สวัสดีครับ เพื่อนๆ และสาวๆ ใน Pantip ทุกๆท่าน บทความที่ผมจะมาเขียนวันนี้จะเป็นประสบการณ์เส้นทางการจีบสาวของผมครับ สาวๆหลายคนอาจจะมองผมว่าเป็นไอ้โรคจิต หรืออะไรก็แล้วแต่ เพราะผมเป็นคนที่ชอบทำความรู้จักคนแปลกหน้า หรือ Cold Approaching นั้นเองครับ หรือภาษาบ้านๆแบบไทยเรานั่นก็คือ การขอเบอร์สาว นั่นเองครับ ย้ำนะครับว่าผมขอเบอร์ ไม่ได้ขอแค่ไลน์แค่เฟสอย่างที่คนอื่นเขาทำกัน
.....ก่อนอื่นผมขอออกตัวว่าผมไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลยนะครับไม่เคยได้คบกับใครซักที เพราะสมัยนั้นผมเป็นคนที่ค่อนข้างขี้อายมากๆ และถูกผู้หญิงหรือใครก็แล้วแต่ปลูกฝังมาในหัวว่าห้ามคุยกับคนแปลกหน้า ประโยคสุดฮิตที่ผู้หญิงทั้งหลายว่าเจอผู้ชายแปลกหน้ามาขอเบอร์ หรือมาชวนคุยเขาจะไม่คุยด้วย เขาจะปฏิเสธ ด่าว่าไอ้โรคจิต อะไรต่างๆนาๆ จนทำให้ผมเวลาเจอผู้หญิงสวยๆ ผู้หญิงแปลกหน้า ผมเลยไม่กล้าเข้าหาและเป็นอย่างนี้เรื่อยๆ จนอายุ 19 ปีครับ มีความรู้สึกว่าเข้าไปต้องโดนปฏิเสธแน่ๆ เพราะถูกปลูกฝังมาอย่างนี้ สุดท้ายก็คือเวลาเจอคนแปลกหน้าเราไม่ได้คุยอะไรเลย เลยไม่ได้มีโอกาสได้เข้าสังคมใหม่ๆ ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ
....มีเหตุการณ์ๆหนึ่งจะเล่าให้ฟัง ตอนนั้นผมไปทำฟันที่โรงพยาบาล แล้วเจอผู้หญิงคนหนึ่งคือสวยมาก และเธอก็ยิ้มหวานด้วย ดูเฟรนลี่น่าเข้าหามากๆ แต่ด้วยความคิดที่ผิดในสมัยนั้น ทำให้ผมได้แค่นั่งมองจนกระทั่งเธอเดินจากไป เพราะผมคิดว่าเรามันแค่คนแปลกหน้าคุยไปมันไม่เหมาะสม เพราะมันผิดผี ผิดธรรมเนียมอันดีงาม เลยทำให้ผมพลาดโอกาสทำความรู้จักไปอย่างน่าเสียดาย ถ้าผมทำความรู้จักเธอตอนนั้นรับรองผมได้เบอร์เธอได้มาอย่างสบายๆ
จนกระทั่งผมได้เริ่มปฏิวัติตัวเองเมื่อ พ.ศ. 2561 อายุ 20 ปีครับ ตอนนั้นผมดูคลิปในยูทูปไปเรื่อยเปื่อย แล้วไปเจอคลิปที่คนกำลังทำความรู้จักผู้หญิงแปลกหน้า เลยแบบเห้ยย มันทำแบบนี้ได้ด้วยหรอเนี่ย แล้วสิ่งที่ผู้ใหญ่สอนมาล่ะ คืออะไร ตั้งแต่นั้นมาผมก็เลยอ่านหนังสือจิตวิทยา หลักการต่างๆ
