ฟ้ามิอาจกั้น...รักสองเรา (ตอน 1)

กระทู้สนทนา
อากาศเช้านี้สดใสเป็นพิเศษ  เย็นสบาย  ลมโชย  ท้องฟ้าโปร่ง  สีฟ้าสวยงามมาก  จะไม่ให้สดชื่นได้ไงหละก็เป็นวันหยุดยาวของเดือนรพี  นานๆทีเธอจะได้หยุดพักร้อน  ไกด์สาวที่ท่าทางสบายๆ  แต่กระฉับกระเฉง  เธอพูดไม่มากแต่ยิ้มเก่ง  มีเรื่องอะไรจะยิ้มตลอดไม่ว่าจะทำผิดพลาดหรือคาดการณ์ไม่ถูก  เธอจะยิ้มเสมอ  เพราะเธอคิดว่าถ้ายิ้มแล้วจะทำให้คนที่กำลังโกรธจะอารมณ์ดีและหายโกรธเธอได้
                    เดือนรพีก้าวขาเข้าไปในบริษัททัวร์สุริยา  ซึ่งเป็นบริษัททัวร์ขนาดปานกลาง  ราคาทัวร์เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวในทุกระดับ  ทุกชนชั้นที่รักการท่องเที่ยว  เธอต้องสะดุ้งเมื่อหัวหน้าทัวร์จันทร์แก้ว  สาวใหญ่โสดสนิท  บุคลิกตรงข้ามกับเดือนรพี  ท่าทางเธอเข้มงวด สวยเริ่ดเฉิดหยิ่ง  ครบสูตรของเธอหละจันทร์แก้ว สาวสมัยใหม่เหมาะกับอาชีพทัวร์
                   “ เดือน..วันนี้เธอว่างใช่ไหม  เห็นว่าลาพักร้อน 3 วัน” 

                   “ ใช่จ้าพี่จันทร์  เดือนลาพักร้อน 3 วันจ้า  วันนี้วันแรกค่ะ พี่จันทร์มีอะไรเหรอค่ะ“  

                   “ มีแขกชาวจีนติดต่อมาว่าขอไกด์ประเภทพาเที่ยวคนเดียว”  เดือนรพีใจอยากจะบอกปัดไปแต่ก็เกรงใจหัวหน้าทัวร์จันทร์แก้วมาก  เพราะหัวหน้าทัวร์คนนี้เป็นคนรับเธอเข้าทำงาน  และคอยดูแลเธอ  คอยแนะนำและให้ความช่วยเหลือเธอมาตลอด 2 ปี  

                   “ เป็นชาวจีนมาจากเมืองปักกิ่ง  เป็นชาย  มาเที่ยวเดือนหนึ่ง  ว่าไงเดือน  โอเคไหม พอรับได้เปล่าจ้า” จันทร์แก้วบอกข้อมูลของนักท่องเที่ยวชาวจีนให้เดือนรพีเป็นข้อมูลพื้นฐานก่อน

                   “ทำไมไม่ให้ชาติชายไปแทนละค่ะ  เป็นผู้ชายด้วยกัน  พาเที่ยวสะดวกดีค่ะ”  เดือนรพีแนะนำเพื่อบอกปัดให้พ้นตัว

                    “ตอนนี้ไม่มีใครว่างเลยจ้าเดือน  ทุกคนมีงานหมดเลย  พอดีเลยนะ  หนุ่มจีนคนนี้เขาล็อคสเป็คมาว่าขอเป็นไกด์หญิงจ้า”  อย่างนี้ก็มีด้วย  เขาจะมาเที่ยวหรือว่าจะมาทำอะไรกันแน่  เดือนรพีรู้สึกไม่พอใจ  นักท่องเที่ยวชาวจีนคนนี้  สงสัยจะเหลี่ยมจัด  ต้องระวังให้มากเลยแบบนี้  

