The promised of neverland
เป็นอนิเมะที่ดูแล้วเต็มอิ่มที่สุด ครบเครื่อง
ตอนแรกคิดว่าเป็นการ์ตูนเด็กจริงๆ ขอบคุณเพื่อนที่แนะนำมามากๆ เพื่อนบอกเป็นหนัง Thriller เราก็คาดหวังความลุ้นระทึกเอาชีวิตรอด แต่ไปๆ มาๆ ตัวอนิเมะกลับมีรสชาติมากกว่านั้นหลายเท่าตัว
อนิเมะเล่าถึงบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนึง มีหม่าม้าเป็นผู้ดูแลหนึ่งคน และนานๆ ทีก็จะมีเด็กๆ ถูกอุปการะออกไป เด็กๆ ต่างก็เฝ้าฝันถึงวันที่จะได้ออกไปใช้ชีวิต แต่แล้ว เหตุการณ์บางอย่างก็ทำให้เด็กๆ กลุ่มนึงรู้ตัวว่า นี่ไม่ใช่บ้านเด็กกำพร้าธรรมดา และพวกเขาต้องหนีออกไปจากที่นี่!
เราชอบการเล่าเรื่องของหนังที่ไม่ได้มีความการ์ตูนเด็กเลยยย มันโตมาก ลึกมาก มีการตลบหลังไปมาจนไม่สามารถเดาทางได้เลยจริงๆ เราไม่มีทางรู้ถึงความเฉลียวของเด็กๆ และไม่มีวันรู้ถึงการตลบหลังของผู้ใหญ่ เอาเป็นว่าเราไม่มีทางรู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
นั่นทำให้การดูทั้ง 12 ตอน (ใน Netflix ยังมีแค่ซีซั่นเดียว) นั้นเต็มไปด้วยความระทึก ไม่มีตอนไหนเลยที่ใจไม่สั่น ไม่มีตอนไหนเลยที่จะไม่ว้าว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงสามารถดู 12 ตอนรวดได้ในครั้งเดียว เพราะตัวหนังมันดึงเราไว้ไม่ปล่อยไปไหน
นอกจากเรื่องของบทที่ดีมากๆ เรายังชอบการออกแบบคาแรกเตอร์ ความคิดความอ่านของตัวละครแต่ละตัวมันน่าเอาใจช่วยไปหมด เราเห็นถึงพลัง เห็นถึงความรัก ความเห็นอกเห็นใจ สิ่งเล็กๆ สถานการณ์น้อยๆ บางอย่างในเรื่องมันสร้างไดนามิกให้ตัวอนิเมะสูงมากๆ เรียกได้ว่าอนิเมะนั้นเก็บรายละเอียดน้อยๆ เพื่อสร้างอารมณ์ สร้างอิมแพ็คให้คนดูได้สูงมากๆ นี่คือสิ่งที่ทำให้อนิเมะเรื่องนี้เต็มไปด้วยรสชาติที่ครบเครื่อง
ชอบตัวละครทุกตัว เด็กๆ ทุกคนรวมทั้งหม่าม้า วิธีแสดงสีหน้าแววตาของตัวละครมันดีมากๆ ยิ่งดึงอารมณ์ให้เราอินไปอีก รวมถึงชอบการสร้างสตอรี่ให้ตัวละครหลายๆ ตัว มันผูกเราไว้ และพาเราไปสู่จุดพีคของเรื่องได้อย่างสวยงาม
10/10
(คิดนานมากว่าจะให้คะแนนเท่านี้เลยดีเหรอ แต่ ณ ตอนนี้ที่พึ่งดูจบคือเราอิ่มมากจริงๆ อารมณ์ตอนดูจบซีซั่น 1 มันมากขนาดนั้นจริงๆ)
Janyourdiary
สามารถติดตามเราได้ที่
IG :
https://www.instagram.com/janyourdiary_/?hl=en
Facebook :
https://www.facebook.com/justsointoeverything/
YouTube :
https://youtu.be/6Hq8IVBD-1Y
ดูจบแล้วมาคุยกัน!