แต่ตอนนั้นด้วยความที่เป็นเด็กอ่อนวิชาเลยคุยแต่ตามเทคนิคครับ บอกเลยแป๊กไม่เป็นท่ามาผิดทางสุดๆครับเพราะไปโฟกัสที่เทคนิค มันเลยดูไม่เป็นธรรมชาติ ก็ได้บ้างไม่ได้บ้างแหละครับ และตอนนั้นก็ดันไปขอแต่เฟสบุ๊คอย่างเดียว เลยรับแอดบ้างไม่ตอบแชทบ้าง อะไรบ้างครับ และอีกอย่างหนึ่งคือผม "กลัวการโดนปฏิเสธ" ด้วยครับ ตอนนั้นผมหาขออ้างต่างๆนามาเพื่อทำให้ผมไม่เข้าไปคุยกับผู้หญิงที่อยากทำความรู้จัก หาคำพูดบ้างแหละ ประดิษฐ์ประดอยคำพูดบ้างแหละ ดูสถานการณ์ไม่เหมาะบ้างแหละ แต่โดยรวมนั้นก็คือ "ผมกลัวการโดนสาวๆปฏิเสธ" ล้วนๆครับ เพียงแค่หาขออ้างมาเพื่อให้มันสวยหรูเท่านั้น
......แล้วก็มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นครับ คือผมได้ย้ายไปทำงานที่ กทม. ตอนปีที่แล้วนี่เอง และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ครับ พอผมมาที่ กทม. ทำให้ผมได้เจอสาวๆ คนมากหน้าหลายตามากๆ และผมก็ยังเชื่อว่าสาว กทม. ขี้หยิ่ง ไม่คุยกับคนแปลกหน้า เพราะสังคมมันต่างคนต่างอยู่ไม่ไว้ใจกัน ผมเลยไม่กล้าคุยกับสาวอีกแล้วครับ พออยู่มาวันหนึ่ง ผมเลยคิดว่าดูซิมันจะหยิ่งกันแค่ไหนเชียวว๊า ผู้หญิงกรุงเทพเนี่ย เลยเดินไปคุยเลยครับ คนแรกเดินไปคุยเลยครับปรากฏว่าเขาคุยดีมากๆ แต่ตอนนั้นบอกเลยขาสั่นสุดๆเลยครับ ตื่นเต้นมากๆ ทั้งลนทั้งรวน โดนสาวปฏิเสธมาก็เยอะครับ และยังมีความคิดตอนปี 2561 คือหาสถานการณ์ คำพูดที่มันเพอร์เฟค ในการเข้าไปคุยกับสาวๆ จนลืมความเป็นตัวเองความเป็นธรรมชาติ บอกเลยว่าตอนนั้นโดนปฏิเสธมาเยอะมากครับทั้งลนทั้งกลัว
......จนกระทั่งผมไปเจอท่านศาสดา SC ที่ได้กล่าวให้ฟังในวีดีโอว่า "ไม่ว่าสถานการณ์ไหนๆ ผู้หญิงมากับใคร โอกาสได้เบอร์เท่ากันทั้งนั้นครับ การคุยมันไม่มีเทคนิคใดๆทั้งนั้น เราใช้ความจริงใจในการคุย เรื่องจะปฏิเสธหรือป่าว มันเป็นเรื่องของเธอป่ะครับ หน้าที่ของเราคือเข้าไปคุยก็เท่านั้น " จบคำพูดนี้ผมมีพลังขึ้นมาทันที ผมเดินออกไปคุยกับสาวๆโดยไม่ได้คิดอะไร ไม่กลัวโดนปฏิเสธ (ถึงจะแอบกลัวอยู่ลึกๆก็เถอะ) ผมเลยเดินเข้าไปคุยเลยครับเจอใครก็เข้าไปคุยเลย ผลปรากฏว่า ความคิดที่ว่าผู้หญิงเขาหยิ่งอะไรพวกนี้ บอกเลยส่วนน้อยครับ ผมเลยรู้ว่าถึงสังคมเมืองกรุงจะต่างคนต่างอยู่ แต่เขาก็มีความเฟรนลี่มากๆ เมื่อมีใครมาสนทนาด้วย
หลังจากนั้น หลังจากที่ผมไม่ได้คิดอะไร ไม่กลัวการโดนปฏิเสธ การพัฒนาการคุยก็พัฒนาไปแบบก้าวกระโดดมากๆ จากแต่ก่อน 3 เดือนขอเฟสไลน์ได้ 2 3 คน ตอนนี้ขยับมาเป็นอาทิตย์ละ 4 5 คนได้เพื่อนใหม่ๆเยอะเลยครับ ขอบอกนะเพื่อนๆใน กทม. ผมได้มาจากการทำความรู้จักกับคนแปลกหน้าแทบทั้งนั้น จากแรกๆ ผมขอแต่เฟส เริ่มเปลี่ยนมาเป็นขอไลน์ จากขอไลน์ เริ่มเปลี่ยนมาเป็นขอเบอร์โทรศัพท์ (เดี๋ยวมีต่อนะครับว่าเหตุผลที่ผมต้องขอเบอร์โทรศัพท์)
