หลัง Parasite (2019) สร้างประวัติศาสตร์ให้วงการภาพยนตร์เกาหลีใต้เมื่อปีก่อน ปีนี้ Minari ก็เข้ามาตอกย้ำจุดสูงสุดนั้นอีกครั้งกับการเข้าชิง 6 ออสการ์ รวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
ผมได้ดูเรื่องนี้โดยไม่รู้พล็อตเรื่องอะไรมาก่อน เป็นการดูหนังแบบหัวโล่งอีกครั้ง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาหลังฉากจบของเรื่องกลับเป็นความรู้สึกปนเป คล้ายกับครั้งเขียนจดหมายเพื่อบอกครอบครัวเมื่อครั้งเรียนจบว่า ตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินของตัวเองเช่นไร
Lee Isaac Chung ผู้กำกับ บอกเล่าเรื่องราวครอบครัวหนึ่ง (ซึ่งเพียงดูก็รู้ได้ว่าต้องมาจากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้กำกับเอง เหมือนตอนดูเรื่อง Roma (2018) ของ Alfonso Cuarón) ที่จากบ้านเกิดหลังสงครามมาหาชีวิตใหม่ที่อเมริกา ผู้เป็นพ่อหวังจะสร้างชีวิตที่ดีขึ้นให้ครอบครัวโดยการเก็บออมจากงานที่ทำกับภรรยาในโรงงานแยกเพศไก่ พอเพียงเลี้ยงปากท้องลูกสองคน โดยความฝันของเขาคือ การมีที่ดินเพื่อปลูกพืชผักส่งขายร้านค้า
หนังไม่ได้เล่าเรื่องการสร้างตัวแบบสู้ชีวิตเข้มข้นเช่นหนังหลายเรื่อง แต่มุ่งไปเรื่องของความสัมพันธ์ในครอบครัวของทุกคน ตัวละครหลักทุกคนในหนังทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม พ่อที่ต้องเป็นผู้นำครอบครัวไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้นไม่ว่าจะเสี่ยงเพียงใด แม่ที่แบกรับแรงกดดันทุกอย่าง ลูกสาวที่ทำหน้าที่ดูแลน้องชายอย่างโตเกินวัย ลูกชายหัวใจรั่วที่แสนน่ารักน่าชัง และคุณยายที่มาจากเกาหลีที่เป็นตัวละครหัวใจสำคัญของเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างยายกับหลานชายคู่นี้จะทำให้ทุกคนยิ้มทั้งน้ำตา ยุน ยอ-จ็อง ตีบทแตกจนอยากให้เธอได้ออสการ์สมทบหญิงเป็นประวัติศาสตร์ให้ได้เหลือเกิน
การเล่าเรื่องแบบไม่บีบคั้น กับงานภาพชนบทที่สวยงาม ทำให้เราเฝ้าติดตามความเป็นไปของครอบครัวนี้อย่างผ่อนคลาย แต่กลับมีหลายฉากที่ทำให้หัวใจคนดูถูกตรึงไปตาม เช่น ควันจากปล่องไฟ นาทีที่คุณยายเปิดของฝากจากบ้านเกิดมาให้ทุกคน การไปปลูกต้น "Minari" ของยายหลานที่แม่น้ำ ฯลฯ
Minari นี่เองที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญแทนความเป็นไปของครอบครัวนี้ และอีกหลายชีวิตในโลกความจริง ดังคุณยายบอกว่า Minari ถึงจะเป็นเหมือนวัชพืช แต่ก็สามารถเติบโตได้ทุกที่ ยิ่งงอกงามเมื่อผลัดใบครั้งแรก สามารถเอาไปใส่ในแกงอะไรก็อร่อย
สิ่งนี้เองทำให้เรารู้ว่า ปลายเปิดหลังหนังจบไปแล้ว ถึงครอบครัวนี้จะต้องล้มลุกคลุกคลาน แบกรับปัญหา จนแทบจะแตกสลาย แต่สุดท้ายแล้ว รากที่หยั่งลงดินไป หลังผลัดใบ มันจะงอกงามเติบโตอย่างหยัดยืนได้แน่นอน
10/10 แด่หนังเรียบง่ายที่ทรงพลัง
ขอบคุณที่โลกนี้มีภาพยนตร์
