อากาศเช้านี้สดใสเป็นพิเศษ เย็นสบาย ลมโชย ท้องฟ้าโปร่ง สีฟ้าสวยงามมาก จะไม่ให้สดชื่นได้ไงหละก็เป็นวันหยุดยาวของเดือนรพี นานๆทีเธอจะได้หยุดพักร้อน ไกด์สาวที่ท่าทางสบายๆ แต่กระฉับกระเฉง เธอพูดไม่มากแต่ยิ้มเก่ง มีเรื่องอะไรจะยิ้มตลอดไม่ว่าจะทำผิดพลาดหรือคาดการณ์ไม่ถูก เธอจะยิ้มเสมอ เพราะเธอคิดว่าถ้ายิ้มแล้วจะทำให้คนที่กำลังโกรธจะอารมณ์ดีและหายโกรธเธอได้
เดือนรพีก้าวขาเข้าไปในบริษัททัวร์สุริยา ซึ่งเป็นบริษัททัวร์ขนาดปานกลาง ราคาทัวร์เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวในทุกระดับ ทุกชนชั้นที่รักการท่องเที่ยว เธอต้องสะดุ้งเมื่อหัวหน้าทัวร์จันทร์แก้ว สาวใหญ่โสดสนิท บุคลิกตรงข้ามกับเดือนรพี ท่าทางเธอเข้มงวด สวยเริ่ดเฉิดหยิ่ง ครบสูตรของเธอหละจันทร์แก้ว สาวสมัยใหม่เหมาะกับอาชีพทัวร์
“ เดือน..วันนี้เธอว่างใช่ไหม เห็นว่าลาพักร้อน 3 วัน”
“ ใช่จ้าพี่จันทร์ เดือนลาพักร้อน 3 วันจ้า วันนี้วันแรกค่ะ พี่จันทร์มีอะไรเหรอค่ะ“
“ มีแขกชาวจีนติดต่อมาว่าขอไกด์ประเภทพาเที่ยวคนเดียว” เดือนรพีใจอยากจะบอกปัดไปแต่ก็เกรงใจหัวหน้าทัวร์จันทร์แก้วมาก เพราะหัวหน้าทัวร์คนนี้เป็นคนรับเธอเข้าทำงาน และคอยดูแลเธอ คอยแนะนำและให้ความช่วยเหลือเธอมาตลอด 2 ปี
“ เป็นชาวจีนมาจากเมืองปักกิ่ง เป็นชาย มาเที่ยวเดือนหนึ่ง ว่าไงเดือน โอเคไหม พอรับได้เปล่าจ้า” จันทร์แก้วบอกข้อมูลของนักท่องเที่ยวชาวจีนให้เดือนรพีเป็นข้อมูลพื้นฐานก่อน
“ทำไมไม่ให้ชาติชายไปแทนละค่ะ เป็นผู้ชายด้วยกัน พาเที่ยวสะดวกดีค่ะ” เดือนรพีแนะนำเพื่อบอกปัดให้พ้นตัว
“ตอนนี้ไม่มีใครว่างเลยจ้าเดือน ทุกคนมีงานหมดเลย พอดีเลยนะ หนุ่มจีนคนนี้เขาล็อคสเป็คมาว่าขอเป็นไกด์หญิงจ้า” อย่างนี้ก็มีด้วย เขาจะมาเที่ยวหรือว่าจะมาทำอะไรกันแน่ เดือนรพีรู้สึกไม่พอใจ นักท่องเที่ยวชาวจีนคนนี้ สงสัยจะเหลี่ยมจัด ต้องระวังให้มากเลยแบบนี้
เดือนรพีจำยอมรับทำหน้าที่ไกด์พาชาวจีนเที่ยว เพราะตอนนี้ต้องการพักผ่อน ถึงแม้จะไม่ได้พัก แต่หัวหน้าทัวร์จันทร์แก้วบอกว่า ทริปนี้เขาขอให้พาเที่ยว 1 เดือน พร้อมเสนอรายได้ราคางาม แถมออกค่าห้องพักให้นอนคนละห้อง และเลี้ยงอาหารไกด์ทุกมื้อ โดยไม่รวมกับค่าจ้างพาเที่ยว ข้อเสนอน่าสนใจมาก เดือนรพีรับข้อเสนอทันที เพราะไม่มีไกด์คนอื่นเหลืออยู่แล้ว ฮ่าๆๆๆ เหมือนได้เที่ยวไปด้วย เดือนรพียิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เดือนรพีไปรอรับนักท่องเที่ยวชาวจีนชื่อเฉินซี ที่ทางออกด้วยใจจดจ่อ เดือนรพีอยากเห็นว่านายเฉินซีจะหน้าตาเป็นอย่างไร อ้วน ผอม สูง ต่ำ ดำ ขาว จะเป็นประเภทอาแปะจอมโหด หรือใจดี เธอลุ้นรออยู่