...ส่วนการขอเบอร์ในแบบผมไม่ได้หมายถึงไปขอทื่อๆนะครับ คือการเข้าไปชวนคุยอะไรบางอย่างก่อนแล้วค่อยขอเบอร์โทรนะครับ อย่าเข้าใจผิดว่าเดินเข้าไปแล้วพูด "น่ารักครับ ขอเบอร์หน่อยครับ" อันนี้ยังไงก็ไม่ได้หรอกครับ ยังไงก็ควรชวนคุยก่อน
จากวันนั้นถึงวันนี้ถึงแม้ผมยังไม่มีแฟน แต่ผมก็สามารถเอาชนะความกลัวตัวเองได้แล้วครับ และเปิดโอกาสตัวเองให้ผมรู้จักคนใหม่ๆได้มากขึ้นครับ จากความเชื่อที่ฝังหัวว่ามันเป็นไปไม่ได้ จนเริ่มได้ลงมือทำ
จากความเชื่อทีว่าผู้หญิงเขาจะไม่คุยกับคนแปลกหน้า ผมก็ได้พิสูจน์ผ่านความล้มเหลว จนทำให้เธอมาคุยกับผมได้
จากความเชื่อที่เชื่อว่า สมัยนี้ต้องขอเฟสผู้หญิงเท่านั้น ขอไลน์ เบอร์มันเป็นส่วนตัวเขาปฏิเสธแน่นอน ผมก็สามารถเอาชนะความกลัวขอไลน์ไปได้
จากความเชื่อที่เชื่อว่า สมัยนี้ผู้หญิงเขาไม่ให้เบอร์ใครง่ายๆหรอก เพราะว่ามันส่วนตัวเกินไป ผมก็ได้ลองทำจนทำให้ผมรู้ว่าผู้หญิงก็ให้เบอร์ได้
แต่การที่กว่าที่เราจะออกนอกกรอบได้ มันจะต้องฝืนตัวเองและกลัวทั้งนั้นแหละครับ จนกว่าจะได้ลองลงมือทำคุณจะรู้มันไม่ยากอย่างที่คิด
จริงอยู่ที่สาวๆ pantip ทั้งหลายชอบบอกว่ายังไงก็ไม่ให้ช่องทางการติดต่ออย่างนั้นอย่างนี้ สาวๆไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า แต่เราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าเขาจะไม่คุยกับเรา เราจะรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นคนแบบไหน ในเมื่อเรายังไม่ได้ทำความรู้จักเขาเลย เราก็ต้องเข้าไปลองคุยกับเขาก่อนใช่ไหมล่ะครับ มันถึงจะรู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหน ผมเชื่อว่าสาวๆกว่า 90% ไม่เข้าหาผู้ชายก่อนแน่นอนครับ จนกว่าผู้ชายจะเริ่มเขามามีบทสนทนาด้วย
โอกาสที่เราจะเจอคนแปลกหน้ามีกี่ครั้งครับ มันก็แค่ครั้งเดียวใช่ไหมครับ แค่โดนคนที่เจอกันครั้งเดียวปฏิเสธมันคงไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อชีวิตหรอกจริงไหมล่ะครับ ถ้าโดนสาวๆด่า แล้วถามจริงๆเถอะคนที่ด่าน่ะเราจะเจอกับเขาอีกไหม ฝากไว้ให้คิดนะครับ แต่ถ้าอยากจะอยู่ใน comfort zone ก็ตามใจ