-ชอบคาแรกเตอร์เด็กๆ ตัวหลักทั้งสามคนมากๆ เป็นตัวละครสามตัวที่มีเสน่ห์ อยู่ด้วยกันแล้วไปกันได้ ด้วยนิสัยที่ไปคนละขั้วแต่พอจับเอามามัดรวมกันแล้วกลายเป็นมันสมองที่ยอดเยี่ยม เรย์ที่เป็นคนละเอียด รอบคอบ แต่สุขุม เยือกเย็น ก็ถูกเบรคด้วยความสดใส ความใจดี และความมองโลกในแง่ดีของเอมม่า และก็มีคนตรงกลางที่มีทั้งความรอบคอบและความใจดีอย่างนอร์แมน มันครบ และทำให้เราเชื่อว่าเด็กพวกนี้จะต้องหนีรอดได้อย่างแน่นอน
-แต่ซีนนอร์แมนคือเศร้าซึมจริง ฮืออออ ยังใจดีทิ้งอะไรไว้ให้เพื่อนๆ ก่อนจะตายอีก เธอมันหล่อเท่มากๆ
-ชอบชื่อตัวละครทุกตัว ไม่เหมือนดูอนิเมะญี่ปุ่นเลย เหมือนดูซีรี่ย์ฝรั่งเจ๋งๆ ซักเรื่อง ด้วยสีหน้าแววตาตัวการ์ตูนที่มีอารมณ์ดูสมจริง แต่ความเครียดของเมะถูกเบรคไว้ด้วยลายเส้นกับโทนสีที่เบาสบาย และความสดใสของเด็กๆ ซึ่งดีแล้ว ไม่งั้นคนดูเป็นบ้าตายฮือ
-ชอบการมีสตอรี่ของหม่าม้ามากๆ มันทำให้ตอนจบอิมแพ็คมากขึ้นร้อยเท่า ชอบที่รู้ว่าจริงๆ แล้วหม่าม้ารักเด็กพวกนั้นจริงๆ เป็นคนคลอดออกมาเอง (รึเปล่า? ไม่แน่ใจ) รัก และเอ็นดูเด็กๆ เหมือนที่เธอบอกกับเอ็มม่าจริงๆยังมีการขอให้พวกเค้าพบเจอทางที่สดใสด้วย มันดีจัง ฮีลใจมากๆ น้ำตาท่วมตอนจบ
[CR] [รีวิว] The promise of Neverland : อีกหนึ่งอนิเมะที่ครบเครื่องมากๆ
เป็นอนิเมะที่ดูแล้วเต็มอิ่มที่สุด ครบเครื่อง
ตอนแรกคิดว่าเป็นการ์ตูนเด็กจริงๆ ขอบคุณเพื่อนที่แนะนำมามากๆ เพื่อนบอกเป็นหนัง Thriller เราก็คาดหวังความลุ้นระทึกเอาชีวิตรอด แต่ไปๆ มาๆ ตัวอนิเมะกลับมีรสชาติมากกว่านั้นหลายเท่าตัว
อนิเมะเล่าถึงบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนึง มีหม่าม้าเป็นผู้ดูแลหนึ่งคน และนานๆ ทีก็จะมีเด็กๆ ถูกอุปการะออกไป เด็กๆ ต่างก็เฝ้าฝันถึงวันที่จะได้ออกไปใช้ชีวิต แต่แล้ว เหตุการณ์บางอย่างก็ทำให้เด็กๆ กลุ่มนึงรู้ตัวว่า นี่ไม่ใช่บ้านเด็กกำพร้าธรรมดา และพวกเขาต้องหนีออกไปจากที่นี่!