ป้ายชื่อ “ เฉินซี” โบกไปมา เดือนรพีมองไปที่นักท่องเที่ยวชาวจีน เดินออกมากันเป็นแถว ไม่เห็นมีคนแก่เลยซักคน มีแต่คนหนุ่มสาว แต่งตัวตามสบาย สดใสน่ารัก หนุ่มๆก็ดูขาวสะอาดสะอ้านหน้าตาเกลี้ยงเกลา น่าจะอยู่ในกลุ่มนี้แหละ เดือนรพียกป้ายชื่ออย่างตั้งใจแต่ไม่เห็นมีใครหันมามองเธอเลย
เธอพยายามโบกป้ายชื่อและป้ายชื่อทัวร์ แต่ก็ไม่เป็นผล นักท่องเที่ยวเดินไปหาทัวร์อื่นหมด เวลาผ่านไป 20 นาที ต้องรอจนกว่าจะหมดทุกคน เพราะไกด์ต้องดูแลและพยายามติดต่อนักท่องเที่ยวให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาตามมา นักท่องเที่ยวไม่เห็นไกด์แล้วจะทำให้พวกเขาตกใจเมื่อไม่เห็นไกด์ ในต่างแดนต้องดูแลพวกเขาให้ดีที่สุด เป็นหัวใจสำคัญของไกด์
เดือนรพีเข้าไปสอบถามพนักงานที่ตรวจสอบนักท่องเที่ยวทางตรวจคนเข้าเมือง เขาบอกนักท่องเที่ยวออกมาหมดแล้ว เธอเดินเข้าไปดูทุกที่ในสนามบิน ไม่ปรากฏเงาของนักท่องเที่ยวจีนคนนั้น เธอโทรหาหัวหน้าทัวร์จันทร์แก้วทันที เพราะเวลาล่วงเลยมาครึ่งชั่วโมงแล้ว
“ พี่จันทร์ค่ะ นักท่องเที่ยวจีนไม่มาค่ะ ตามหาจนทั่วแล้วค่ะ ไม่เห็นเลยค่ะ”
“ นายเฉินซี เพิ่งโทรเข้ามาหาพี่เมื่อกี้ เขาบอกไม่เห็นไกด์นะ เธอไปรอผิดที่หรือเปล่า เขาบอกเขาออกมานานแล้ว “ จันทร์แก้วรู้สึกเป็นห่วงไกด์ชาวจีนมาก
“ เดือนมาถูกนะค่ะ แต่ไม่เห็นเขาเลยค่ะ ทำไงดีค่ะ พี่จันทร์ขอเบอร์เขาด้วยค่ะ” เดือนรพีเริ่มรู้สึกว่านักท่องเที่ยวคนนี้จะบ้าหรือไง ป้ายก็โบกและโชว์ให้ชัดเจนอยู่แล้ว ความรู้สึกของเดือนรพี เริ่มมีอคติกับชาวจีนคนนี้ ตาแก่เงอะงะหรือเปล่า สายตาสั้นมากขนาดไม่เห็นป้ายเลยหรือไงเนี่ย ตัวหนังสือก็เขียนซะโตแล้ว ต้องมีอะไรผิดปกติแน่เลย
ได้เบอร์โทรเดือนรพีรีบโทรติดต่อนักท่องเที่ยวด่วน เธอส่งเสียงเจื้อยแจ้วเป็นภาษาจีนกลางตามที่เธอถนัด แต่เสียงที่ตอบมาไม่ใช่ภาษาจีน แต่เป็นภาษาอังกฤษ
“ ขอโทษค่ะ คุณชื่ออะไรค่ะ ใช่นายเฉินซีหรือเปล่าค่ะ ฉันเป็นไกด์ชื่อเดือนรพี จากบริษัททัวร์สุริยาค่ะ ฉันตามหาคุณอยู่ค่ะ คุณอยู่ตรงไหนของสนามบินค่ะ” เดือนรพีต้องพูดเป็นภาษาอังกฤษแทนภาษาจีน
