ส.อ.ท.ชี้ดีมานด์เหล็กโลกฟื้น ดันราคาพุ่ง 2 เท่า ทำนิวไฮ 1,400 เหรียญสหรัฐ/ตัน “จีน-ญี่ปุ่น” ดูดซื้อวัตถุดิบเหล็กต้นน้ำกระทบการผลิตเหล็กเกรดพิเศษของไทย ด้านโรงเหล็กแผ่นในประเทศปรับขึ้นราคาตาม กระทบรับเหมาก่อสร้างโอดต้นทุนพุ่ง 37.5% แต่อุตสาหกรรมรถยนต์ยังพอไหวปริมาณผลิตเหล็กตึงตัวไม่ถึงกับขาดเหล็กเกรดพิเศษ
นายนาวา จันทนสุรคน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)กล่าวถึงราคาสินค้าเหล็กของโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยประเทศจีนราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนเมื่อกลางปี 2563 ต่ำสุดตันละ 420 เหรียญสหรัฐ แต่ขณะนี้ราคาเสนอขายสูงขึ้นถึง 2.2 เท่า หรือตั้งแต่ตันละ 910-925 เหรียญ ส่วนสหรัฐนั้นราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนขึ้นสูงสุดในโลกถึงตันละกว่า 1,400 เหรียญแล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ความต้องการเหล็กของภูมิภาคต่าง ๆ ปรับตัวดีขึ้นเกือบทั่วโลก ในขณะที่การผลิตเหล็กโลกเพิ่มตามไม่ทัน โดยเฉพาะปีนี้เศรษฐกิจจีนยังขยายตัวมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการเข้ามาแย่งซื้อเหล็ก ทำให้ราคาเหล็กสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล็กแผ่นรีดร้อน เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นเคลือบ ที่จีนนำเข้ามากที่สุด
ในส่วนของประเทศไทย ภาพรวมปีนี้ความต้องการใช้เหล็กของไทยน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 6% หรือคิดเป็น 17.5 ล้านตัน ดังนั้นจะมีสินค้าเหล็กบางตัวอาจขาดแคลนในระยะสั้น แต่หากผู้ใช้เหล็กมีการวางแผนการใช้เหล็กและประสานกับโรงงานผู้ผลิตเหล็กในประเทศให้มี lead-time การสั่งซื้อวัตถุดิบและการผลิตทันเวลาก็น่าจะคลี่คลายปัญหาได้
“ราคาจำหน่ายเหล็กในประเทศคงต้องปรับขึ้นตามราคาวัตถุดิบในตลาดโลกที่ขยับขึ้น ไม่เช่นนั้นเราคงไม่สามารถซื้อวัตถุดิบได้แน่ แต่ราคาเหล็กที่ขึ้นไปจะเป็นไปตามราคาวัตถุดิบ อย่างของจีสตีล ทำเหล็กเส้นที่ใช้เศษเหล็ก ราคาเศษเหล็กในตลาดโลกตอนนี้ขยับขึ้นไปเยอะเลย ส่วนเหล็กเกรดพิเศษที่ใช้ผลิตรถยนต์ ปรากฏอุตสาหกรรมรถยนต์ในญี่ปุ่นฟื้นตัวดีมาก โรงงานเหล็กในญี่ปุ่นเลยเน้นผลิตป้อนอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศเป็นหลัก และส่งออกน้อยลงทำให้ราคาสูงขึ้น
ปกติเหล็กเกรดนี้ เหล็กนำเข้าจากญี่ปุ่นจะครองตลาดในไทยเป็นหลัก ผู้ผลิตในไทยมีส่วนแบ่งตลาดต่ำมาก พอญี่ปุ่นส่งออกน้อยลง สินค้าก็เลยขาด และที่สำคัญ ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้-ไต้หวัน ถ้ามีเหล็กแผ่นพอส่งออกก็จะส่งออกไปจีนเป็นลำดับแรก เพราะจีนให้ราคาสูงมาก ซึ่งปีที่แล้วจีนนำเข้าสินค้าเหล็กเพิ่มขึ้นเป็น 6 เท่า จนการนำเข้าเหล็กของจีนเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เหล็กขาดแคลนและราคาสูง” นายนาวากล่าว
โรงเหล็กปรับขึ้นราคา
รายงานจากสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทยเข้ามาว่า ราคาเหล็กทรงแบนของจีนปรับตัวขึ้นทุกผลิตภัณฑ์ โดยเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน (HRC) เหล็กแผ่นรีดเย็น (CRC) และเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี (HDG) ในช่วงปลายเดือนมีนาคมปรับตัวขึ้น 8.6% 3.3% และ 5.5% หรือ 789 เหรียญ 869 เหรียญ และ 913 เหรียญ/ตัน ตามลำดับ ขณะที่ผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาวก็ปรับขึ้นทุกผลิตภัณฑ์ ทั้งเหล็กเส้น billet และ wire rod ปรับขึ้นอีก 5% 12.2% และ 4% หรือ 726 เหรียญ 731 เหรียญ และ 731 เหรียญ/ตัน ตามลำดับ
แหล่งข่าวจากวงการค้าเหล็กกล่าวว่า ราคาเหล็กแผ่นในประเทศจากผู้ผลิตทั้ง 2 ราย ได้ปรับขึ้นราคาไปอีก กก.ละ 3.50 บาท หรือจากเดิม กก.ละ 24.70 บาท ปรับขึ้นเป็น 28 บาทกว่า/กก. นอกจากนี้ เหล็ก H beam-I beam ก็ปรับราคาขึ้นไปอีก กก.ละ 50 สตางค์ ขณะที่เหล็กเส้นราคายังคงอยู่ที่ กก.ละ 22-23 บาท/กก. เนื่องจากในประเทศมีโรงงานเหล็กเส้นล้นเกิน ทำให้ผู้ผลิตต้องแข่งขันทางด้านราคามากกว่าเหล็กแผ่นหรือเหล็กม้วน