                  เดือนรพีจำยอมรับทำหน้าที่ไกด์พาชาวจีนเที่ยว  เพราะตอนนี้ต้องการพักผ่อน  ถึงแม้จะไม่ได้พัก  แต่หัวหน้าทัวร์จันทร์แก้วบอกว่า  ทริปนี้เขาขอให้พาเที่ยว  1 เดือน  พร้อมเสนอรายได้ราคางาม  แถมออกค่าห้องพักให้นอนคนละห้อง  และเลี้ยงอาหารไกด์ทุกมื้อ  โดยไม่รวมกับค่าจ้างพาเที่ยว  ข้อเสนอน่าสนใจมาก  เดือนรพีรับข้อเสนอทันที  เพราะไม่มีไกด์คนอื่นเหลืออยู่แล้ว  ฮ่าๆๆๆ  เหมือนได้เที่ยวไปด้วย  เดือนรพียิ้มออกมาอย่างมีความสุข
                  ที่สนามบินสุวรรณภูมิ  เดือนรพีไปรอรับนักท่องเที่ยวชาวจีนชื่อเฉินซี  ที่ทางออกด้วยใจจดจ่อ  เดือนรพีอยากเห็นว่านายเฉินซีจะหน้าตาเป็นอย่างไร  อ้วน  ผอม  สูง  ต่ำ  ดำ  ขาว  จะเป็นประเภทอาแปะจอมโหด  หรือใจดี  เธอลุ้นรออยู่  
                  ป้ายชื่อ “ เฉินซี” โบกไปมา  เดือนรพีมองไปที่นักท่องเที่ยวชาวจีน  เดินออกมากันเป็นแถว  ไม่เห็นมีคนแก่เลยซักคน  มีแต่คนหนุ่มสาว  แต่งตัวตามสบาย  สดใสน่ารัก  หนุ่มๆก็ดูขาวสะอาดสะอ้านหน้าตาเกลี้ยงเกลา  น่าจะอยู่ในกลุ่มนี้แหละ  เดือนรพียกป้ายชื่ออย่างตั้งใจแต่ไม่เห็นมีใครหันมามองเธอเลย  
                 เธอพยายามโบกป้ายชื่อและป้ายชื่อทัวร์  แต่ก็ไม่เป็นผล  นักท่องเที่ยวเดินไปหาทัวร์อื่นหมด  เวลาผ่านไป  20 นาที  ต้องรอจนกว่าจะหมดทุกคน  เพราะไกด์ต้องดูแลและพยายามติดต่อนักท่องเที่ยวให้ได้  ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาตามมา  นักท่องเที่ยวไม่เห็นไกด์แล้วจะทำให้พวกเขาตกใจเมื่อไม่เห็นไกด์  ในต่างแดนต้องดูแลพวกเขาให้ดีที่สุด  เป็นหัวใจสำคัญของไกด์
                เดือนรพีเข้าไปสอบถามพนักงานที่ตรวจสอบนักท่องเที่ยวทางตรวจคนเข้าเมือง  เขาบอกนักท่องเที่ยวออกมาหมดแล้ว  เธอเดินเข้าไปดูทุกที่ในสนามบิน  ไม่ปรากฏเงาของนักท่องเที่ยวจีนคนนั้น  เธอโทรหาหัวหน้าทัวร์จันทร์แก้วทันที  เพราะเวลาล่วงเลยมาครึ่งชั่วโมงแล้ว  

               “ พี่จันทร์ค่ะ  นักท่องเที่ยวจีนไม่มาค่ะ  ตามหาจนทั่วแล้วค่ะ ไม่เห็นเลยค่ะ”

               “ นายเฉินซี  เพิ่งโทรเข้ามาหาพี่เมื่อกี้  เขาบอกไม่เห็นไกด์นะ  เธอไปรอผิดที่หรือเปล่า  เขาบอกเขาออกมานานแล้ว “ จันทร์แก้วรู้สึกเป็นห่วงไกด์ชาวจีนมาก

               “ เดือนมาถูกนะค่ะ  แต่ไม่เห็นเขาเลยค่ะ  ทำไงดีค่ะ  พี่จันทร์ขอเบอร์เขาด้วยค่ะ”  เดือนรพีเริ่มรู้สึกว่านักท่องเที่ยวคนนี้จะบ้าหรือไง  ป้ายก็โบกและโชว์ให้ชัดเจนอยู่แล้ว  ความรู้สึกของเดือนรพี  เริ่มมีอคติกับชาวจีนคนนี้  ตาแก่เงอะงะหรือเปล่า  สายตาสั้นมากขนาดไม่เห็นป้ายเลยหรือไงเนี่ย  ตัวหนังสือก็เขียนซะโตแล้ว  ต้องมีอะไรผิดปกติแน่เลย
              ได้เบอร์โทรเดือนรพีรีบโทรติดต่อนักท่องเที่ยวด่วน  เธอส่งเสียงเจื้อยแจ้วเป็นภาษาจีนกลางตามที่เธอถนัด  แต่เสียงที่ตอบมาไม่ใช่ภาษาจีน  แต่เป็นภาษาอังกฤษ

             “ ขอโทษค่ะ  คุณชื่ออะไรค่ะ  ใช่นายเฉินซีหรือเปล่าค่ะ  ฉันเป็นไกด์ชื่อเดือนรพี  จากบริษัททัวร์สุริยาค่ะ  ฉันตามหาคุณอยู่ค่ะ  คุณอยู่ตรงไหนของสนามบินค่ะ”  เดือนรพีต้องพูดเป็นภาษาอังกฤษแทนภาษาจีน