“ใช่ครับ..ผมเฉินซีครับ ผมไม่เห็นคุณตอนที่ลงมา ผมอ่านหนังสือจีนไม่ออกครับ ผมเลยไม่รู้ว่าคุณเป็นคนไหน ตอนนี้ผมรออยู่ที่ร้านอาหารไทย ชั้น 3 ของสนามบินครับ” เขารีบบอกว่าเขาอ่านหนังสือจีนไม่ได้ นี่คงเป็นเหตุผลที่ไม่เจอกัน
“โอเคค่ะ เดี๋ยวฉันไปหาคุณที่ร้านอาหารไทยค่ะ รออยู่ที่นั่นนะค่ะ” เดือนรพีรีบเดินก้าวยาวออกไปตามหานักท่องเที่ยวชาวจีนทันที ก่อนที่จะหากันไม่เจอ
ไปถึงเดือนรพีก็ตรงไปที่อาแปะที่กำลังนั่งกินอาหารอยู่ข้างนอกของร้านอาหารไทย
“ สวัสดีค่ะ เราเจอกันแล้วนะค่ะ ยินดีต้อนรับสู่เมืองไทยค่ะ” เธอกล่าวพร้อมส่งยิ้มหวานให้เพื่อเอาใจนักท่องเที่ยวชาวจีนคนนั้น อาแปะตกใจพร้อมพูดเป็นภาษาไทยออกมา
“ คุณพูดอะไรครับ ผมฟังไม่รู้เรื่อง ผมเป็นคนไทยครับ ไม่ใช่คนฝรั่งนะครับ”
“ ขอโทษค่ะ ดิฉันคิดว่าลุงเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนที่กำลังตามหาค่ะ” เดือนรพีชะงักเล็กน้อย เพราะทักผิดคนซะแล้ว วันนี้พลาดทั้งวัน จนป่านนี้แล้วครึ่งวันเข้าไปหละยังไม่เจอนักท่องเที่ยวชาวจีนคนนั้นเลย เธอมองเข้าไปในร้าน เอาป้ายออกมาและเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ยกขึ้นมา และมองหาทั่วทั้งร้านอาหารไทย ถ้าไม่เจอก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรหละ
เธอมองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งหนวดเครารุงรัง ผมยาวเป็นกระเซิง มองมาทางเธอ เขายกมือขึ้นและโบกมือไปมา
“ ผมอยู่นี่ครับเฉินซี” เขาแนะนำตัวเอง และยิ้มพร้อมขำที่เห็นเดือนรพีทำท่าย่องๆและค่อยๆยกป้ายขึ้นมา
โอ้แม่เจ้าพระคุณ...ดูไม่ออกเลยว่าเป็นคนจีน อ่านภาษาจีนก็ไม่ได้ งงมากจ้า เดือนรพีมองเฉินซีด้วยความแปลกประหลาดปนหงุดหงิด ตามหากันเกือบ 3 ชั่วโมง เป็นความประทับใจสุดๆที่เดือนรพีเคยเจอมา แต่เธอก็พยายามเก็บความรู้สึกหงุดหงิดเอาไว้ เพราะลูกทัวร์คือพระเจ้าของบริษัททัวร์
เฉินซียิ้มหวานให้เดือนรพี เพราะเข้าใจความรู้สึกของเธอที่ตามหาเขามานานกว่าจะเจอ แต่เขาก็พยายามอธิบายเรื่องที่เดือนรพีสงสัยในตัวเขา เพื่อจะได้ช่วยให้เดือนรพีผ่อนคลายจากความหงุดหงิดลงบ้าง
“ ผมเป็นลูกครึ่งจีนออสซี่ครับ ผมเลยพูดภาษาจีนไม่ได้ เพราะเพิ่งไปอยู่ที่จีนได้ 3 เดือนครับ ก่อนหน้านี้ผมอาศัยอยู่กับแม่ที่ออสเตรเลียครับ” เขาพูดไปรีบกินข้าวไป เดือนรพีนั่งรอเขากินข้าว และฟังเรื่องราวของเขา ดูแล้วรกรุงรังไปทั้งหน้า เห็นแล้วน่ารำคาญมาก คนอะไรไว้หนวดเคราผมรกรุงรังมาก แต่ดีที่ไม่ใช่อาแปะ เป็นหนุ่มดูรวมๆรูปร่างดีสูงหนา ทำตัวสบายๆ คงไม่เรื่องเยอะเท่าไหร่หรอก เดือนรพีปลอบใจตัวเอง เพราะต้องอยู่ด้วยกันเป็นเดือน
