เรื่องของเรา ขอยกเป็นเคสตัวอย่าง เนื่องจากได้ซื้อคอร์สกำจัดขนรักแร้ จาก รพ.ชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยเข้าใช้บริการกำจัดขน ซึ่งทาง รพ.ค่าบริการคิดในอัตราเหมาจ่ายทั้งคอร์ส 15,000 บาท เมื่อ ปลายปี 2559 โดยมีเจ้าหน้าที่ รพ. ได้ชี้แจงว่า คอร์สกำจัดขนนี้ใช้ได้ต่อเนื่อง ไม่จำกัดระยะเวลา ยกเว้นหากคนไข้ทิ้งระยะเวลาการเข้าไปใช้บริการเกิน 1 ปี นั่นหมายความว่า หากคนไข้ไปใช้บริการต่อเนื่องโดยไม่ทิ้งเวลาเกิน 1 ปี ก็สามารถใช้บริการได้อยู่ตราบใดที่มีขนรักแร้ขึ้น ซึ่งครั้งแรกของการกำจัดขน จะทิ้งระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน เพราะขนรักแร้ยังคงขึ้นอยู่ และต่อมาเมื่อทำสัก 3 ถึง6 ครั้ง ขนจะลดลงและ รพ.จะแจ้งว่า หากมาครั้งต่อไปคือต้องเกิน 6 เดือน ซึ่งการใช้บริการก็เป็นไปด้วยดี
ปัญหามีอยู่ว่า ครั้งที่ไปใช้บริการ เมื่อประมาณกลางปี 2563 รพ.มีการเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มเติม โดยแจ้งว่า คนไข้ที่มาทำการรักษา จะมีค่าบริการเพิ่ม 250 บาท/ครั้ง เพื่อเป็นการลดภาระ ค่าใช้จ่ายของ รพ. เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วง Covid-19 แพร่ระบาดประมาณช่วง เม.ย.2563 ซึ่งเราได้ทวงถามว่า ไม่เห็น รพ.มีหนังสือแจ้ง และในวันที่โทรนัด ก็ไม่มีการแจ้งเรื่องดังกล่าว แต่ก็ชำระเงินให้ รพ. ตามที่ จนท.แจ้ง
แต่เนื่องจากเราคิดว่า สิ่งที่ รพ.เรียกเก็บเพิ่มเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค เราจึงทำเรื่องร้องเรียน สคบ. ซึ่ง ทาง สคบ.ได้โทรมาสอบถามถึงเรื่องราว และนัดไปพบกับ จนท. รพ. แต่เนื่องจากเราติดงาน ตจว.จึงไม่ได้ไปตามนัด แต่ส่งเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ไปให้ สคบ. ซึ่งเราไม่ได้จะทวงถามเงินคืนที่เราจ่ายไป 250 บาท แต่เราหวังว่าครั้งหน้า หากเราไปใช้บริการ รพ.จะไม่มีการเรียกเก็บค่าบริการดังกล่าว
และหลังจากนั้น ก็มีการโทรไปนัดเพื่อใช้บริการกำจัดขนอีกครั้ง และได้สอบถามเรื่องค่าบริการ จนท.ก็ตอบเช่นเดิมว่ามีค่าบริการ 250 บาท ซึ่งเราก็คิดว่า เสียก็เสีย ขี้เกียจทำเรื่องแล้ว วุ่นวาย เพราะเสียงเราเพียงเสียงเดียว คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่เนื่องจากช่วงนั้น Covid ระบาดอีกครั้ง ทำให้เราไม่ได้ไปตามนัด
ต่อมาล่าสุด เราโทรไปนัดเพื่อใช้บริการกำจัดขนรักแร้อีกครั้ง เมื่อช่วงต้นปี 2564 และเช่นเดิม สอบถามค่าบริการ จนท.ขอเวลาเช็คสักพัก และแจ้งว่า สำหรับเคสเรายกเว้นให้เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งการใช้บริการครั้งนี้ใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากขนรักแร้มีน้อย พอเสร็จ จนท.หน้าเคาน์เตอร์ ก็แจ้งว่า ครั้งนี้ไม่มีค่าบริการนะคะ หากมีขนรักแร้ขึ้น สามารถมาใช้บริการได้ แต่ต้องทิ้งระยะเวลาเกิน 6 เดือน ซึ่งครั้งนี้ เราเห็น รพ. มีป้ายมาติดว่าจะมีการเรียกเก็บค่าบริการทุกครั้งที่มาใช้บริการ 250 บาท
และล่าสุด มี จนท. รพ. โทรมาแจ้งว่า ทาง รพ.จะไม่ทำการรักษาทุกกรณี หากเป็นชื่อของเรา ซึ่งเราก็ถามย้ำไปว่า ทุกกรณีเหรอคะ จนท.แจ้งกลับมาว่าใช่ค่ะ คนไข้จะได้ไม่เสียเวลาในการเดินทางและเราก็ถามเพิ่มไปว่า แล้วเรื่องขนรักแร้ ยังใช้ได้อยู่มั้ยคะ จนท.รพ. ตอบว่า คงไม่ขนขึ้นแล้ว จริง ๆ ไม่ถึง 10 เส้น รพ.ก็ไม่ทำแล้วค่ะ เราก็อึ้งสักพัก แล้วก็ตอบกลับไป ค่ะ ขอบคุณค่ะ
