เป็นเรื่องทางฟากฝั่งอเมริกา ที่วัยรุ่นหนุ่มสาวมักเล่าสู่กันฟัง มีอยู่ว่า
ในครั้งหนึ่ง มีวัยรุ่นหนุ่มสาวคู่หนึ่งได้ขับรถไปพลอดรักในที่เปลี่ยว ฝ่ายชายแยกตัวไปทำธุระ
ปล่อยให้ผู้หญิงอยู่ในรถตามลำพัง ซึ่งเธอก็รอจนรู้สึกว่ามันนานเกินไป
จนผ่านไปหลายชั่วโมงแฟนหนุ่มก็ยังไม่กลับมา
แต่แล้วก็มีเสียงโครมครามดังขึ้นบนหลังคารถ
เธอรู้สึกกลัวมากจนไม่กล้าไปไหน แต่จังหวะนั้นเอง เสียงไซเรนจากรถตำรวจก็ดังขึ้น
พวกเจ้าหน้าที่บอกให้หญิงสาวรีบลงจากรถ และอย่าหันไปมองเด็ดขาด
เธอก็รีบลงมาแล้วทำตามที่แนะนำ
ตำรวจเร่งให้เธอรีบเดิน และเน้นยํ้าว่าอย่าหันไปมอง
สุดท้ายหญิงสาวก็สะกดใจไว้ไม่ไหว เลยหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ภาพที่เห็นนั้นทำให้สาวเจ้าแทบหมดสติ
มีฆาตกรโรคจิตคนหนึ่งกำลังขย่มหลังคารถอย่างบ้าคลั่ง
หมอนั่นถือไม้ที่มีศีรษะของแฟนเธอหั่นเสียบอยู่ แล้วกระแทกมันลงบนรถอย่างไม่ยั้งมือ
อีกเวอร์ชั่นหนึ่ง : ขณะที่ผู้หญิงกำลังนั่งอยู่ในรถ แต่แล้วก็มีบางอย่างมาชนกับกระจก เธอหันไปมองด้วยความตกใจ จึงเห็นว่าศีรษะของแฟนหนุ่มถูกกดลงมา มีร่องรอยความเจ็บปวดค้างบนใบหน้า เธอกลัวจนแทบเสียสติ เลยรีบกดปิดประตูรถอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าเจ้าฆาตกรจะเข้ามาไม่ได้แล้ว แต่จังหวะนั้นเอง คนร้ายก็ยกสิ่งหนึ่งขึ้นแกว่งไปมา มันคือพวงกุญแจรถ!!!
นี่ของเรื่องยอดนิยมของแดนมะกัน ที่เคยถูกเล่าอย่างแพร่หลาย แต่ไม่ว่าจะมีเนื้อเรื่องแบบไหนเวอร์ชั่นใด ฝ่ายชายในเรื่องมักจะมีอันเป็นไปในทางร้ายประจำ เลยอยากรู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น คนเล่ามีอคติกับผู้ชายหรือเปล่าเนี่ย?
เรื่องสยองขวัญในที่เปลี่ยว ทำไมฝ่ายชายถึงมักจะเคราะห์ร้าย?