สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
เคยมีประสบการณ์แบบนี้ ช่วงอายุ 30 กว่า ๆ บริษัทที่ทำงานดีมาก ทุกอย่างดีหมด คล้ายๆ กับ จขกท มีทีมที่วางแผนว่าจะออกมาทำบริษัทเองอีก 6 คน ผ่านไปปีครึ่ง เหลืออยู่คนเดียว
- เพื่อนคนที่ 1 วางตัวให้เป็นผู้บริหาร พอออกมาทำงานจริงๆ ไม่ Qualified พอ เพราะทัศคติโดยเฉพาะเรื่องการบริหารคนและบริหารเงินต่างกัน เพราะเงินทุนก้อนแรกมีจำกัดต้องเข้าใจกันว่าควรใช้เฉพาะที่จำเป็น จะใช้เหมือนที่ตัวเองทำงานกับบริษัทใหญ่ ๆในอดีตไม่ได้ สุดท้ายเขาแยกออกไปเปิดบริษัทเอง และปิดภายใน 2-3 ปี
- เพื่อนคนที่ 2 ตกลงกันว่าจะมาทำ sale พอจะเรียกเก็บค่าหุ้นและให้ลาออกมาทำงาน ก็บอกว่ายังไม่พร้อม
- ทีมคนที่ 3-6 เป็นน้อง ๆ ประสบการณ์ประมาณ 3-7 ปี ไม่สามารถรับสภาวะที่เงินเดือนน้อยลงและไม่ตรงเวลาได้ ทนกันได้ประมาณ 1 ปีก็ทะยอยกันแยกย้ายไป
สุดท้ายแค่ 2 ปี ทุกคนแตกแยกออกไปหมด เหลือแต่เราตัดสินใจเอาบริษัทต่อ สร้างทีมใหม่ โชคดีที่ประสบการณ์ส่วนตัว เคยทำงานทั้งบริษัทใหญ่ข้ามชาติและบริษัท Vendor ต่างชาติขนาดเล็ก เลยทำงานได้เองเกือบทุกฟังก์ชั่น ตั้งแต่ต้นจนจบงาน และมี connection เก่าๆ จากลูกค้า หัวหน้า และเพื่อน ๆ ร่วมอาชีพอยู่บ้าง เลยมีงานเข้าตลอด แต่บอกได้เลยว่าผ่านมาแบบเลือดตากระเด็น สาหัสมาก
ให้เป็นข้อมูล จขกท ความน่าเบื่อแต่กินดีอยู่ดี ยังดีกว่าการมีปัญหาเรื่องเงิน เรื่องธุรกิจและหุ้นส่วนเพราะทุกคนมองแต่ด้านบวก
ถ้า จขกท อายุประมาณ 30-35 จะเชียร์เพราะถ้าพลาดแล้วยังกลับเข้าสู่ระบบบริษัทได้ แต่อายุขึ้น 40 แล้วถ้าผิดพลาดขึ้นมาก็ให้คิดว่าจะกลับไปสู่จุดที่เคยอยู่ได้หรือไม่ วัยนี้ต้องเน้นสุขภาพกายและสุขภาพเงินค่ะ (คหสต นะ จากที่เห็นมาเยอะ ๆ)
และเห็นด้วยกับ คคห 2 คือทำที่ที่ 2 เป็น side-line ไปก่อน ถ้ามีแววดีตอบโจทย์ชีวิตได้ ก็ค่อยตัดสินใจอีกที
- เพื่อนคนที่ 1 วางตัวให้เป็นผู้บริหาร พอออกมาทำงานจริงๆ ไม่ Qualified พอ เพราะทัศคติโดยเฉพาะเรื่องการบริหารคนและบริหารเงินต่างกัน เพราะเงินทุนก้อนแรกมีจำกัดต้องเข้าใจกันว่าควรใช้เฉพาะที่จำเป็น จะใช้เหมือนที่ตัวเองทำงานกับบริษัทใหญ่ ๆในอดีตไม่ได้ สุดท้ายเขาแยกออกไปเปิดบริษัทเอง และปิดภายใน 2-3 ปี
- เพื่อนคนที่ 2 ตกลงกันว่าจะมาทำ sale พอจะเรียกเก็บค่าหุ้นและให้ลาออกมาทำงาน ก็บอกว่ายังไม่พร้อม
- ทีมคนที่ 3-6 เป็นน้อง ๆ ประสบการณ์ประมาณ 3-7 ปี ไม่สามารถรับสภาวะที่เงินเดือนน้อยลงและไม่ตรงเวลาได้ ทนกันได้ประมาณ 1 ปีก็ทะยอยกันแยกย้ายไป