Minari (2020): ล้มลุก-หยั่งราก-หยัดยืน
หลัง Parasite (2019) สร้างประวัติศาสตร์ให้วงการภาพยนตร์เกาหลีใต้เมื่อปีก่อน ปีนี้ Minari ก็เข้ามาตอกย้ำจุดสูงสุดนั้นอีกครั้งกับการเข้าชิง 6 ออสการ์ รวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
ผมได้ดูเรื่องนี้โดยไม่รู้พล็อตเรื่องอะไรมาก่อน เป็นการดูหนังแบบหัวโล่งอีกครั้ง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาหลังฉากจบของเรื่องกลับเป็นความรู้สึกปนเป คล้ายกับครั้งเขียนจดหมายเพื่อบอกครอบครัวเมื่อครั้งเรียนจบว่า ตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินของตัวเองเช่นไร
Lee Isaac Chung ผู้กำกับ บอกเล่าเรื่องราวครอบครัวหนึ่ง (ซึ่งเพียงดูก็รู้ได้ว่าต้องมาจากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้กำกับเอง เหมือนตอนดูเรื่อง Roma (2018) ของ Alfonso Cuarón) ที่จากบ้านเกิดหลังสงครามมาหาชีวิตใหม่ที่อเมริกา ผู้เป็นพ่อหวังจะสร้างชีวิตที่ดีขึ้นให้ครอบครัวโดยการเก็บออมจากงานที่ทำกับภรรยาในโรงงานแยกเพศไก่ พอเพียงเลี้ยงปากท้องลูกสองคน โดยความฝันของเขาคือ การมีที่ดินเพื่อปลูกพืชผักส่งขายร้านค้า
หนังไม่ได้เล่าเรื่องการสร้างตัวแบบสู้ชีวิตเข้มข้นเช่นหนังหลายเรื่อง แต่มุ่งไปเรื่องของความสัมพันธ์ในครอบครัวของทุกคน ตัวละครหลักทุกคนในหนังทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม พ่อที่ต้องเป็นผู้นำครอบครัวไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้นไม่ว่าจะเสี่ยงเพียงใด แม่ที่แบกรับแรงกดดันทุกอย่าง ลูกสาวที่ทำหน้าที่ดูแลน้องชายอย่างโตเกินวัย ลูกชายหัวใจรั่วที่แสนน่ารักน่าชัง และคุณยายที่มาจากเกาหลีที่เป็นตัวละครหัวใจสำคัญของเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างยายกับหลานชายคู่นี้จะทำให้ทุกคนยิ้มทั้งน้ำตา ยุน ยอ-จ็อง ตีบทแตกจนอยากให้เธอได้ออสการ์สมทบหญิงเป็นประวัติศาสตร์ให้ได้เหลือเกิน
การเล่าเรื่องแบบไม่บีบคั้น กับงานภาพชนบทที่สวยงาม ทำให้เราเฝ้าติดตามความเป็นไปของครอบครัวนี้อย่างผ่อนคลาย แต่กลับมีหลายฉากที่ทำให้หัวใจคนดูถูกตรึงไปตาม เช่น ควันจากปล่องไฟ นาทีที่คุณยายเปิดของฝากจากบ้านเกิดมาให้ทุกคน การไปปลูกต้น "Minari" ของยายหลานที่แม่น้ำ ฯลฯ
Minari นี่เองที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญแทนความเป็นไปของครอบครัวนี้ และอีกหลายชีวิตในโลกความจริง ดังคุณยายบอกว่า Minari ถึงจะเป็นเหมือนวัชพืช แต่ก็สามารถเติบโตได้ทุกที่ ยิ่งงอกงามเมื่อผลัดใบครั้งแรก สามารถเอาไปใส่ในแกงอะไรก็อร่อย
สิ่งนี้เองทำให้เรารู้ว่า ปลายเปิดหลังหนังจบไปแล้ว ถึงครอบครัวนี้จะต้องล้มลุกคลุกคลาน แบกรับปัญหา จนแทบจะแตกสลาย แต่สุดท้ายแล้ว รากที่หยั่งลงดินไป หลังผลัดใบ มันจะงอกงามเติบโตอย่างหยัดยืนได้แน่นอน
10/10 แด่หนังเรียบง่ายที่ทรงพลัง
ขอบคุณที่โลกนี้มีภาพยนตร์