             “ใช่ครับ..ผมเฉินซีครับ  ผมไม่เห็นคุณตอนที่ลงมา  ผมอ่านหนังสือจีนไม่ออกครับ  ผมเลยไม่รู้ว่าคุณเป็นคนไหน  ตอนนี้ผมรออยู่ที่ร้านอาหารไทย  ชั้น 3 ของสนามบินครับ” เขารีบบอกว่าเขาอ่านหนังสือจีนไม่ได้  นี่คงเป็นเหตุผลที่ไม่เจอกัน

             “โอเคค่ะ  เดี๋ยวฉันไปหาคุณที่ร้านอาหารไทยค่ะ  รออยู่ที่นั่นนะค่ะ”  เดือนรพีรีบเดินก้าวยาวออกไปตามหานักท่องเที่ยวชาวจีนทันที  ก่อนที่จะหากันไม่เจอ
             ไปถึงเดือนรพีก็ตรงไปที่อาแปะที่กำลังนั่งกินอาหารอยู่ข้างนอกของร้านอาหารไทย  

             “ สวัสดีค่ะ  เราเจอกันแล้วนะค่ะ  ยินดีต้อนรับสู่เมืองไทยค่ะ” เธอกล่าวพร้อมส่งยิ้มหวานให้เพื่อเอาใจนักท่องเที่ยวชาวจีนคนนั้น  อาแปะตกใจพร้อมพูดเป็นภาษาไทยออกมา

             “ คุณพูดอะไรครับ  ผมฟังไม่รู้เรื่อง  ผมเป็นคนไทยครับ  ไม่ใช่คนฝรั่งนะครับ”

             “ ขอโทษค่ะ  ดิฉันคิดว่าลุงเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนที่กำลังตามหาค่ะ”  เดือนรพีชะงักเล็กน้อย  เพราะทักผิดคนซะแล้ว  วันนี้พลาดทั้งวัน  จนป่านนี้แล้วครึ่งวันเข้าไปหละยังไม่เจอนักท่องเที่ยวชาวจีนคนนั้นเลย  เธอมองเข้าไปในร้าน  เอาป้ายออกมาและเขียนเป็นภาษาอังกฤษ  ยกขึ้นมา  และมองหาทั่วทั้งร้านอาหารไทย  ถ้าไม่เจอก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรหละ
             เธอมองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งหนวดเครารุงรัง  ผมยาวเป็นกระเซิง  มองมาทางเธอ  เขายกมือขึ้นและโบกมือไปมา  

             “ ผมอยู่นี่ครับเฉินซี”  เขาแนะนำตัวเอง  และยิ้มพร้อมขำที่เห็นเดือนรพีทำท่าย่องๆและค่อยๆยกป้ายขึ้นมา  
             โอ้แม่เจ้าพระคุณ...ดูไม่ออกเลยว่าเป็นคนจีน  อ่านภาษาจีนก็ไม่ได้  งงมากจ้า  เดือนรพีมองเฉินซีด้วยความแปลกประหลาดปนหงุดหงิด  ตามหากันเกือบ 3 ชั่วโมง  เป็นความประทับใจสุดๆที่เดือนรพีเคยเจอมา  แต่เธอก็พยายามเก็บความรู้สึกหงุดหงิดเอาไว้  เพราะลูกทัวร์คือพระเจ้าของบริษัททัวร์
             เฉินซียิ้มหวานให้เดือนรพี  เพราะเข้าใจความรู้สึกของเธอที่ตามหาเขามานานกว่าจะเจอ  แต่เขาก็พยายามอธิบายเรื่องที่เดือนรพีสงสัยในตัวเขา  เพื่อจะได้ช่วยให้เดือนรพีผ่อนคลายจากความหงุดหงิดลงบ้าง

             “ ผมเป็นลูกครึ่งจีนออสซี่ครับ  ผมเลยพูดภาษาจีนไม่ได้ เพราะเพิ่งไปอยู่ที่จีนได้ 3 เดือนครับ  ก่อนหน้านี้ผมอาศัยอยู่กับแม่ที่ออสเตรเลียครับ”  เขาพูดไปรีบกินข้าวไป  เดือนรพีนั่งรอเขากินข้าว  และฟังเรื่องราวของเขา  ดูแล้วรกรุงรังไปทั้งหน้า  เห็นแล้วน่ารำคาญมาก  คนอะไรไว้หนวดเคราผมรกรุงรังมาก  แต่ดีที่ไม่ใช่อาแปะ  เป็นหนุ่มดูรวมๆรูปร่างดีสูงหนา ทำตัวสบายๆ  คงไม่เรื่องเยอะเท่าไหร่หรอก  เดือนรพีปลอบใจตัวเอง  เพราะต้องอยู่ด้วยกันเป็นเดือน
             เขาหยิบยางรัดผมที่รกรุงรังของเขา  พอหัดหน้ามาทางเดือนรพี  อุ๊ย..พอมัดผมที่ยาวไม่เป็นทรงแล้วดูดีขึ้น  เดือนรพีสังเกตหน้าตาเขาเป็นลูกครึ่งจริงๆ  หน้าเป็นฝรั่งแต่ปนด้วยจีน  หน้าตาดูดีชวนมองมาก
             เฉินซีสะกิดเดือนรพีที่ตกพะวังมองหน้าเขา  แบบไม่ได้ตั้งใจ  เดือนรพีตกใจเล็กน้อยที่เผลอมองความหล่อเหลาบนใบหน้าเขา  เฉินซียิ้มแบบอายๆที่เดือนรพีมองเขาแบบนั้น
             “หน้าผมมีอะไรผิดปกติเหรอครับ  คุณจึงมองแบบนั้น” เฉินซีถามเดือนรพีแบบตรงๆ

