เราก็จะต้องมีเชื้อโรค มีปัญหาอยู่เรื่อยๆ
ทำไมต้องทำอย่างนี้ ก็เพราะว่า เราแก้เหตุแห่งการเกิด พอเราแก้เหตุแห่งการเกิด ผลก็ต้องเปลี่ยน
แก้เหตุ เหตุตรงนั้นคือเหตุอะไร?
เหตุที่ทำให้มันเกิดเชื้อโรคโควิด เพราะเราไปทำลายธรรมชาติต่างๆ เช่น ยกตัวอย่าง
โลกร้อน เพราะว่าเราไปทำลายป่าไม้ ตัดต้นไม้เยอะ ทำลายผืนป่า ทำต้นไม้เสีย แล้วจะไม่ทำให้โลกร้อนได้ยังไง
เวลานี้มีควันเยอะแยะ เพราะเราจุดไฟเผาป่า เผาไร่ เผานา ถ้าเราหยุดเผาจะมีควันตรงไหน
สิ่งที่เราทำลายธรรมชาติที่ใหญ่ๆ ก็คือ เราทำลายตัวเอง ทำลายบุคคลด้วยกัน เพราะเราแก่งแย่งกัน เกิดความละโมบ จุดใหญ่ที่สุดเลยก็คือการทำลายตัวเองด้วยวิธีการละโมบ เอาจิตวิญญาณให้กับมาร ให้กับซาตาน ให้กับทางฝ่ายผิด ให้กับทางอธรรม ถ้าทุกคนสำนึกอยู่ในธรรมะ มันจะก่ออธรรมได้ยังไง ถ้าเราจะตัดต้นไม้ ถ้าเราสำนึกเราจะกล้าทำอย่างนั้นเหรอ มีแต่ความละโมบ ได้แต่เอาๆ
จุดที่สำคัญที่สุด ก็คือ เราไปเชื่อฟังและสังเวยจิตวิญญาณตัวเอง ด้วยความละโมบ
ละโมบ คือ ความโลภอย่างแรงกล้า จ้องจะเอา ไม่เลือกว่าควรไม่ควร ใช้เล่ห์เพทุบายทุกวิถีทางที่จะไปครอบครอง สนองตัณหา เป็นประตูนำไปสู่นรก ความ
เวลานี้ที่ทำลายโลกก็คือความละโมบ เวลานี้จะแก้ไขก็ต้องแก้ไขที่ความละโมบ ไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าเชื้อโรคไวรัสโควิดหายไปแล้ว เชื้อโรคใหม่จะมาอีกตัวก็ได้ และจะมาหนักขึ้นเรื่อยๆ
ต้นเหตุมาจากคนนี่เอง เพราะว่าเราไปหลงตัวละโมบ เอาจิตวิญญาณของเราไปสังเวยตัวละโมบ พอเรามีจิตละโมบ ทางฝ่ายที่ไม่ดีจะมาทุกตัวเลย
พวกที่เป็นนักการศาสนาทั้งหลาย ถูกความละโมบครอบงำทั้งนั้น เช่น สายกูต้องยิ่งใหญ่ สายกูต้องมีศาสนิกเยอะกว่า สายกูต้องแน่กว่า นี่ไม่ใช่ความละโมบเหรอ? ถึงขนาดนี้ยังไม่ยอมร่วมมือกัน เพราะความละโมบกีดขวางไว้
ถ้าเราไม่มีฐานจิตที่กล่าวมานี้ จะไปประกอบพิธี หรือสวดมนต์ ก็จะช่วยมารทั้งนั้น เพราะยุฝ่ายนั้นให้มีข้ออ้างต่อสู้แรงขึ้น แรงขึ้น ใช้ผลิตภัณฑ์ที่แรงขึ้น
เดี๋ยวถ้าอีก ๓ เดือน มีตัวใหม่มาแรงกว่าเดิม เราจะทำยังไง?
ในเมื่อเรามีระเบิดปรมาณู (atomic bomb) ทางโน้นก็มีระเบิดไฮโดรเจน (Hydrogen bomb) คุณมีระเบิดไฮโดรเจนฉันมีเหนือกว่า แล้วโลกเราจะไปเหลือเหรอ?
เราทำโลกให้เป็นสนามรบ แล้วโลกเราจะเหลือเหรอ
เวลานี้คุณจะทำโลกนี้ให้เป็นสนามรบ เราจะไปเหลืออะไร เราจะต้องยุติการรบกัน อย่างน้อยก็ยังมีสถานที่ที่จะมาสืบพันธุ์กันต่อไป ไม่เช่นนั้นโลกจะพังกันทั้งโลก ใครทำลายโลก ก็คือตัวพวกเราเอง
ถ้าเวลานี้มวลมนุษยชาติเอาแต่เป็นศัตรู จะมาอีกตัวหนึ่งแรงกว่านี้อีก ที่เขาพูดไม่ใช่ว่าไม่จริง แต่เป็นตัวที่อันตรายอีก ๓ ตัว ที่กำลังรออยู่ ปีนี้ไม่ใช่เล่นเบาๆ นี่เป็นตัวอย่างเท่านั้นเอง
ระวังตัวหนึ่ง ตัวนี้อันตรายมากถ้ามาถึงจุดนั้นได้ จะมีของมาชนโลก เช่น อุกกาบาต (Meteorite) มาชนโลกจะถึงกับครึ่งโลกเลย มืดครึ่งโลก
ไขความ
อโหสิกรรม คือ เคลียร์เหตุแล้ว แล้วเขาไม่เอาเรื่อง และคนทั่วไปคิดว่า ยุติธรรมจะต้องเอาคืน จะต้องทำให้เขาเสียหาย อย่างนี้ไม่ยุติธรรม
แก้แค้น เพื่อมาเรียกร้องความยุติธรรม อย่างนี้ถูกไหม?
อย่างนี้เป็น "อยุติธรรม" เป็นการเอายุติธรรมมาหลอก คือ เราจะไปแก้แค้น ไม่ใช่ว่าไปทำร้ายเขาก่อนนี่ เพียงแต่เอาคืน เราไม่ได้ไปแก้แค้นนี่ แต่เราต้องการยุติธรรม อย่างนี้เป็นการถูกหลอกไหมล่ะ? ก็ต้องถูกหลอกไปอีก เพราะว่าไปแปลคำว่า "ยุติธรรม" ผิดเพี้ยนไปนั่นเอง
ยุติธรรม ก็คือ ไม่ไปทำต่อ ก็ในเมื่อไม่ดีแล้วเราจะไปทำต่อทำไม ถ้าทำต่อก็ไม่มีทางยุติก็ต้องจองเวรไปเรื่อยๆ มันยุติตรงไหน? คำว่า "ยุติ" ก็คือ "อโหสิ"
ยุติธรรม คือ ธรรมที่ให้เกิดยุติ คือ อโหสิ ก็จะไม่จองเวรกันต่อ
พอเรายุติ เราก็จะมีศีลแล้ว ศีลก็คือปกติในภาวะธรรมนั้น เราทำดีในภาวะธรรมนี้ก็ต้องได้ผลดี นี่แหละยุติธรรมไหม?
พอเรายุติ ธรรมก็จะให้สิ่งดีๆ แก่เรา
ถ้าเราไม่อโหสิ ก็จะเป็นการจองเวรไปเรื่อยๆ แล้วจะไปยุติธรรมตรงไหน เราจองเวร เราก็ต้องผิดศีลนี่ ในธรรมเราผิดศีล เราก็โดนไปเรื่อยๆ โดนไปโดนมา อย่างนี้แหละไม่ปกติในศีล