ปี 2021 แล้ว ทำไมยังต้องมีสินสอด?

กระทู้คำถาม
จากกระทู้ล่าสุดเกี่ยวกับสินสอด ทำให้มีคำถามขึ้นมาว่าในยุคสมัยที่ผู้หญิงเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศ แต่ยังคงกดดันฝ่ายชายให้จ่ายค่าสินสอด มันขัดแย้งกับการเรียกร้องหรือเปล่า? ในหลายความคิดเห็นบอกว่าเป็นการ 'ดูเชิง' ฝ่ายชายว่ามีความพร้อมในการเลี้ยงดูรึไม่ ต้องบอกก่อนว่า จขกทคิดว่าเรื่องเงินเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งในการใช้ชีวิตคู่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด หากเป็นสมัยก่อนพอเข้าใจได้ที่ฝ่ายหญิงจะต้องกลายเป็นคนของตระกูลฝ่ายชายทันที จึงต้อง 'จ่าย' ค่าตัว แต่ในยุคที่ผญสามารถยินหยัดในสังคมได้ สามารถหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวได้ ใช้นามสกุลเดิมก็ได้ ทำไมยังต้องใช้ระบบแบบเก่าที่ปฎิบัติผญราวกับว่าเป็นสินค้า (ดีไม่ดีขายไม่ออกต้อง Sale) มันเป็นการเพิ่มคุณค่าหรือลดคุณค่าในความเป็นผญกันแน่คะ? ส่วนที่หลายคนบอกว่าเป็นค่าน้ำนมของแม่ฝ่ายหญิงก็ไม่ถูกต้องค่ะ ฝ่ายชายแม่เค้าก็ต้องคั้นจนหย่อนยานเหมือนกัน ไม่ได้แตกต่างกันเลย

ตั้งกระทู้ล่อ...มากๆ แต่อยากฟังความคิดเห็นของหลายๆคนค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 47
ขอบคุณทุกความคิดเห็นมากนะคะ เกินคาดมากที่วันเดียวมีคนคอมเมนต์มากขนาดนี้ ต้องบอกว่าก่อนตั้งกระทู้ก็เตรียมซดมาม่ารอ ที่จขกทตั้งกระทู้เรื่องสินสอดเพื่อถามความคิดเห็นคนอื่นๆค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่าจขกทไม่ได้อยู่ในสภาพสังคมแบบคนไทยสมัยเดิม เห็นคุณพ่อเป็นพ่อบ้าน เห็นคุณแม่ที่ทำงานเก่งและขยัน ทำให้บริบทที่ควรจะเป็นตามขนบธรรมเนียมประเพณีเปลี่ยนไป ตลอดชีวิตเกือบจะยี่สิบหกของจขกท. แม่ไม่เคยพูดคำว่าสินสอดให้ฟัง แม่ไม่ต้องการให้เราจดทะเบียนสมรส สำหรับจขกท.แล้วคำว่าสินสอดเพิ่งรู้จักมาได้แค่สิบกว่าปี ทำให้ไม่ค่อยได้เข้าใจบริบทนี้มากนัก แต่พออ่านความคิดเห็นของคนอื่นๆ ก็เข้าใจมากขึ้นค่ะ

ส่วนเรื่องปี จขกท.นั้นต้องการแค่เปรียบเปรยค่ะ
กว่า 89 ปี ที่ประเทศไทยให้ผู้หญิงมีสิทธิเลือกตั้ง
กว่า 41 ปี ที่ผู้หญิงคนแรกเป็นประธานาธิบดี
กว่า 61 ปี ที่ผู้หญิงคนแรกได้เป็นนายกรัฐมนตรี