ทั้งหมดนี้ ล้วนมาจากคำๆเดียวที่เชื่อว่า "อย่ากลัวการโดนปฏิเสธ อย่าปฏิเสธตัวเอง จนกว่าเขาคนนั้นจะปฏิเสธคุณ" ยังไงก็ขอบคุณนะครับที่อ่านให้จนจบ หวังว่าเรื่องประสบการณ์ของผมจะเป็นแรงบันดาลใจให้ ผู้ชายหลายคนกล้าที่จะเข้าไปทำความรู้จักสาวๆที่หมายปองนะครับ
จากผู้ชายที่กลัวผู้หญิง จนตอนนี้ผมกล้าที่จะไปขอเบอร์สาวๆแล้วครับ
.....ก่อนอื่นผมขอออกตัวว่าผมไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลยนะครับไม่เคยได้คบกับใครซักที เพราะสมัยนั้นผมเป็นคนที่ค่อนข้างขี้อายมากๆ และถูกผู้หญิงหรือใครก็แล้วแต่ปลูกฝังมาในหัวว่าห้ามคุยกับคนแปลกหน้า ประโยคสุดฮิตที่ผู้หญิงทั้งหลายว่าเจอผู้ชายแปลกหน้ามาขอเบอร์ หรือมาชวนคุยเขาจะไม่คุยด้วย เขาจะปฏิเสธ ด่าว่าไอ้โรคจิต อะไรต่างๆนาๆ จนทำให้ผมเวลาเจอผู้หญิงสวยๆ ผู้หญิงแปลกหน้า ผมเลยไม่กล้าเข้าหาและเป็นอย่างนี้เรื่อยๆ จนอายุ 19 ปีครับ มีความรู้สึกว่าเข้าไปต้องโดนปฏิเสธแน่ๆ เพราะถูกปลูกฝังมาอย่างนี้ สุดท้ายก็คือเวลาเจอคนแปลกหน้าเราไม่ได้คุยอะไรเลย เลยไม่ได้มีโอกาสได้เข้าสังคมใหม่ๆ ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ
....มีเหตุการณ์ๆหนึ่งจะเล่าให้ฟัง ตอนนั้นผมไปทำฟันที่โรงพยาบาล แล้วเจอผู้หญิงคนหนึ่งคือสวยมาก และเธอก็ยิ้มหวานด้วย ดูเฟรนลี่น่าเข้าหามากๆ แต่ด้วยความคิดที่ผิดในสมัยนั้น ทำให้ผมได้แค่นั่งมองจนกระทั่งเธอเดินจากไป เพราะผมคิดว่าเรามันแค่คนแปลกหน้าคุยไปมันไม่เหมาะสม เพราะมันผิดผี ผิดธรรมเนียมอันดีงาม เลยทำให้ผมพลาดโอกาสทำความรู้จักไปอย่างน่าเสียดาย ถ้าผมทำความรู้จักเธอตอนนั้นรับรองผมได้เบอร์เธอได้มาอย่างสบายๆ
จนกระทั่งผมได้เริ่มปฏิวัติตัวเองเมื่อ พ.ศ. 2561 อายุ 20 ปีครับ ตอนนั้นผมดูคลิปในยูทูปไปเรื่อยเปื่อย แล้วไปเจอคลิปที่คนกำลังทำความรู้จักผู้หญิงแปลกหน้า เลยแบบเห้ยย มันทำแบบนี้ได้ด้วยหรอเนี่ย แล้วสิ่งที่ผู้ใหญ่สอนมาล่ะ คืออะไร ตั้งแต่นั้นมาผมก็เลยอ่านหนังสือจิตวิทยา หลักการต่างๆ
แต่ตอนนั้นด้วยความที่เป็นเด็กอ่อนวิชาเลยคุยแต่ตามเทคนิคครับ บอกเลยแป๊กไม่เป็นท่ามาผิดทางสุดๆครับเพราะไปโฟกัสที่เทคนิค มันเลยดูไม่เป็นธรรมชาติ ก็ได้บ้างไม่ได้บ้างแหละครับ และตอนนั้นก็ดันไปขอแต่เฟสบุ๊คอย่างเดียว เลยรับแอดบ้างไม่ตอบแชทบ้าง อะไรบ้างครับ และอีกอย่างหนึ่งคือผม "กลัวการโดนปฏิเสธ" ด้วยครับ ตอนนั้นผมหาขออ้างต่างๆนามาเพื่อทำให้ผมไม่เข้าไปคุยกับผู้หญิงที่อยากทำความรู้จัก หาคำพูดบ้างแหละ ประดิษฐ์ประดอยคำพูดบ้างแหละ ดูสถานการณ์ไม่เหมาะบ้างแหละ แต่โดยรวมนั้นก็คือ "ผมกลัวการโดนสาวๆปฏิเสธ" ล้วนๆครับ เพียงแค่หาขออ้างมาเพื่อให้มันสวยหรูเท่านั้น