สุดท้ายแค่ 2 ปี ทุกคนแตกแยกออกไปหมด เหลือแต่เราตัดสินใจเอาบริษัทต่อ สร้างทีมใหม่ โชคดีที่ประสบการณ์ส่วนตัว เคยทำงานทั้งบริษัทใหญ่ข้ามชาติและบริษัท Vendor ต่างชาติขนาดเล็ก เลยทำงานได้เองเกือบทุกฟังก์ชั่น ตั้งแต่ต้นจนจบงาน และมี connection เก่าๆ จากลูกค้า หัวหน้า และเพื่อน ๆ ร่วมอาชีพอยู่บ้าง เลยมีงานเข้าตลอด แต่บอกได้เลยว่าผ่านมาแบบเลือดตากระเด็น สาหัสมาก
ให้เป็นข้อมูล จขกท ความน่าเบื่อแต่กินดีอยู่ดี ยังดีกว่าการมีปัญหาเรื่องเงิน เรื่องธุรกิจและหุ้นส่วนเพราะทุกคนมองแต่ด้านบวก
ถ้า จขกท อายุประมาณ 30-35 จะเชียร์เพราะถ้าพลาดแล้วยังกลับเข้าสู่ระบบบริษัทได้ แต่อายุขึ้น 40 แล้วถ้าผิดพลาดขึ้นมาก็ให้คิดว่าจะกลับไปสู่จุดที่เคยอยู่ได้หรือไม่ วัยนี้ต้องเน้นสุขภาพกายและสุขภาพเงินค่ะ (คหสต นะ จากที่เห็นมาเยอะ ๆ)
และเห็นด้วยกับ คคห 2 คือทำที่ที่ 2 เป็น side-line ไปก่อน ถ้ามีแววดีตอบโจทย์ชีวิตได้ ก็ค่อยตัดสินใจอีกที
แสดงความคิดเห็น
ระหว่างเป็นมุนษย์เงินเดือนในบริษัทใหญ่ต่อไปกับก้าวออกมาร่วมหุ้นทำบริษัทเล็กๆเองกับเพื่อน
แต่ด้วยอายุ 40 ต้นๆ แล้วและทำงานในบริษัทนี้มา 20 ปี เป็นระดับ Specialist มีน้องๆในทีม อยู่ 4-5 คน แต่ด้วยความทำงานมานาน จนทำงานแบบ
ไม่กระตือรือล้น เรียกว่าหมดไฟ ทำงานก็เจอปัญหาเดิมๆ นโยบายซ้ำๆ วนกลับมา น้องในทีม ก็ออกไปบ้างรับใหม่มาบ้าง จนบางทีก็ต้องทำงาน groud work เอง ช่วง Covid บริษัทเองก็ไม่ได้ ลดเงินเดือน แถมเงินเดือนขึ้นและโบนัสก็ดีกว่าทุกปี เพราะประเมินผลงานอยู่ในระดับที่ดี และได้เงินเดือนขึ้นพิเศษอีกตอนต้นปี สรุปง่ายๆ อาจจะเบื่อ ระบบและวังวนเดิมๆ
ก็บ่นๆกับพี่ๆ เพื่อนๆ ไป หลายคนก็บอกว่า จะเอาอะไรก็ดีอยู่แล้ว แค่บริหารความเบื่อให้เป็น แต่เพื่อนคนนึงกลับให้ข้อคิดว่า ความสามารถยังมี แรงและสติปัญญายังแจ่มใส ทำไมไม่ออกจากที่เก่า ออกจาก confort zone แล้วทำเองละ เอาความเชี่ยวชาญ เอาพลังออกมา กล้าเสี่ยงมั้ย ???
เพื่อนจึงรวบรวมคนในสายงานเดียวกัน ก็เริ่ม ฟอร์มทีมใหม่ เพื่อที่ต่อยอดจากของเพื่อนอีกคนในกลุ่ม เขาบอกว่าจะให้หุ้น 10% แล้วออกมาช่วยงานขยายฐานจาก ลูกค้าเดิม เพราะเขาบอกว่าเราสามารถช่วยเขาได้ แต่ก็ต้องยอมรับเหนื่อยขึ้น เงินเดือนที่น้อยลง สวัสดิการที่ เหลือแค่ประกันสังคม แต่ถ้าดีก็ได้ commission นะ สุดท้ายมันคือของของเรา เพราะเรามีหุ้น
ก็ยอมรับว่ามาถึงจุดนี้คิดมาก คิดไม่ตก โดยส่วนตัว ก็พอจะมีเงินเก็บ มากพอที่จะลองเสี่ยง สัก 1-2 ปี ไม่มีภาระอะไรเพราะตัวคนเดียวเป็นโสด อ่านคนอื่นมาเยอะ พอเขาตาตัวเองการตัดสินใจใหญ่ขนาดนี้ก็ไปไม่ถูก เลยอยากจะถามทุกคนนะครับ เผื่อจะมีแนวคิดอะไรช่วยได้บ้าง