เขาหยิบยางรัดผมที่รกรุงรังของเขา พอหัดหน้ามาทางเดือนรพี อุ๊ย..พอมัดผมที่ยาวไม่เป็นทรงแล้วดูดีขึ้น เดือนรพีสังเกตหน้าตาเขาเป็นลูกครึ่งจริงๆ หน้าเป็นฝรั่งแต่ปนด้วยจีน หน้าตาดูดีชวนมองมาก
เฉินซีสะกิดเดือนรพีที่ตกพะวังมองหน้าเขา แบบไม่ได้ตั้งใจ เดือนรพีตกใจเล็กน้อยที่เผลอมองความหล่อเหลาบนใบหน้าเขา เฉินซียิ้มแบบอายๆที่เดือนรพีมองเขาแบบนั้น
“หน้าผมมีอะไรผิดปกติเหรอครับ คุณจึงมองแบบนั้น” เฉินซีถามเดือนรพีแบบตรงๆ
“ เปล่าค่ะ พอดีฉันแปลกใจที่คุณเป็นลูกครึ่งค่ะ” เดือนรพีตอบไปแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะเธอเริ่มรู้สึกว่าเฉินซีเป็นคนตรงไปตรงมาดีมาก คงไม่มีเหลี่ยมจัดหรอกนะ ดูเขาก็สุภาพดี แต่อย่างไรเดือนรพีก็เตือนตัวเองไว้เสมอว่า ห้ามไว้ใจผู้ชาย กลัวพลาดท่าอย่างเดียวเพราะเดือนรพีเธอเคยอกหักมาแล้วครั้งหนึ่ง จากผู้ชายที่ดูดี รูปหล่อ สุภาพ ทำงานดี ฐานะดี ดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียวมีแฟนก่อนหน้าเดือนรพีแล้ว เพราะนั้นห้ามตกหลุมรักใครก่อนเด็ดขาด เดือนรพีเตือนตัวเองเสมอ
เดือนรพีวางแผนเที่ยวกับเฉินซี ว่าจะใช้เวลา 1 เดือนไปเที่ยวที่ไหนบ้างในประเทศไทย เฉินซีบอกว่าเขาอยากไปทุกภาคของประเทศไทย ให้เดือนรพีวางแผนหาจังหวัดที่น่าท่องเที่ยว การเดินทางให้เดินทางโดยเครื่องบินถ้าไปไกลมาก เพราะเขาต้องการมีเวลาท่องเที่ยวในประเทศไทยให้มากที่สุด
“ตกลงเราไปท่องเที่ยวทุกภาคของเมืองไทยนะค่ะ เดี๋ยวฉันจะทำแผนมาให้ตัดสินใจเลือกว่าจะเลือกแผนเอ หรือแผนบีนะค่ะ” เฉินซีตอบตกลงให้เดือนรพีทำมาให้เลือกก่อนที่จะเดินทางท่องเที่ยวไปด้วยกัน
คืนนั้นเดือนรพีวางแผนโปรแกรมท่องเที่ยวทั้งคืน ตอนเช้ามาเธอมาพบกับเฉินซีที่โรงแรมพร้อมเสนอแผนท่องเที่ยวให้เขาเลือก เฉินซีเลือกเที่ยวภาคใต้ก่อน ช่วงที่เขามาเป็นช่วงฤดูหนาวของเมืองไทย เขาคงเบื่อความหนาวเย็นที่ประเทศจีน คงอยากมาเจออากาศสบายๆบ้าง
หลังจากจองตั๋วเครื่องบินได้เรียบร้อย เราก็นัดแนะกันเดินทางท่องเที่ยวทะเลใต้ เป้าหมายคือภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง
กระเป๋าของเขามีมาใบเดียว เป็นเป้สะพายหลังใบไม่ใหญ่มาก แสดงว่าเขาคงเป็นคนง่ายๆ สบายๆ กะใส่เสื้อผ้าซ้ำแล้วซ้ำอีก หรือไม่ก็ไปซื้อเอาข้างหน้า ท่าทางทะมัดทะแมงของเขาชี้ให้เห็นว่าเขาคงชอบเที่ยวมาก เขาเตรียมการมาดี มีหนังสือเที่ยวทั่วไทยอย่างสบายๆ ในใจเขาอยากเที่ยวตามที่เดือนรพีวางโปรแกรมให้หรือเปล่านะ เธอเสนอไปเขาก็เลือกทันที ไม่รู้ว่าใจตรงกับที่เดือนรพีวางโปรแกรมให้หรือไม่