......แล้วก็มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นครับ คือผมได้ย้ายไปทำงานที่ กทม. ตอนปีที่แล้วนี่เอง และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ครับ พอผมมาที่ กทม. ทำให้ผมได้เจอสาวๆ คนมากหน้าหลายตามากๆ และผมก็ยังเชื่อว่าสาว กทม. ขี้หยิ่ง ไม่คุยกับคนแปลกหน้า เพราะสังคมมันต่างคนต่างอยู่ไม่ไว้ใจกัน ผมเลยไม่กล้าคุยกับสาวอีกแล้วครับ พออยู่มาวันหนึ่ง ผมเลยคิดว่าดูซิมันจะหยิ่งกันแค่ไหนเชียวว๊า ผู้หญิงกรุงเทพเนี่ย เลยเดินไปคุยเลยครับ คนแรกเดินไปคุยเลยครับปรากฏว่าเขาคุยดีมากๆ แต่ตอนนั้นบอกเลยขาสั่นสุดๆเลยครับ ตื่นเต้นมากๆ ทั้งลนทั้งรวน โดนสาวปฏิเสธมาก็เยอะครับ และยังมีความคิดตอนปี 2561 คือหาสถานการณ์ คำพูดที่มันเพอร์เฟค ในการเข้าไปคุยกับสาวๆ จนลืมความเป็นตัวเองความเป็นธรรมชาติ บอกเลยว่าตอนนั้นโดนปฏิเสธมาเยอะมากครับทั้งลนทั้งกลัว
......จนกระทั่งผมไปเจอท่านศาสดา SC ที่ได้กล่าวให้ฟังในวีดีโอว่า "ไม่ว่าสถานการณ์ไหนๆ ผู้หญิงมากับใคร โอกาสได้เบอร์เท่ากันทั้งนั้นครับ การคุยมันไม่มีเทคนิคใดๆทั้งนั้น เราใช้ความจริงใจในการคุย เรื่องจะปฏิเสธหรือป่าว มันเป็นเรื่องของเธอป่ะครับ หน้าที่ของเราคือเข้าไปคุยก็เท่านั้น " จบคำพูดนี้ผมมีพลังขึ้นมาทันที ผมเดินออกไปคุยกับสาวๆโดยไม่ได้คิดอะไร ไม่กลัวโดนปฏิเสธ (ถึงจะแอบกลัวอยู่ลึกๆก็เถอะ) ผมเลยเดินเข้าไปคุยเลยครับเจอใครก็เข้าไปคุยเลย ผลปรากฏว่า ความคิดที่ว่าผู้หญิงเขาหยิ่งอะไรพวกนี้ บอกเลยส่วนน้อยครับ ผมเลยรู้ว่าถึงสังคมเมืองกรุงจะต่างคนต่างอยู่ แต่เขาก็มีความเฟรนลี่มากๆ เมื่อมีใครมาสนทนาด้วย
หลังจากนั้น หลังจากที่ผมไม่ได้คิดอะไร ไม่กลัวการโดนปฏิเสธ การพัฒนาการคุยก็พัฒนาไปแบบก้าวกระโดดมากๆ จากแต่ก่อน 3 เดือนขอเฟสไลน์ได้ 2 3 คน ตอนนี้ขยับมาเป็นอาทิตย์ละ 4 5 คนได้เพื่อนใหม่ๆเยอะเลยครับ ขอบอกนะเพื่อนๆใน กทม. ผมได้มาจากการทำความรู้จักกับคนแปลกหน้าแทบทั้งนั้น จากแรกๆ ผมขอแต่เฟส เริ่มเปลี่ยนมาเป็นขอไลน์ จากขอไลน์ เริ่มเปลี่ยนมาเป็นขอเบอร์โทรศัพท์ (เดี๋ยวมีต่อนะครับว่าเหตุผลที่ผมต้องขอเบอร์โทรศัพท์)