จากทั้งหมดนี้ จขกท.แค่ออกความคิดเห็นว่า ในยุคที่ผู้หญิงก็มีความสามารถเป็นผู้นำได้เหมือนกัน ก็ควรจะมีจุดยืนที่หนักแน่นและไม่จำเป็นจะต้องให้ใครมาลดคุณค่าทางเพศสภาพของเราเองค่ะ สินสอดถึงแม้จะเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมของไทย แต่เป็นขนบธรรมเนียมที่ค่อนข้างดูถูกเพศสภาพและกำหนดบทบาททางสังคมอย่างมากในสังคมไทย ผู้ชายต้องมีหน้าที่หางาน และหาเงิน ส่วนผู้หญิงเลี้ยงลูก ทำงานบ้าน ทำให้ไม่แปลกที่ในข้อสอบจะยังคงไว้ซึ่งบริบทแบบเดิม ถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนไปมากเพียงใด ถึงแม้ว่าพ่อแม่ฝ่ายหญิงจะคืนทั้งหมดให้เป็นสินสมรส แต่สินสอดก็คือสินสอด เป็นตัวกำหนดบทบาทและหน้าที่ในสังคม

หากใครมีความคิดเห็นยังไง จขกท.พร้อมรับฟังค่ะ

ปล. จขกท.เป็น Bisexual ค่ะ มีโอกาสที่จะตกลงปลงใจแต่งงานกับแฟนปัจจุบันที่เป็นผญ.เพราฉะนั้นได้โปรดกรุณาไม่พูดถึงเรื่องจขกท.จะมีผู้ชายมาขอขันหมากนะคะ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ แม่จขกท.เองนั่นแหละค่ะที่จะเป็นคนไปกราบแทบเท้าฝ่ายชายเพราะลูกสาวขายออกแล้ว โดยไม่เรียกสินสอดสักบาท ดีไม่ดี ให้ซองเงินแทนใจกับอีกฝ่ายด้วยค่ะ 55555
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
ผมเคยถกเรื่องนี้ในกระทู้นึงเมื่อนานมาแล้วครับ เป็นกระทู้เชิงเรียกร้องสิทธิสตรีอะไรพวกนี้แหละ ว่าอยากให้ผู้หญิงเท่าเทียมผู้ชาย

ผมก็เลยไปแสดงความเห็นแนวว่า ถ้างั้นคุณยินดีจะเรียกร้องด้วยมั้ยว่าผู้ชายไม่ต้องลุกให้ผู้หญิงนั่งในรถไฟฟ้าก็ได้ ผู้ชายไม่ต้องจ่ายค่าสินสอดให้ผู้หญิงก็ได้ ผู้ชายไม่ต้องคอยดูแลเทคแคร์ผู้หญิงก็ได้ ผู้ชายไม่ต้องเลี้ยงข้าวผู้หญิงเวลาไปเดตกันก็ได้ ผู้ขายไม่ต้องยกของหนักแทนผู้หญิงก็ได้ ฯลฯ เพื่อให้ทั้งสองเพศเท่าเทียมกันจริงๆ

จขกท.นั้น ตอบกลับผมว่า สิ่งที่ผมยกตัวอย่างไปมันเป็นสิ่งที่ควรทำของคนที่เป็นสุภาพบุรุษ ส่วนเรื่องสินสอดมันเป็นเรื่องของประเพณีที่ผู้ชายควรให้ความมั่นใจแก่ครอบครัวฝ่ายหญิงว่าผู้ชายจะดูแลผู้หญิงได้ พร้อมกับเหน็บผมอีกหลายอย่าง แนวๆว่าผมคงไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลย ถึงดูไม่โอเคที่จะต้องทำอะไรแบบนั้น

พออ่านความคิดเห็นแนวนี้ผมถึงได้เข้าใจว่าผู้หญิงที่ชอบเรียกร้องความเท่าเทียมคือ อยากได้สิ่งที่เค้าเสียเปรียบอยู่ให้เท่ากับผู้ชาย แต่อะไรที่เค้าได้เปรียบ ก็คงไว้แบบนั้น ห้ามเปลี่ยนแปลง
เหมือนเค้าเรียกร้องความได้เปรียบ มากกว่าจะเรียกร้องให้เท่าเทียมจริงๆอ่ะครับ
ความคิดเห็นที่ 39
คำถามไม่ควรเป็นเรื่องสินสอด แต่ควรถามมากกว่าว่าปี 2021 แล้ว การศึกษาดีขึ้นแล้ว ทำไมยังมีผู้ชายกระจอกที่อยากมีเมีย แต่ไม่มีปัญญาสร้างความพร้อม