ราคาเหล็กโลกทะยาน 2 เท่า รับเหมาอ่วมต้นทุนเพิ่ม
นายนาวา จันทนสุรคน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)กล่าวถึงราคาสินค้าเหล็กของโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยประเทศจีนราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนเมื่อกลางปี 2563 ต่ำสุดตันละ 420 เหรียญสหรัฐ แต่ขณะนี้ราคาเสนอขายสูงขึ้นถึง 2.2 เท่า หรือตั้งแต่ตันละ 910-925 เหรียญ ส่วนสหรัฐนั้นราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนขึ้นสูงสุดในโลกถึงตันละกว่า 1,400 เหรียญแล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ความต้องการเหล็กของภูมิภาคต่าง ๆ ปรับตัวดีขึ้นเกือบทั่วโลก ในขณะที่การผลิตเหล็กโลกเพิ่มตามไม่ทัน โดยเฉพาะปีนี้เศรษฐกิจจีนยังขยายตัวมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการเข้ามาแย่งซื้อเหล็ก ทำให้ราคาเหล็กสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล็กแผ่นรีดร้อน เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นเคลือบ ที่จีนนำเข้ามากที่สุด
ในส่วนของประเทศไทย ภาพรวมปีนี้ความต้องการใช้เหล็กของไทยน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 6% หรือคิดเป็น 17.5 ล้านตัน ดังนั้นจะมีสินค้าเหล็กบางตัวอาจขาดแคลนในระยะสั้น แต่หากผู้ใช้เหล็กมีการวางแผนการใช้เหล็กและประสานกับโรงงานผู้ผลิตเหล็กในประเทศให้มี lead-time การสั่งซื้อวัตถุดิบและการผลิตทันเวลาก็น่าจะคลี่คลายปัญหาได้
“ราคาจำหน่ายเหล็กในประเทศคงต้องปรับขึ้นตามราคาวัตถุดิบในตลาดโลกที่ขยับขึ้น ไม่เช่นนั้นเราคงไม่สามารถซื้อวัตถุดิบได้แน่ แต่ราคาเหล็กที่ขึ้นไปจะเป็นไปตามราคาวัตถุดิบ อย่างของจีสตีล ทำเหล็กเส้นที่ใช้เศษเหล็ก ราคาเศษเหล็กในตลาดโลกตอนนี้ขยับขึ้นไปเยอะเลย ส่วนเหล็กเกรดพิเศษที่ใช้ผลิตรถยนต์ ปรากฏอุตสาหกรรมรถยนต์ในญี่ปุ่นฟื้นตัวดีมาก โรงงานเหล็กในญี่ปุ่นเลยเน้นผลิตป้อนอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศเป็นหลัก และส่งออกน้อยลงทำให้ราคาสูงขึ้น
ปกติเหล็กเกรดนี้ เหล็กนำเข้าจากญี่ปุ่นจะครองตลาดในไทยเป็นหลัก ผู้ผลิตในไทยมีส่วนแบ่งตลาดต่ำมาก พอญี่ปุ่นส่งออกน้อยลง สินค้าก็เลยขาด และที่สำคัญ ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้-ไต้หวัน ถ้ามีเหล็กแผ่นพอส่งออกก็จะส่งออกไปจีนเป็นลำดับแรก เพราะจีนให้ราคาสูงมาก ซึ่งปีที่แล้วจีนนำเข้าสินค้าเหล็กเพิ่มขึ้นเป็น 6 เท่า จนการนำเข้าเหล็กของจีนเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เหล็กขาดแคลนและราคาสูง” นายนาวากล่าว
โรงเหล็กปรับขึ้นราคา
รายงานจากสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทยเข้ามาว่า ราคาเหล็กทรงแบนของจีนปรับตัวขึ้นทุกผลิตภัณฑ์ โดยเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน (HRC) เหล็กแผ่นรีดเย็น (CRC) และเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี (HDG) ในช่วงปลายเดือนมีนาคมปรับตัวขึ้น 8.6% 3.3% และ 5.5% หรือ 789 เหรียญ 869 เหรียญ และ 913 เหรียญ/ตัน ตามลำดับ ขณะที่ผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาวก็ปรับขึ้นทุกผลิตภัณฑ์ ทั้งเหล็กเส้น billet และ wire rod ปรับขึ้นอีก 5% 12.2% และ 4% หรือ 726 เหรียญ 731 เหรียญ และ 731 เหรียญ/ตัน ตามลำดับ
แหล่งข่าวจากวงการค้าเหล็กกล่าวว่า ราคาเหล็กแผ่นในประเทศจากผู้ผลิตทั้ง 2 ราย ได้ปรับขึ้นราคาไปอีก กก.ละ 3.50 บาท หรือจากเดิม กก.ละ 24.70 บาท ปรับขึ้นเป็น 28 บาทกว่า/กก. นอกจากนี้ เหล็ก H beam-I beam ก็ปรับราคาขึ้นไปอีก กก.ละ 50 สตางค์ ขณะที่เหล็กเส้นราคายังคงอยู่ที่ กก.ละ 22-23 บาท/กก. เนื่องจากในประเทศมีโรงงานเหล็กเส้นล้นเกิน ทำให้ผู้ผลิตต้องแข่งขันทางด้านราคามากกว่าเหล็กแผ่นหรือเหล็กม้วน