ฟ้ามิอาจกั้น...รักสองเรา (ตอน 1)
เดือนรพีก้าวขาเข้าไปในบริษัททัวร์สุริยา ซึ่งเป็นบริษัททัวร์ขนาดปานกลาง ราคาทัวร์เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวในทุกระดับ ทุกชนชั้นที่รักการท่องเที่ยว เธอต้องสะดุ้งเมื่อหัวหน้าทัวร์จันทร์แก้ว สาวใหญ่โสดสนิท บุคลิกตรงข้ามกับเดือนรพี ท่าทางเธอเข้มงวด สวยเริ่ดเฉิดหยิ่ง ครบสูตรของเธอหละจันทร์แก้ว สาวสมัยใหม่เหมาะกับอาชีพทัวร์
“ เดือน..วันนี้เธอว่างใช่ไหม เห็นว่าลาพักร้อน 3 วัน”
“ ใช่จ้าพี่จันทร์ เดือนลาพักร้อน 3 วันจ้า วันนี้วันแรกค่ะ พี่จันทร์มีอะไรเหรอค่ะ“
“ มีแขกชาวจีนติดต่อมาว่าขอไกด์ประเภทพาเที่ยวคนเดียว” เดือนรพีใจอยากจะบอกปัดไปแต่ก็เกรงใจหัวหน้าทัวร์จันทร์แก้วมาก เพราะหัวหน้าทัวร์คนนี้เป็นคนรับเธอเข้าทำงาน และคอยดูแลเธอ คอยแนะนำและให้ความช่วยเหลือเธอมาตลอด 2 ปี
“ เป็นชาวจีนมาจากเมืองปักกิ่ง เป็นชาย มาเที่ยวเดือนหนึ่ง ว่าไงเดือน โอเคไหม พอรับได้เปล่าจ้า” จันทร์แก้วบอกข้อมูลของนักท่องเที่ยวชาวจีนให้เดือนรพีเป็นข้อมูลพื้นฐานก่อน
“ทำไมไม่ให้ชาติชายไปแทนละค่ะ เป็นผู้ชายด้วยกัน พาเที่ยวสะดวกดีค่ะ” เดือนรพีแนะนำเพื่อบอกปัดให้พ้นตัว
“ตอนนี้ไม่มีใครว่างเลยจ้าเดือน ทุกคนมีงานหมดเลย พอดีเลยนะ หนุ่มจีนคนนี้เขาล็อคสเป็คมาว่าขอเป็นไกด์หญิงจ้า” อย่างนี้ก็มีด้วย เขาจะมาเที่ยวหรือว่าจะมาทำอะไรกันแน่ เดือนรพีรู้สึกไม่พอใจ นักท่องเที่ยวชาวจีนคนนี้ สงสัยจะเหลี่ยมจัด ต้องระวังให้มากเลยแบบนี้
เดือนรพีจำยอมรับทำหน้าที่ไกด์พาชาวจีนเที่ยว เพราะตอนนี้ต้องการพักผ่อน ถึงแม้จะไม่ได้พัก แต่หัวหน้าทัวร์จันทร์แก้วบอกว่า ทริปนี้เขาขอให้พาเที่ยว 1 เดือน พร้อมเสนอรายได้ราคางาม แถมออกค่าห้องพักให้นอนคนละห้อง และเลี้ยงอาหารไกด์ทุกมื้อ โดยไม่รวมกับค่าจ้างพาเที่ยว ข้อเสนอน่าสนใจมาก เดือนรพีรับข้อเสนอทันที เพราะไม่มีไกด์คนอื่นเหลืออยู่แล้ว ฮ่าๆๆๆ เหมือนได้เที่ยวไปด้วย เดือนรพียิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เดือนรพีไปรอรับนักท่องเที่ยวชาวจีนชื่อเฉินซี ที่ทางออกด้วยใจจดจ่อ เดือนรพีอยากเห็นว่านายเฉินซีจะหน้าตาเป็นอย่างไร อ้วน ผอม สูง ต่ำ ดำ ขาว จะเป็นประเภทอาแปะจอมโหด หรือใจดี เธอลุ้นรออยู่
