ต่างจากไทย ดูแย่กว่าไครเพื่อน ไม่ไปไหนสักที. ตลาดหุ้นทรงๆ ทรงๆ ตลอด20กว่าปีเหมือนติดกับดักตัวเอง ปัญหาการเมืองแบ่งข้างตีกัน
ปัญหาโควิด ตลาดหุ้นและสภาพเศรษฐกิจ เป็นดัชนีชี้วัด ว่าแก้ปัญหาได้ดีแค่ไหนประเทศไหนห่วย แย่ ดูผลลัพธ์จะแย่ตาม
ประเทไหนแก้ปัญหาได้ดีทุกทาง ผลลัพธ์ก็จะออกมาดีขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับไทย ความเชื่อส่วนตัว น่าจะผิดทางหลายอย่าง ถ้าเปรียบเป็นคน ก็เป็นคนที่มายด์เซ็ทผิด คนคิดลบ ขี้กังวล ขี้กลัว หวาดระแวง ไม่ไว้ใจไคร ซึ่งถ้ามีมากเกินไป มักทำชีวิตคนนั้นขาดความสุข และไม่พัฒนาก้าวหนา ผลลัพธ์จึงได้ออกมาแย่ดังที่เห็น
โควิดติดแล้วคนปกติไม่ตาย คนแข็งแรงไม่แสดงอาการ เบากว่าหวัดหายเองได้ อัตราตายน้อยกว่าโรคอื่นๆ ตายน้อยกว่าอุบัติเหตุทางถนน ตายน้อยกว่าเบาหวาน ความดันหัวใจ ที่เกิดจากการกินเยอะ
โควิด-19ท้ายสุดเชื่อกันว่า มนุษย์ก็จะมีภูมิคุ้มกัน ด้วยวัคซีนแและตามธรรมชาติ
การแก้โควิด19 คุ้มหรือไม่สำหรับประเทศที่แก้โดยการใช้ทรัพยากรอย่างมหาศาล ทั้งกำลังคนและกำลังทรัพย์ เงินภาษีประชาชนก้อนโต และสุขภาพกายและใจ ซึ่งท้ายที่สุดคนทั้งชาติก็รับภาระ ต้องโดนเก็บภาษีต่างๆเพิ่มในอนาคต
.
คุ้มหรือไม่ วิธีแก้แบบเหวี่ยงแห เหมารวม ให้ประชาชนหยุดทำงาน อยู่กับบ้านเฉยๆ ทำให้คนส่วนใหญ่เดือดร้อน ทั้งที่ไม่เกี่ยวติดโควิด หรือคนแข็งแรง ติดเชื้อที่ไม่เป็นไรปกติอาจหายเองได้ แต่เอาไปกักไว้ในที่รวมกันคนเยอะเพื่อหวังจะไม่ให้แพร่ที่อื่น กักตัว และ อื่นๆ สั่งปิด ต่างๆมากมาย. แม้อาจหยุดเชื้อได้ชั่วคราว. แต่ก็กันไม่ได้ คงมีมีครั้ง1-2-3-4 ไปเรื่อยๆ ถ้ายังคงกลัว ประสาทหลอน. ก็คงสั่งปิด ไปเรื่อยๆ จนเศรษฐกิจชาติย่อยยับเสียหาย การกลัวที่เกินเหตุ ที่ทำให้คนส่วนใหญ่สูญเสียใช้ชีวิตทำมาหากินได้ปกติ. หยุดกิจกรรมการค้า การขาย การผลิต และการบริโภคเสียหายหนัก ศูนย์เสียมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล
ดังนั้นการแก้ให้ถูกทาง ให้กำลังคนและทรัพยากรให้พอเหมาะพอควรกับปัญหา น่าจะดีกว่า มีสติไม่ตื่นตูมกลัวเกินเหตุ เอาความจริงมาสื่อสาร ไม่ประมาทได้ แต่ไม่ควรล็อกดาวแบบเกินเหตุ สร้างความตื่นตนก ควรสร้างให้คนหันมาดูแลสุขภาพให้แข็งแรง สร้างภูมคุ้มกัน หรือ รีบฉีดวัคซีน มั่นล้างมือ ใส่แมส ป้องกันตัวเอง
แต่ให้ใช้ชีวิตปกติได้ ไม่ให้กระทบเศรษฐกิจชาติและการพัฒนา
