.........ในฤดูร้อนปีหนึ่ง
ปกติเมื่อเดือนเมษาเวียนมาถึง ความร้อนก็ดังจะเผาโลกาให้วินาศสันตโร
อยู่แล้วในทุกๆปี แต่เนื่อง
จากปีนี้ดันไปตรงกับ
ปรากฏการณ์เอลนีโญเข้า
อีก ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัย
เลยว่า จะร้อนปานใด
ต้นไม้ใหญ่ยังพอไหว
แต่ต้นไม้เล็กและวัชพืช
แห้งตายไปจนแทบหมด
น้ำในลำธารก็แห้งขอด
ซาก กุ้ง,หอย,ปู,ปลา, กระจายเกลื่อน
สัตว์เล็กสัตว์น้อยเมื่อเห็นท่าไม่ดีก็พากันอพยพไป
อยู่ที่อื่นจนหมดสิ้น
แม้แต่นกยังแทบไม่ได้ยินเสียงร้อง
แต่.......ในที่นี้ไม่รวม
ถึงพี่โคร่งของเราครับ
แกมีจิตสำนึกรักบ้านเกิด
มากกว่าคนอื่นหรือไงไม่รู้
แต่ที่รู้ๆ แกไม่ยอมตามคน
อื่นไป
แม้การทำมาหากินจะฝืด
เคืองปานใด แต่พี่โคร่ง
ก็ยังคงอยู่
ทุกเช้าแกจะออกหาอาหาร
ที่พอหาได้ พอปะทะปะทัง
ไป เป็นอยู่อย่างนี้จนวันหนึ่ง แกก็จับตุ๊กแกผอมๆ
ได้ ด้วยความดีใจแกจึง
หัวเราะทันที
"555....555 และ555"
(เลขอื่นไม่รู้จัก บอกเลย)
ใครหัวเราะก็เป็นตัวโกง
(ลูกชายผมได้กล่าวไว้)
"อย่าหวังว่าจะรอดไปได้
เพราะ..ผมหิวมากเลยครับ"
ตัวโกงไม่จำเป็นต้องหยาบ
คายก็ได้โน๊ะ (เพราะคนเล่า
เป็นคนสุภาพมากบอกเลย)
พอเจ้าตุ๊กแกได้ยินเข้าเท่า
นั้น อาการสั่นถอยก็มาเยือนน้องทันที
"พี่เสือครับ....อย่ากินผมเลย ผมตัวผอมแค่นี้เอง
ถึงกินไปก็ไม่อิ่มหรอกครับ
ปล่อยผมไปเถอะ"
และด้วยความไม่ขยันของ
ผู้เล่า(เมื่อยมือ) ผู้เล่าจึง
ทำให้เสือใจอ่อน ยอมปล่อยตุ๊กแกไปง่ายๆ (ซะ
อย่างงั้น🤣) โดยมีข้อแม้
ว่าอีก3เดือน ให้มาต่อสู้
กัน ดูยุติธรรมมากเลยใช่
ไหมครับ น้ำหนักต่างกัน
แค่99%เอง
(ประมาณ ไมค์ ไทสันชก
กับ น้องเรสซิ่งลูกแม่แพท
มั้ง)
และ เมื่อพี่โคร่งกล้าท้า
พี่ตุ๊กของเราก็รับคำท้าครับ
(ไม่รู้อะไรดลใจ)
ดังนั้นอีก3เดือนต่อมา
ณ. ที่เก่าเวลาเดิม
เพิ่มเติมคือ ตอนนี้ไม่แล้ง
แล้วครับ ก็เดือนกรกฎาแล้ว
นี่นะ
พอฝนตกเสือก็ไม่อด
น้ำหนักจึงเพิ่มขึ้นอีกหลาย
กิโล พี่ตุ๊กเราก็ไม่น้อยหน้า
แอบไปทำน้ำหนักมาเช่นกัน
ตัวอ้วนขึ้น ผิวก็ดำขึ้น
หล่อจนพี่เสือตาค้าง
หึๆๆ....(ปกติคนเล่ากลัว
ตุ๊กแกครับ แต่เรื่องนี้แกเป็น
พระเอกไง ผู้เล่าก็เลยต้อง
เชียร์แก(ลำเอียงเห็นๆ )
"นี่....แกไปทำอะไรมาทำไม?"