ป้ายชื่อ “ เฉินซี” โบกไปมา เดือนรพีมองไปที่นักท่องเที่ยวชาวจีน เดินออกมากันเป็นแถว ไม่เห็นมีคนแก่เลยซักคน มีแต่คนหนุ่มสาว แต่งตัวตามสบาย สดใสน่ารัก หนุ่มๆก็ดูขาวสะอาดสะอ้านหน้าตาเกลี้ยงเกลา น่าจะอยู่ในกลุ่มนี้แหละ เดือนรพียกป้ายชื่ออย่างตั้งใจแต่ไม่เห็นมีใครหันมามองเธอเลย
เธอพยายามโบกป้ายชื่อและป้ายชื่อทัวร์ แต่ก็ไม่เป็นผล นักท่องเที่ยวเดินไปหาทัวร์อื่นหมด เวลาผ่านไป 20 นาที ต้องรอจนกว่าจะหมดทุกคน เพราะไกด์ต้องดูแลและพยายามติดต่อนักท่องเที่ยวให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาตามมา นักท่องเที่ยวไม่เห็นไกด์แล้วจะทำให้พวกเขาตกใจเมื่อไม่เห็นไกด์ ในต่างแดนต้องดูแลพวกเขาให้ดีที่สุด เป็นหัวใจสำคัญของไกด์
เดือนรพีเข้าไปสอบถามพนักงานที่ตรวจสอบนักท่องเที่ยวทางตรวจคนเข้าเมือง เขาบอกนักท่องเที่ยวออกมาหมดแล้ว เธอเดินเข้าไปดูทุกที่ในสนามบิน ไม่ปรากฏเงาของนักท่องเที่ยวจีนคนนั้น เธอโทรหาหัวหน้าทัวร์จันทร์แก้วทันที เพราะเวลาล่วงเลยมาครึ่งชั่วโมงแล้ว
“ พี่จันทร์ค่ะ นักท่องเที่ยวจีนไม่มาค่ะ ตามหาจนทั่วแล้วค่ะ ไม่เห็นเลยค่ะ”
“ นายเฉินซี เพิ่งโทรเข้ามาหาพี่เมื่อกี้ เขาบอกไม่เห็นไกด์นะ เธอไปรอผิดที่หรือเปล่า เขาบอกเขาออกมานานแล้ว “ จันทร์แก้วรู้สึกเป็นห่วงไกด์ชาวจีนมาก
“ เดือนมาถูกนะค่ะ แต่ไม่เห็นเขาเลยค่ะ ทำไงดีค่ะ พี่จันทร์ขอเบอร์เขาด้วยค่ะ” เดือนรพีเริ่มรู้สึกว่านักท่องเที่ยวคนนี้จะบ้าหรือไง ป้ายก็โบกและโชว์ให้ชัดเจนอยู่แล้ว ความรู้สึกของเดือนรพี เริ่มมีอคติกับชาวจีนคนนี้ ตาแก่เงอะงะหรือเปล่า สายตาสั้นมากขนาดไม่เห็นป้ายเลยหรือไงเนี่ย ตัวหนังสือก็เขียนซะโตแล้ว ต้องมีอะไรผิดปกติแน่เลย
ได้เบอร์โทรเดือนรพีรีบโทรติดต่อนักท่องเที่ยวด่วน เธอส่งเสียงเจื้อยแจ้วเป็นภาษาจีนกลางตามที่เธอถนัด แต่เสียงที่ตอบมาไม่ใช่ภาษาจีน แต่เป็นภาษาอังกฤษ
“ ขอโทษค่ะ คุณชื่ออะไรค่ะ ใช่นายเฉินซีหรือเปล่าค่ะ ฉันเป็นไกด์ชื่อเดือนรพี จากบริษัททัวร์สุริยาค่ะ ฉันตามหาคุณอยู่ค่ะ คุณอยู่ตรงไหนของสนามบินค่ะ” เดือนรพีต้องพูดเป็นภาษาอังกฤษแทนภาษาจีน
“ใช่ครับ..ผมเฉินซีครับ ผมไม่เห็นคุณตอนที่ลงมา ผมอ่านหนังสือจีนไม่ออกครับ ผมเลยไม่รู้ว่าคุณเป็นคนไหน ตอนนี้ผมรออยู่ที่ร้านอาหารไทย ชั้น 3 ของสนามบินครับ” เขารีบบอกว่าเขาอ่านหนังสือจีนไม่ได้ นี่คงเป็นเหตุผลที่ไม่เจอกัน