นั่งส่องดูตลาดหุ้นทั่วโลกย้อน20กว่าปี ทั้งที่ติดโควิดมากกว่า ตายมากกว่า แต่เค้าขึ้นทำนิวไฮกันเกือบหมด หลายครั้ง
ปัญหาโควิด ตลาดหุ้นและสภาพเศรษฐกิจ เป็นดัชนีชี้วัด ว่าแก้ปัญหาได้ดีแค่ไหนประเทศไหนห่วย แย่ ดูผลลัพธ์จะแย่ตาม
ประเทไหนแก้ปัญหาได้ดีทุกทาง ผลลัพธ์ก็จะออกมาดีขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับไทย ความเชื่อส่วนตัว น่าจะผิดทางหลายอย่าง ถ้าเปรียบเป็นคน ก็เป็นคนที่มายด์เซ็ทผิด คนคิดลบ ขี้กังวล ขี้กลัว หวาดระแวง ไม่ไว้ใจไคร ซึ่งถ้ามีมากเกินไป มักทำชีวิตคนนั้นขาดความสุข และไม่พัฒนาก้าวหนา ผลลัพธ์จึงได้ออกมาแย่ดังที่เห็น
โควิดติดแล้วคนปกติไม่ตาย คนแข็งแรงไม่แสดงอาการ เบากว่าหวัดหายเองได้ อัตราตายน้อยกว่าโรคอื่นๆ ตายน้อยกว่าอุบัติเหตุทางถนน ตายน้อยกว่าเบาหวาน ความดันหัวใจ ที่เกิดจากการกินเยอะ
โควิด-19ท้ายสุดเชื่อกันว่า มนุษย์ก็จะมีภูมิคุ้มกัน ด้วยวัคซีนแและตามธรรมชาติ
การแก้โควิด19 คุ้มหรือไม่สำหรับประเทศที่แก้โดยการใช้ทรัพยากรอย่างมหาศาล ทั้งกำลังคนและกำลังทรัพย์ เงินภาษีประชาชนก้อนโต และสุขภาพกายและใจ ซึ่งท้ายที่สุดคนทั้งชาติก็รับภาระ ต้องโดนเก็บภาษีต่างๆเพิ่มในอนาคต
.
คุ้มหรือไม่ วิธีแก้แบบเหวี่ยงแห เหมารวม ให้ประชาชนหยุดทำงาน อยู่กับบ้านเฉยๆ ทำให้คนส่วนใหญ่เดือดร้อน ทั้งที่ไม่เกี่ยวติดโควิด หรือคนแข็งแรง ติดเชื้อที่ไม่เป็นไรปกติอาจหายเองได้ แต่เอาไปกักไว้ในที่รวมกันคนเยอะเพื่อหวังจะไม่ให้แพร่ที่อื่น กักตัว และ อื่นๆ สั่งปิด ต่างๆมากมาย. แม้อาจหยุดเชื้อได้ชั่วคราว. แต่ก็กันไม่ได้ คงมีมีครั้ง1-2-3-4 ไปเรื่อยๆ ถ้ายังคงกลัว ประสาทหลอน. ก็คงสั่งปิด ไปเรื่อยๆ จนเศรษฐกิจชาติย่อยยับเสียหาย การกลัวที่เกินเหตุ ที่ทำให้คนส่วนใหญ่สูญเสียใช้ชีวิตทำมาหากินได้ปกติ. หยุดกิจกรรมการค้า การขาย การผลิต และการบริโภคเสียหายหนัก ศูนย์เสียมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล
ดังนั้นการแก้ให้ถูกทาง ให้กำลังคนและทรัพยากรให้พอเหมาะพอควรกับปัญหา น่าจะดีกว่า มีสติไม่ตื่นตูมกลัวเกินเหตุ เอาความจริงมาสื่อสาร ไม่ประมาทได้ แต่ไม่ควรล็อกดาวแบบเกินเหตุ สร้างความตื่นตนก ควรสร้างให้คนหันมาดูแลสุขภาพให้แข็งแรง สร้างภูมคุ้มกัน หรือ รีบฉีดวัคซีน มั่นล้างมือ ใส่แมส ป้องกันตัวเอง
แต่ให้ใช้ชีวิตปกติได้ ไม่ให้กระทบเศรษฐกิจชาติและการพัฒนา