เราชอบการเล่าเรื่องของหนังที่ไม่ได้มีความการ์ตูนเด็กเลยยย มันโตมาก ลึกมาก มีการตลบหลังไปมาจนไม่สามารถเดาทางได้เลยจริงๆ เราไม่มีทางรู้ถึงความเฉลียวของเด็กๆ และไม่มีวันรู้ถึงการตลบหลังของผู้ใหญ่ เอาเป็นว่าเราไม่มีทางรู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
นั่นทำให้การดูทั้ง 12 ตอน (ใน Netflix ยังมีแค่ซีซั่นเดียว) นั้นเต็มไปด้วยความระทึก ไม่มีตอนไหนเลยที่ใจไม่สั่น ไม่มีตอนไหนเลยที่จะไม่ว้าว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงสามารถดู 12 ตอนรวดได้ในครั้งเดียว เพราะตัวหนังมันดึงเราไว้ไม่ปล่อยไปไหน
นอกจากเรื่องของบทที่ดีมากๆ เรายังชอบการออกแบบคาแรกเตอร์ ความคิดความอ่านของตัวละครแต่ละตัวมันน่าเอาใจช่วยไปหมด เราเห็นถึงพลัง เห็นถึงความรัก ความเห็นอกเห็นใจ สิ่งเล็กๆ สถานการณ์น้อยๆ บางอย่างในเรื่องมันสร้างไดนามิกให้ตัวอนิเมะสูงมากๆ เรียกได้ว่าอนิเมะนั้นเก็บรายละเอียดน้อยๆ เพื่อสร้างอารมณ์ สร้างอิมแพ็คให้คนดูได้สูงมากๆ นี่คือสิ่งที่ทำให้อนิเมะเรื่องนี้เต็มไปด้วยรสชาติที่ครบเครื่อง
ชอบตัวละครทุกตัว เด็กๆ ทุกคนรวมทั้งหม่าม้า วิธีแสดงสีหน้าแววตาของตัวละครมันดีมากๆ ยิ่งดึงอารมณ์ให้เราอินไปอีก รวมถึงชอบการสร้างสตอรี่ให้ตัวละครหลายๆ ตัว มันผูกเราไว้ และพาเราไปสู่จุดพีคของเรื่องได้อย่างสวยงาม
10/10
(คิดนานมากว่าจะให้คะแนนเท่านี้เลยดีเหรอ แต่ ณ ตอนนี้ที่พึ่งดูจบคือเราอิ่มมากจริงๆ อารมณ์ตอนดูจบซีซั่น 1 มันมากขนาดนั้นจริงๆ)
Janyourdiary
สามารถติดตามเราได้ที่
IG : https://www.instagram.com/janyourdiary_/?hl=en
Facebook : https://www.facebook.com/justsointoeverything/
YouTube : https://youtu.be/6Hq8IVBD-1Y
ดูจบแล้วมาคุยกัน!
-ชอบคาแรกเตอร์เด็กๆ ตัวหลักทั้งสามคนมากๆ เป็นตัวละครสามตัวที่มีเสน่ห์ อยู่ด้วยกันแล้วไปกันได้ ด้วยนิสัยที่ไปคนละขั้วแต่พอจับเอามามัดรวมกันแล้วกลายเป็นมันสมองที่ยอดเยี่ยม เรย์ที่เป็นคนละเอียด รอบคอบ แต่สุขุม เยือกเย็น ก็ถูกเบรคด้วยความสดใส ความใจดี และความมองโลกในแง่ดีของเอมม่า และก็มีคนตรงกลางที่มีทั้งความรอบคอบและความใจดีอย่างนอร์แมน มันครบ และทำให้เราเชื่อว่าเด็กพวกนี้จะต้องหนีรอดได้อย่างแน่นอน
-แต่ซีนนอร์แมนคือเศร้าซึมจริง ฮืออออ ยังใจดีทิ้งอะไรไว้ให้เพื่อนๆ ก่อนจะตายอีก เธอมันหล่อเท่มากๆ
-ชอบชื่อตัวละครทุกตัว ไม่เหมือนดูอนิเมะญี่ปุ่นเลย เหมือนดูซีรี่ย์ฝรั่งเจ๋งๆ ซักเรื่อง ด้วยสีหน้าแววตาตัวการ์ตูนที่มีอารมณ์ดูสมจริง แต่ความเครียดของเมะถูกเบรคไว้ด้วยลายเส้นกับโทนสีที่เบาสบาย และความสดใสของเด็กๆ ซึ่งดีแล้ว ไม่งั้นคนดูเป็นบ้าตายฮือ
-ชอบการมีสตอรี่ของหม่าม้ามากๆ มันทำให้ตอนจบอิมแพ็คมากขึ้นร้อยเท่า ชอบที่รู้ว่าจริงๆ แล้วหม่าม้ารักเด็กพวกนั้นจริงๆ เป็นคนคลอดออกมาเอง (รึเปล่า? ไม่แน่ใจ) รัก และเอ็นดูเด็กๆ เหมือนที่เธอบอกกับเอ็มม่าจริงๆยังมีการขอให้พวกเค้าพบเจอทางที่สดใสด้วย มันดีจัง ฮีลใจมากๆ น้ำตาท่วมตอนจบ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้