“โอเคค่ะ เดี๋ยวฉันไปหาคุณที่ร้านอาหารไทยค่ะ รออยู่ที่นั่นนะค่ะ” เดือนรพีรีบเดินก้าวยาวออกไปตามหานักท่องเที่ยวชาวจีนทันที ก่อนที่จะหากันไม่เจอ
ไปถึงเดือนรพีก็ตรงไปที่อาแปะที่กำลังนั่งกินอาหารอยู่ข้างนอกของร้านอาหารไทย
“ สวัสดีค่ะ เราเจอกันแล้วนะค่ะ ยินดีต้อนรับสู่เมืองไทยค่ะ” เธอกล่าวพร้อมส่งยิ้มหวานให้เพื่อเอาใจนักท่องเที่ยวชาวจีนคนนั้น อาแปะตกใจพร้อมพูดเป็นภาษาไทยออกมา
“ คุณพูดอะไรครับ ผมฟังไม่รู้เรื่อง ผมเป็นคนไทยครับ ไม่ใช่คนฝรั่งนะครับ”
“ ขอโทษค่ะ ดิฉันคิดว่าลุงเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนที่กำลังตามหาค่ะ” เดือนรพีชะงักเล็กน้อย เพราะทักผิดคนซะแล้ว วันนี้พลาดทั้งวัน จนป่านนี้แล้วครึ่งวันเข้าไปหละยังไม่เจอนักท่องเที่ยวชาวจีนคนนั้นเลย เธอมองเข้าไปในร้าน เอาป้ายออกมาและเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ยกขึ้นมา และมองหาทั่วทั้งร้านอาหารไทย ถ้าไม่เจอก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรหละ
เธอมองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งหนวดเครารุงรัง ผมยาวเป็นกระเซิง มองมาทางเธอ เขายกมือขึ้นและโบกมือไปมา
“ ผมอยู่นี่ครับเฉินซี” เขาแนะนำตัวเอง และยิ้มพร้อมขำที่เห็นเดือนรพีทำท่าย่องๆและค่อยๆยกป้ายขึ้นมา
โอ้แม่เจ้าพระคุณ...ดูไม่ออกเลยว่าเป็นคนจีน อ่านภาษาจีนก็ไม่ได้ งงมากจ้า เดือนรพีมองเฉินซีด้วยความแปลกประหลาดปนหงุดหงิด ตามหากันเกือบ 3 ชั่วโมง เป็นความประทับใจสุดๆที่เดือนรพีเคยเจอมา แต่เธอก็พยายามเก็บความรู้สึกหงุดหงิดเอาไว้ เพราะลูกทัวร์คือพระเจ้าของบริษัททัวร์
เฉินซียิ้มหวานให้เดือนรพี เพราะเข้าใจความรู้สึกของเธอที่ตามหาเขามานานกว่าจะเจอ แต่เขาก็พยายามอธิบายเรื่องที่เดือนรพีสงสัยในตัวเขา เพื่อจะได้ช่วยให้เดือนรพีผ่อนคลายจากความหงุดหงิดลงบ้าง
“ ผมเป็นลูกครึ่งจีนออสซี่ครับ ผมเลยพูดภาษาจีนไม่ได้ เพราะเพิ่งไปอยู่ที่จีนได้ 3 เดือนครับ ก่อนหน้านี้ผมอาศัยอยู่กับแม่ที่ออสเตรเลียครับ” เขาพูดไปรีบกินข้าวไป เดือนรพีนั่งรอเขากินข้าว และฟังเรื่องราวของเขา ดูแล้วรกรุงรังไปทั้งหน้า เห็นแล้วน่ารำคาญมาก คนอะไรไว้หนวดเคราผมรกรุงรังมาก แต่ดีที่ไม่ใช่อาแปะ เป็นหนุ่มดูรวมๆรูปร่างดีสูงหนา ทำตัวสบายๆ คงไม่เรื่องเยอะเท่าไหร่หรอก เดือนรพีปลอบใจตัวเอง เพราะต้องอยู่ด้วยกันเป็นเดือน
เขาหยิบยางรัดผมที่รกรุงรังของเขา พอหัดหน้ามาทางเดือนรพี อุ๊ย..พอมัดผมที่ยาวไม่เป็นทรงแล้วดูดีขึ้น เดือนรพีสังเกตหน้าตาเขาเป็นลูกครึ่งจริงๆ หน้าเป็นฝรั่งแต่ปนด้วยจีน หน้าตาดูดีชวนมองมาก