ความลับของครอบครัว
จะบอกได้ไง ดังนั้น....
"ข้าจะทำอะไร มันก็เรื่อง
ของข้า
ฉะนั้น....มาสู้กันเถอะครับ"
แน่ะ!...ท้าง่ายๆ ยังงี้ได้ไง
เดี๋ยวก็ตายหรอก
ได้ยินคำท้าเช่นนั้น พี่โคร่งจะปล่อยไว้ได้ยังไง แกจึง..
"โฮกกกกกก.."
แต่ว่า..ตุ๊กแกมันคำราม
ยังไงไม่รู้อ่ะครับ
เพราะฉะนั้นเราจึงได้ยิน
แต่เสียงเสือฝ่ายเดียวก็แล้ว
กัน ง่ายดี
พอเริ่มต่อสู้ เสือก็สะอึกเข้ากัดทันที แต่พี่ตุ๊กคอย
ทีอยู่แล้วจึงสปริงตัวขึ้น
หลังเสืออย่างรวดเร็วแล้ว
งับสุดแรงเกิด
"โอ๊ย......."
เอาละครับ....ใครจะอยู่ใครจะไปตอนหน้ารู้กัน
วันนี้ผมเปลี่ยนแนวมา
เขียนนิทานดีกว่า
เพราะรู้สึกว่าทุกสิ่ง
รอบตัวดูเครียดขึ้น
ทุกวัน
จริงๆกะจะเขียนให้จบแหละแต่พอดีมีธุระกระทัน
หัน ไว้เจอกันอีกทีพรุ่งนี้
นะครับ
ผมจะมาเขียนต่อไว้ข้างล่าง
นี่แหละจะได้ไม่รกตา(คน
อื่น) ขอบคุณครับ
เสือ กับ ตุ๊กแก
ปกติเมื่อเดือนเมษาเวียนมาถึง ความร้อนก็ดังจะเผาโลกาให้วินาศสันตโร
อยู่แล้วในทุกๆปี แต่เนื่อง
จากปีนี้ดันไปตรงกับ
ปรากฏการณ์เอลนีโญเข้า
อีก ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัย
เลยว่า จะร้อนปานใด
ต้นไม้ใหญ่ยังพอไหว
แต่ต้นไม้เล็กและวัชพืช
แห้งตายไปจนแทบหมด
น้ำในลำธารก็แห้งขอด
ซาก กุ้ง,หอย,ปู,ปลา, กระจายเกลื่อน
สัตว์เล็กสัตว์น้อยเมื่อเห็นท่าไม่ดีก็พากันอพยพไป
อยู่ที่อื่นจนหมดสิ้น
แม้แต่นกยังแทบไม่ได้ยินเสียงร้อง
แต่.......ในที่นี้ไม่รวม
ถึงพี่โคร่งของเราครับ
แกมีจิตสำนึกรักบ้านเกิด
มากกว่าคนอื่นหรือไงไม่รู้
แต่ที่รู้ๆ แกไม่ยอมตามคน
อื่นไป
แม้การทำมาหากินจะฝืด
เคืองปานใด แต่พี่โคร่ง
ก็ยังคงอยู่
ทุกเช้าแกจะออกหาอาหาร
ที่พอหาได้ พอปะทะปะทัง
ไป เป็นอยู่อย่างนี้จนวันหนึ่ง แกก็จับตุ๊กแกผอมๆ
ได้ ด้วยความดีใจแกจึง
หัวเราะทันที
"555....555 และ555"
(เลขอื่นไม่รู้จัก บอกเลย)
ใครหัวเราะก็เป็นตัวโกง
(ลูกชายผมได้กล่าวไว้)
"อย่าหวังว่าจะรอดไปได้
เพราะ..ผมหิวมากเลยครับ"
