การติดโรคเริมที่อวัยวะเพศ มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเฮอปีซิมเพลค ชนิดที่ 1 หรือ 2 ซึ่งอาการติดเชื้อมักจะพบว่าทำให้เกิดเป็นตุ่มใส
ต่อมาจะเริ่มแตกออกเป็นแผล มีอาการแสบร้อน หรือคันได้ค่ะ นอกจากนี้ สำหรับการติดโรคเริมนั้น มักจะติดจากการสัมผัสสารคัดหลั่ง
ที่มีเชื้อไวรัส และตุ่มน้ำของเริม หรือติดได้จากการจูบ การมีกิจกรรมทางเพศ รวมถึงการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน  และอาการมักจะเกิดขึ้นซ้ำได้
หากมีภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนน้อย หรือเมื่อร่างกายอ่อนแอค่ะ

ทั้งนี้ สำหรับการรักษา โดยทั่วไปการรักษา ถ้าไม่ได้มีรอยโรคที่มาก หรือมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย ภายใน 7-10 วัน มักจะมีอาการดีขึ้น
แต่ถ้าอาการเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย อาการอาจจะหายช้ากว่าการติดเชื้อเริมโดยทั่วไป ซึ่งการรักษานั้นหลักๆควรรับประทานยาต้านไวรัส
อาจจะทายาควบคู่ไปด้วยได้ค่ะ ซึ่งการใช้ยา แนะนำว่า ควรไปพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอาการก่อนนะคะ ซึ่งแพทย์จะให้การรักษา
ที่เหมาะสมกับคุณได้ค่ะ

ส่วนการดูแลตัวเองเบื้องต้น แนะนำให้ทำความสะอาดอวัยวะเพศภายนอกโดยอาจจะใช้น้ำสบู่ล้างทำความสะอาดได้ และให้ใช้น้ำเกลือล้างแผล
แล้วซับให้แห้ง ไม่ให้แผลเกิดการอับชื้น และไม่ควรสวมใส่กางเกงในที่รัดแน่นเกินไป เพราะอาจทำให้แผลถูกเสียดสีได้ค่ะ รวมถึงตัดเล็บให้สั้น
เพื่อป้องกันการเกาและตุ่มน้ำติดเชื้อจากการเกา และแนะนำไม่ให้ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อค่ะ นอกจากนี้แนะนำให้ดูแล
สุขภาพตัวเองให้มากขึ้น พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่ดีขึ้น
และเพื่อช่วยลดการเกิดโรคเริมซ้ำได้ค่ะ