เฉินซีสะกิดเดือนรพีที่ตกพะวังมองหน้าเขา แบบไม่ได้ตั้งใจ เดือนรพีตกใจเล็กน้อยที่เผลอมองความหล่อเหลาบนใบหน้าเขา เฉินซียิ้มแบบอายๆที่เดือนรพีมองเขาแบบนั้น
“หน้าผมมีอะไรผิดปกติเหรอครับ คุณจึงมองแบบนั้น” เฉินซีถามเดือนรพีแบบตรงๆ
“ เปล่าค่ะ พอดีฉันแปลกใจที่คุณเป็นลูกครึ่งค่ะ” เดือนรพีตอบไปแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะเธอเริ่มรู้สึกว่าเฉินซีเป็นคนตรงไปตรงมาดีมาก คงไม่มีเหลี่ยมจัดหรอกนะ ดูเขาก็สุภาพดี แต่อย่างไรเดือนรพีก็เตือนตัวเองไว้เสมอว่า ห้ามไว้ใจผู้ชาย กลัวพลาดท่าอย่างเดียวเพราะเดือนรพีเธอเคยอกหักมาแล้วครั้งหนึ่ง จากผู้ชายที่ดูดี รูปหล่อ สุภาพ ทำงานดี ฐานะดี ดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียวมีแฟนก่อนหน้าเดือนรพีแล้ว เพราะนั้นห้ามตกหลุมรักใครก่อนเด็ดขาด เดือนรพีเตือนตัวเองเสมอ
เดือนรพีวางแผนเที่ยวกับเฉินซี ว่าจะใช้เวลา 1 เดือนไปเที่ยวที่ไหนบ้างในประเทศไทย เฉินซีบอกว่าเขาอยากไปทุกภาคของประเทศไทย ให้เดือนรพีวางแผนหาจังหวัดที่น่าท่องเที่ยว การเดินทางให้เดินทางโดยเครื่องบินถ้าไปไกลมาก เพราะเขาต้องการมีเวลาท่องเที่ยวในประเทศไทยให้มากที่สุด
“ตกลงเราไปท่องเที่ยวทุกภาคของเมืองไทยนะค่ะ เดี๋ยวฉันจะทำแผนมาให้ตัดสินใจเลือกว่าจะเลือกแผนเอ หรือแผนบีนะค่ะ” เฉินซีตอบตกลงให้เดือนรพีทำมาให้เลือกก่อนที่จะเดินทางท่องเที่ยวไปด้วยกัน
คืนนั้นเดือนรพีวางแผนโปรแกรมท่องเที่ยวทั้งคืน ตอนเช้ามาเธอมาพบกับเฉินซีที่โรงแรมพร้อมเสนอแผนท่องเที่ยวให้เขาเลือก เฉินซีเลือกเที่ยวภาคใต้ก่อน ช่วงที่เขามาเป็นช่วงฤดูหนาวของเมืองไทย เขาคงเบื่อความหนาวเย็นที่ประเทศจีน คงอยากมาเจออากาศสบายๆบ้าง
หลังจากจองตั๋วเครื่องบินได้เรียบร้อย เราก็นัดแนะกันเดินทางท่องเที่ยวทะเลใต้ เป้าหมายคือภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง
กระเป๋าของเขามีมาใบเดียว เป็นเป้สะพายหลังใบไม่ใหญ่มาก แสดงว่าเขาคงเป็นคนง่ายๆ สบายๆ กะใส่เสื้อผ้าซ้ำแล้วซ้ำอีก หรือไม่ก็ไปซื้อเอาข้างหน้า ท่าทางทะมัดทะแมงของเขาชี้ให้เห็นว่าเขาคงชอบเที่ยวมาก เขาเตรียมการมาดี มีหนังสือเที่ยวทั่วไทยอย่างสบายๆ ในใจเขาอยากเที่ยวตามที่เดือนรพีวางโปรแกรมให้หรือเปล่านะ เธอเสนอไปเขาก็เลือกทันที ไม่รู้ว่าใจตรงกับที่เดือนรพีวางโปรแกรมให้หรือไม่