ตัวโกงไม่จำเป็นต้องหยาบ
คายก็ได้โน๊ะ (เพราะคนเล่า
เป็นคนสุภาพมากบอกเลย)
พอเจ้าตุ๊กแกได้ยินเข้าเท่า
นั้น อาการสั่นถอยก็มาเยือนน้องทันที
"พี่เสือครับ....อย่ากินผมเลย ผมตัวผอมแค่นี้เอง
ถึงกินไปก็ไม่อิ่มหรอกครับ
ปล่อยผมไปเถอะ"
และด้วยความไม่ขยันของ
ผู้เล่า(เมื่อยมือ) ผู้เล่าจึง
ทำให้เสือใจอ่อน ยอมปล่อยตุ๊กแกไปง่ายๆ (ซะ
อย่างงั้น🤣) โดยมีข้อแม้
ว่าอีก3เดือน ให้มาต่อสู้
กัน ดูยุติธรรมมากเลยใช่
ไหมครับ น้ำหนักต่างกัน
แค่99%เอง
(ประมาณ ไมค์ ไทสันชก
กับ น้องเรสซิ่งลูกแม่แพท
มั้ง)
และ เมื่อพี่โคร่งกล้าท้า
พี่ตุ๊กของเราก็รับคำท้าครับ
(ไม่รู้อะไรดลใจ)
ดังนั้นอีก3เดือนต่อมา
ณ. ที่เก่าเวลาเดิม
เพิ่มเติมคือ ตอนนี้ไม่แล้ง
แล้วครับ ก็เดือนกรกฎาแล้ว
นี่นะ
พอฝนตกเสือก็ไม่อด
น้ำหนักจึงเพิ่มขึ้นอีกหลาย
กิโล พี่ตุ๊กเราก็ไม่น้อยหน้า
แอบไปทำน้ำหนักมาเช่นกัน
ตัวอ้วนขึ้น ผิวก็ดำขึ้น
หล่อจนพี่เสือตาค้าง
หึๆๆ....(ปกติคนเล่ากลัว
ตุ๊กแกครับ แต่เรื่องนี้แกเป็น
พระเอกไง ผู้เล่าก็เลยต้อง
เชียร์แก(ลำเอียงเห็นๆ )
"นี่....แกไปทำอะไรมาทำไม?"
ความลับของครอบครัว
จะบอกได้ไง ดังนั้น....
"ข้าจะทำอะไร มันก็เรื่อง
ของข้า
ฉะนั้น....มาสู้กันเถอะครับ"
แน่ะ!...ท้าง่ายๆ ยังงี้ได้ไง
เดี๋ยวก็ตายหรอก
ได้ยินคำท้าเช่นนั้น พี่โคร่งจะปล่อยไว้ได้ยังไง แกจึง..
"โฮกกกกกก.."
แต่ว่า..ตุ๊กแกมันคำราม
ยังไงไม่รู้อ่ะครับ
เพราะฉะนั้นเราจึงได้ยิน
แต่เสียงเสือฝ่ายเดียวก็แล้ว
กัน ง่ายดี
พอเริ่มต่อสู้ เสือก็สะอึกเข้ากัดทันที แต่พี่ตุ๊กคอย
ทีอยู่แล้วจึงสปริงตัวขึ้น
หลังเสืออย่างรวดเร็วแล้ว
งับสุดแรงเกิด
"โอ๊ย......."
เอาละครับ....ใครจะอยู่ใครจะไปตอนหน้ารู้กัน
วันนี้ผมเปลี่ยนแนวมา
เขียนนิทานดีกว่า
เพราะรู้สึกว่าทุกสิ่ง
รอบตัวดูเครียดขึ้น
ทุกวัน
จริงๆกะจะเขียนให้จบแหละแต่พอดีมีธุระกระทัน
หัน ไว้เจอกันอีกทีพรุ่งนี้
นะครับ
ผมจะมาเขียนต่อไว้ข้างล่าง
นี่แหละจะได้ไม่รกตา(คน
อื่น) ขอบคุณครับ