เราแค่สงสัยว่า รพ.มีสิทธิ์โทรมาแจ้งเราด้วยวาจาแบบนี้ได้เหรอคะ ว่าไม่รับรักษาทุกกรณี ในเมื่อ รพ.เป็นคนผิดเงื่อนไขเอง แต่มีการโทรมาลักษณะเชิงแบบขู่ (ในความคิดเรา) ทั้งที่ตอนเข้าไปสอบถาม เราใช้บริการครั้งแรก รพ.เก็บเงินเต็มจำนวน 15,000 บาท แล้วมาเรียกเก็บเพิ่ม 250 บาท ทุกครั้งที่เข้าไปใช้บริการ มันก็คือ รพ.ผิดเงื่อนไขแล้ว
โรงพยาบาล มีสิทธิ์ ปฏิเสธคนไข้หรือไม่
ปัญหามีอยู่ว่า ครั้งที่ไปใช้บริการ เมื่อประมาณกลางปี 2563 รพ.มีการเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มเติม โดยแจ้งว่า คนไข้ที่มาทำการรักษา จะมีค่าบริการเพิ่ม 250 บาท/ครั้ง เพื่อเป็นการลดภาระ ค่าใช้จ่ายของ รพ. เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วง Covid-19 แพร่ระบาดประมาณช่วง เม.ย.2563 ซึ่งเราได้ทวงถามว่า ไม่เห็น รพ.มีหนังสือแจ้ง และในวันที่โทรนัด ก็ไม่มีการแจ้งเรื่องดังกล่าว แต่ก็ชำระเงินให้ รพ. ตามที่ จนท.แจ้ง
แต่เนื่องจากเราคิดว่า สิ่งที่ รพ.เรียกเก็บเพิ่มเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค เราจึงทำเรื่องร้องเรียน สคบ. ซึ่ง ทาง สคบ.ได้โทรมาสอบถามถึงเรื่องราว และนัดไปพบกับ จนท. รพ. แต่เนื่องจากเราติดงาน ตจว.จึงไม่ได้ไปตามนัด แต่ส่งเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ไปให้ สคบ. ซึ่งเราไม่ได้จะทวงถามเงินคืนที่เราจ่ายไป 250 บาท แต่เราหวังว่าครั้งหน้า หากเราไปใช้บริการ รพ.จะไม่มีการเรียกเก็บค่าบริการดังกล่าว
และหลังจากนั้น ก็มีการโทรไปนัดเพื่อใช้บริการกำจัดขนอีกครั้ง และได้สอบถามเรื่องค่าบริการ จนท.ก็ตอบเช่นเดิมว่ามีค่าบริการ 250 บาท ซึ่งเราก็คิดว่า เสียก็เสีย ขี้เกียจทำเรื่องแล้ว วุ่นวาย เพราะเสียงเราเพียงเสียงเดียว คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่เนื่องจากช่วงนั้น Covid ระบาดอีกครั้ง ทำให้เราไม่ได้ไปตามนัด
ต่อมาล่าสุด เราโทรไปนัดเพื่อใช้บริการกำจัดขนรักแร้อีกครั้ง เมื่อช่วงต้นปี 2564 และเช่นเดิม สอบถามค่าบริการ จนท.ขอเวลาเช็คสักพัก และแจ้งว่า สำหรับเคสเรายกเว้นให้เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งการใช้บริการครั้งนี้ใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากขนรักแร้มีน้อย พอเสร็จ จนท.หน้าเคาน์เตอร์ ก็แจ้งว่า ครั้งนี้ไม่มีค่าบริการนะคะ หากมีขนรักแร้ขึ้น สามารถมาใช้บริการได้ แต่ต้องทิ้งระยะเวลาเกิน 6 เดือน ซึ่งครั้งนี้ เราเห็น รพ. มีป้ายมาติดว่าจะมีการเรียกเก็บค่าบริการทุกครั้งที่มาใช้บริการ 250 บาท
และล่าสุด มี จนท. รพ. โทรมาแจ้งว่า ทาง รพ.จะไม่ทำการรักษาทุกกรณี หากเป็นชื่อของเรา ซึ่งเราก็ถามย้ำไปว่า ทุกกรณีเหรอคะ จนท.แจ้งกลับมาว่าใช่ค่ะ คนไข้จะได้ไม่เสียเวลาในการเดินทางและเราก็ถามเพิ่มไปว่า แล้วเรื่องขนรักแร้ ยังใช้ได้อยู่มั้ยคะ จนท.รพ. ตอบว่า คงไม่ขนขึ้นแล้ว จริง ๆ ไม่ถึง 10 เส้น รพ.ก็ไม่ทำแล้วค่ะ เราก็อึ้งสักพัก แล้วก็ตอบกลับไป ค่ะ ขอบคุณค่ะ
เราแค่สงสัยว่า รพ.มีสิทธิ์โทรมาแจ้งเราด้วยวาจาแบบนี้ได้เหรอคะ ว่าไม่รับรักษาทุกกรณี ในเมื่อ รพ.เป็นคนผิดเงื่อนไขเอง แต่มีการโทรมาลักษณะเชิงแบบขู่ (ในความคิดเรา) ทั้งที่ตอนเข้าไปสอบถาม เราใช้บริการครั้งแรก รพ.เก็บเงินเต็มจำนวน 15,000 บาท แล้วมาเรียกเก็บเพิ่ม 250 บาท ทุกครั้งที่เข้าไปใช้บริการ มันก็คือ รพ.ผิดเงื่อนไขแล้ว