ปี 2021 แล้ว ทำไมยังมีผู้หญิงโหยหาความรักจนไม่สนใจความพร้อมใดๆ สักแต่อยากมีคนมารับเป็นภรรยา ทั้งที่ตัวเองก็ดูแลตัวเองได้ แต่ยังพร้อมจะโยนชีวิตทิ้งให้ผู้ชาย มองความรักมิติเดียว โลกสวย

ปี 2021 แล้ว ทำไมยังคิดไม่ได้กันอีก ว่าคนเราถ้าไม่พร้อมก็อย่าหาทำ

ปี 2021 แล้วแค่ใช้สมองเลือกเถอะค่ะ คุณผู้ชายก็อย่าไปเลือกดองกับสาวตระกูลยุงลาย (สูบเลือด) ผู้หญิงก็อย่าไปลดตัวเอาพวก loser หรือพวกขี้เหนียวเกินจริง แค่นี้ก็หมดปัญหา จะมีหรือไม่มีสินสอดน่ะไม่ใช่เรื่องหรอก ถ้าตามกระทู้สินสอดสองแสนนั่น หาเองก็ได้ป่ะเงินแค่ 2 แสน จะเอาผู้ชายไปทำไม

ส่วนตัวไม่สนใจความเท่าเทียมด้วยค่ะ ชอบความสมดุลย์มากกว่า ชอบผู้ชายที่พร้อมจับมือเดินไปสู่ความเจริญด้วยกัน มากกว่าพวกสัญญาพิสูจน์รักด้วยความลำบาก ถ้ามีคู่แล้วพากันง่อยก็อย่าไปมี ความมั่นคงเราสร้างเองได้เหอะ ถ้าผู้ชายทำเท่าเราไม่ได้ จะเอามาทำไมให้เกะกะบ้าน
ความคิดเห็นที่ 21
ความเห็นส่วนตัวเนาะ

ผู้หญิงแต่งเข้าบ้านผู้ชายนี่เมื่อก่อน มีแต่ธรรมเนียมจีนนะคะ ถ้าเป็นคนไทย คือผู้ชายเป็นเชื้อเจ้า มีวังนั่นล่ะ ถึงแต่งเข้าบ้านผู้ชาย
เช่น ท่านชายพจน์+ปริศนา อะไรงี้
หรืออีกกรณีคือผู้ชายรวยมากๆ อยู่เป็นครอบครัวใหญ่

ชาวบ้านชนชั้นกลางทั่วไป เค้าแต่งงานเข้าบ้านผู้หญิงนะคะ อย่างทางบ้านพ่อบ้านแม่เรา ทั้งคู่พื้นเพคนภาคกลาง เค้าก็เล่าว่าลูกชายไม่ได้สมบัติอะไรนะ หมายถึงบ้าน ที่นา ให้แต่ลูกสาว ส่วนผู้ชายใช้คำว่าไปกินสมบัติเมีย
ละจะไปมือเปล่าได้ไง ก็ต้องมีสินสอดไป ซึ่งก็จะเป็นพ่อแม่อีกนั่นล่ะ ที่เตรียมค่าสินสอดให้

ยกตัวอย่าง อาซา จากกรงกรรมนะคะ แต่งงานไปกินสมบัติบ้านผู้หญิง ละสาวคือลูกคนเดียว รวย สินสอดก็ต้องจัดเต็ม
เค้าถึงมีคำว่า ขนมสมน้ำยา คือจัดให้ตามฐานะ

ทีนี้คนที่บ้านไม่มีสมบัติอะไร เค้าก็ไม่กล้าเรียกสินสอดหรอกค่ะ เค้าถึงมีคำว่าถือพร้าเล่มเดียวมาก็พอ คือมาแต่ตัว มาช่วยทำไร่ทำนา