             “ เปล่าค่ะ  พอดีฉันแปลกใจที่คุณเป็นลูกครึ่งค่ะ” เดือนรพีตอบไปแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก  เพราะเธอเริ่มรู้สึกว่าเฉินซีเป็นคนตรงไปตรงมาดีมาก  คงไม่มีเหลี่ยมจัดหรอกนะ  ดูเขาก็สุภาพดี  แต่อย่างไรเดือนรพีก็เตือนตัวเองไว้เสมอว่า  ห้ามไว้ใจผู้ชาย  กลัวพลาดท่าอย่างเดียวเพราะเดือนรพีเธอเคยอกหักมาแล้วครั้งหนึ่ง  จากผู้ชายที่ดูดี  รูปหล่อ สุภาพ  ทำงานดี  ฐานะดี  ดีทุกอย่าง  เสียอย่างเดียวมีแฟนก่อนหน้าเดือนรพีแล้ว  เพราะนั้นห้ามตกหลุมรักใครก่อนเด็ดขาด  เดือนรพีเตือนตัวเองเสมอ  
             เดือนรพีวางแผนเที่ยวกับเฉินซี  ว่าจะใช้เวลา 1 เดือนไปเที่ยวที่ไหนบ้างในประเทศไทย  เฉินซีบอกว่าเขาอยากไปทุกภาคของประเทศไทย  ให้เดือนรพีวางแผนหาจังหวัดที่น่าท่องเที่ยว  การเดินทางให้เดินทางโดยเครื่องบินถ้าไปไกลมาก  เพราะเขาต้องการมีเวลาท่องเที่ยวในประเทศไทยให้มากที่สุด
            “ตกลงเราไปท่องเที่ยวทุกภาคของเมืองไทยนะค่ะ  เดี๋ยวฉันจะทำแผนมาให้ตัดสินใจเลือกว่าจะเลือกแผนเอ หรือแผนบีนะค่ะ”  เฉินซีตอบตกลงให้เดือนรพีทำมาให้เลือกก่อนที่จะเดินทางท่องเที่ยวไปด้วยกัน

            คืนนั้นเดือนรพีวางแผนโปรแกรมท่องเที่ยวทั้งคืน  ตอนเช้ามาเธอมาพบกับเฉินซีที่โรงแรมพร้อมเสนอแผนท่องเที่ยวให้เขาเลือก  เฉินซีเลือกเที่ยวภาคใต้ก่อน  ช่วงที่เขามาเป็นช่วงฤดูหนาวของเมืองไทย  เขาคงเบื่อความหนาวเย็นที่ประเทศจีน  คงอยากมาเจออากาศสบายๆบ้าง
           หลังจากจองตั๋วเครื่องบินได้เรียบร้อย  เราก็นัดแนะกันเดินทางท่องเที่ยวทะเลใต้  เป้าหมายคือภูเก็ต  พังงา  กระบี่  และตรัง            
 กระเป๋าของเขามีมาใบเดียว  เป็นเป้สะพายหลังใบไม่ใหญ่มาก  แสดงว่าเขาคงเป็นคนง่ายๆ  สบายๆ  กะใส่เสื้อผ้าซ้ำแล้วซ้ำอีก  หรือไม่ก็ไปซื้อเอาข้างหน้า  ท่าทางทะมัดทะแมงของเขาชี้ให้เห็นว่าเขาคงชอบเที่ยวมาก  เขาเตรียมการมาดี  มีหนังสือเที่ยวทั่วไทยอย่างสบายๆ  ในใจเขาอยากเที่ยวตามที่เดือนรพีวางโปรแกรมให้หรือเปล่านะ  เธอเสนอไปเขาก็เลือกทันที  ไม่รู้ว่าใจตรงกับที่เดือนรพีวางโปรแกรมให้หรือไม่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่