...ส่วนการขอเบอร์ในแบบผมไม่ได้หมายถึงไปขอทื่อๆนะครับ คือการเข้าไปชวนคุยอะไรบางอย่างก่อนแล้วค่อยขอเบอร์โทรนะครับ อย่าเข้าใจผิดว่าเดินเข้าไปแล้วพูด "น่ารักครับ ขอเบอร์หน่อยครับ" อันนี้ยังไงก็ไม่ได้หรอกครับ ยังไงก็ควรชวนคุยก่อน
จากวันนั้นถึงวันนี้ถึงแม้ผมยังไม่มีแฟน แต่ผมก็สามารถเอาชนะความกลัวตัวเองได้แล้วครับ และเปิดโอกาสตัวเองให้ผมรู้จักคนใหม่ๆได้มากขึ้นครับ จากความเชื่อที่ฝังหัวว่ามันเป็นไปไม่ได้ จนเริ่มได้ลงมือทำ
จากความเชื่อทีว่าผู้หญิงเขาจะไม่คุยกับคนแปลกหน้า ผมก็ได้พิสูจน์ผ่านความล้มเหลว จนทำให้เธอมาคุยกับผมได้
จากความเชื่อที่เชื่อว่า สมัยนี้ต้องขอเฟสผู้หญิงเท่านั้น ขอไลน์ เบอร์มันเป็นส่วนตัวเขาปฏิเสธแน่นอน ผมก็สามารถเอาชนะความกลัวขอไลน์ไปได้
จากความเชื่อที่เชื่อว่า สมัยนี้ผู้หญิงเขาไม่ให้เบอร์ใครง่ายๆหรอก เพราะว่ามันส่วนตัวเกินไป ผมก็ได้ลองทำจนทำให้ผมรู้ว่าผู้หญิงก็ให้เบอร์ได้
แต่การที่กว่าที่เราจะออกนอกกรอบได้ มันจะต้องฝืนตัวเองและกลัวทั้งนั้นแหละครับ จนกว่าจะได้ลองลงมือทำคุณจะรู้มันไม่ยากอย่างที่คิด
จริงอยู่ที่สาวๆ pantip ทั้งหลายชอบบอกว่ายังไงก็ไม่ให้ช่องทางการติดต่ออย่างนั้นอย่างนี้ สาวๆไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า แต่เราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าเขาจะไม่คุยกับเรา เราจะรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นคนแบบไหน ในเมื่อเรายังไม่ได้ทำความรู้จักเขาเลย เราก็ต้องเข้าไปลองคุยกับเขาก่อนใช่ไหมล่ะครับ มันถึงจะรู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหน ผมเชื่อว่าสาวๆกว่า 90% ไม่เข้าหาผู้ชายก่อนแน่นอนครับ จนกว่าผู้ชายจะเริ่มเขามามีบทสนทนาด้วย
โอกาสที่เราจะเจอคนแปลกหน้ามีกี่ครั้งครับ มันก็แค่ครั้งเดียวใช่ไหมครับ แค่โดนคนที่เจอกันครั้งเดียวปฏิเสธมันคงไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อชีวิตหรอกจริงไหมล่ะครับ ถ้าโดนสาวๆด่า แล้วถามจริงๆเถอะคนที่ด่าน่ะเราจะเจอกับเขาอีกไหม ฝากไว้ให้คิดนะครับ แต่ถ้าอยากจะอยู่ใน comfort zone ก็ตามใจ
ทั้งหมดนี้ ล้วนมาจากคำๆเดียวที่เชื่อว่า "อย่ากลัวการโดนปฏิเสธ อย่าปฏิเสธตัวเอง จนกว่าเขาคนนั้นจะปฏิเสธคุณ" ยังไงก็ขอบคุณนะครับที่อ่านให้จนจบ หวังว่าเรื่องประสบการณ์ของผมจะเป็นแรงบันดาลใจให้ ผู้ชายหลายคนกล้าที่จะเข้าไปทำความรู้จักสาวๆที่หมายปองนะครับ