ทีนี้สมัยนี้ มันก็มีไงคนที่ไม่มีอะไรติดตัว แต่ที่บ้านก็ดันกล้าเรียกสินสอด ฝ่ายหญิงแบบนี้เรียกขายลูกกินค่ะ ซึ่งคนกลุ่มนี้ถ้าได้แฟนรวยก็โชคดีไป แต่ถ้าได้แฟนฐานะพอกัน ผู้ชายก็จะมาบ่นเรื่องสินสอดนี่ล่ะ

อย่างผู้หญิงที่มีมรดก มีสมบัติติดตัว แล้วเรียกสินสอด เราว่าเรื่องปกตินะคะ จะให้ผู้ชายมาแต่ตัวเปล่างี้เหรอ
ความคิดเห็นที่ 1
เราว่าเรื่องสินสอดมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนทั้งสองฝ่าย ควรจะพูดคุยเป็นกิจจะลักษณะให้ดีทั้งบ่าวสาวและระหว่างพ่อแม่ของสองฝ่าย ไม่งั้นเห็นเป็นปัญหาชีวิตมาเยอะแล้ว

เราว่าเรื่องสินสอดเรื่องจัดงานแต่งงานค่าใช้จ่าย ฝ่ายหญิงและชายควรจะช่วยกันเก็บช่วยกันออก ช่วยกันมีส่วนร่วมในทุกๆด้าน

เราไม่อยากได้สินสอดจากฝ่ายชาย แต่ฝ่ายชายต้องช่วยจ่ายช่วยออกโน้นนี้ ซื้อแหวนเพชรแต่งงานสวยๆให้เราด้วยเงินตัวฝ่ายชายเองล้วนๆแบบนี้

ฝ่ายชายไม่ต้องรวยฐานะดีแต่ต้องขยันและไม่งกงี่เง่ายินดีจ่ายแบบเต็มใจเต็มที่ แบบนี้เราก็ เครๆๆ นะ สินสอดอะไรไม่เอาเหรอกพ่อแม่เราขอแค่ให้ฝ่ายชายรักเราจริงดูแลเราดีๆพอล่ะ
ความคิดเห็นที่ 10
บางทีมันก็สั้นๆแค่นี้เองนะ

อยู่ที่จะตกลงกัน

เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเปิดกว้างมากขึ้น ยอมรับได้ที่จะไม่ต้องมีสินสอดไม่ต้องมีงานแต่งด้วยซ้ำ

ผู้ชายที่ยอมรับได้ที่จะจ่ายสินสอดเต็มกำลังความสามารถ หรือครอบครัวผู้ชายยินดีจะให้สินสอดตามที่ครอบครัวผู้หญิงเรียกร้อง ก็หาได้ไม่ยากเหมือนกัน

เราคิดว่าที่เขาเปรียบเปรยว่าสินสอดหมายถึงค่าน้ำนม ไม่ได้หมายถึงค่าน้ำนมของแม่ผู้หญิง แต่เขาหมายถึงค่าน้ำนมของผู้หญิงที่จะใช้เลี้ยงลูกสืบไปในอนาคต

มันเป็นกุศโลบายเพื่อพิสูจน์ความมั่นคงตั้งใจและความรับผิดชอบของผู้ชาย ซึ่งก็อาจจะลดหย่อนได้ถ้าพ่อแม่ผู้หญิงเห็นตรงนี้จากอย่างอื่นมาก่อนแล้ว และก็เป็นการทำให้ผู้หญิงต้องปฏิบัติตัวดีๆด้วยเหมือนกัน เพราะถ้าผู้หญิงไม่ดีพ่อแม่ผู้ชายก็คงจะไม่อยากมาขอให้

หลายคนที่ยังมีสินสอดก็คงจะเห็นประโยชน์ตรงนี้ ว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญของครอบครัว ทั้งในเรื่องความรับผิดชอบของผู้ชายและคุณงามความดีของผู้หญิง แต่โลกปัจจุบันเปิดกว้างขึ้น คนที่จะไม่ได้คิดตามแบบอย่างนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไร มันเป็นเรื่องของคู่ใครคู่มัน

สุดท้ายก็แล้วแต่อยู่ที่จะตกลงกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่