รู้สึกเสียใจที่มิตรภาพเก่าๆไม่เหมือนเดิมและรู้สึกอึดอัดกับปัญหาที่ไม่มีวันสามารถพิสูจน์ได้จังเลยค่ะ

สวัสดีค่ะ  วันนี้เราอยากจะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับเราและพี่ที่เคยทำงานด้วยกันคนนึง (ทั้งเราและเขาเป็นผู้หญิงทั้งคู่ + อายุของเราและเขาห่างกันประมาน 2 ปีค่ะ)
.... เรื่องมันเริ่มมาจากที่ช่วงนั้นคนที่ทำงานกับเราคนเก่าเขาลาออกไปพอดี ... บริษัทก็เลยประกาศหาคนใหม่มาช่วยเรา  จนกระทั้งได้พี่คนนี้เข้ามาค่ะ (เราขอเรียกชื่อเขาว่าพี่จอยนะคะ) ซึ่งช่วงระหว่างที่เราทำงานกับพี่จอยโดยรวมก็โอเคนะคะ  คือเขาเป็นคนที่ทำงานมาหลายที่พอสมควร รวมๆแล้วทั้งบริษัทเล็กกับใหญ่ที่เขาทำมาก็น่าจะประมาณ เกือบ 10 ที่ได้  
... แต่พอทำงานด้วยกันจริงๆมันก็มีปัญหากันบ้างค่ะ  คือเราต้องบอกก่อนว่าเมื่อก่อนเราเป็นโรควิตกกังวลต้องกินยารักษา (เรื่องนี้คนนี้บริษัทบางคนก็รู้ค่ะเพราะเราเคยต่อยกำแพงจนมือช้ำแล้วคนเห็นจนเอาไปเม้ากัน + เราเคยโทรคุยกับหมอที่ รพ.. แล้วมีคนมาแอบฟัง) แต่ช่วงที่เรากับพี่จอยทำงานด้วยกันช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราเพิ่งกินยาใหม่ๆ มันก็มีอาการสวิงบ้าง เช่น  บางทีเราจะหงุดหงิดเพราะโดนด่ามาจนหน้ามุ่ย  จนดูเขาเกร็งๆกับเราไป , บางทีเราจะพูดกับเขาเสียงดังเพราะที่ตรงนั้นงานมันต้องทำไวๆ เร็วๆ แต่มันมักจะมีคน  พูดแข่งหรือพูดแทรกระหว่างนั้นทำให้งานมันวุ่นวายอยู่บ่อยๆ ... แต่ทุกครั้งที่เกิดเรื่องอะไรแนวๆนี้เราจะพูดกับพี่เขาตลอดว่าเอ้อ  “ หนูขอโทษนะพี่จอยที่ .....  (อะไรก็ว่าไป) ..... ถ้าพี่ไม่สบายใจหรือไม่โอเคตรงไหนพี่บอกหนูได้ตลอดเลยนะ “ ซึ่งเขาก็บอกกับเรามาว่า “ โอเคพี่ไม่ได้คิดอะไรเลยเกตุ (เราขอใช้ชื่อเกตุเป็นนามสมมติเรานะคะ)  สบายๆ ไว้ถ้าพี่ไม่โอเคจริงๆเดี๋ยวพี่บอกทันทีเลยโอเคป่ะ  “ คือท่าทางเขาดูเฟรนลี่และเป็น  Comfort  Zone ให้เราได้มากพอสมควร (เขาเป็นคนที่ดูเฟรนลี่  ยิ้มแย้ม แจ่มใส ร่าเริง  คุยเก่ง  อาจจะเพราะเขาเคยทำงานเป็นเซลล์มาด้วยมั้งค่ะ ภายนอกเลยมีนิสัยแนวๆนี้)  จนมีวันนึงเราเจอปัญหาเรื่องงานแล้วเราร้องไห้หนักมากเขาก็ปลอบเรา  เราก็เลยพูดออกไปว่า    “ เอ่อพี่เอาจริงๆหนูเป็นโรควิตกกังวลอะพี่แล้วก็กินยาอยู่  แต่ตอนนี้หนูเพิ่งกินใหม่ๆมันก็อาจจะยังไม่เข้าที่ หนูกลัวพี่รังเกียจหนูจังที่หนูเป็นแบบนี้ “ พี่เขาก็ตอบมาว่า  “ ไม่หรอกพี่เข้าใจ  กินยาไม่เห็นแปลกเลย  จะได้รักษาตัวเองด้วย สู้ๆเดี๋ยวก็ดีขึ้น  พี่อยู่ตรงนี้แล้ว “ (ต้องบอกก่อนค่ะว่าที่ผ่านมาที่มีคนรู้ว่าเรากินยาคนที่นั้นส่วนใหญ่มองเราในแง่ลบตลอดมองว่าเราป่วย หรือเป็นบ้าหรือป่าวที่กินยาแบบนี้ไปเลย + ส่วนตัวเราเป็นคนที่เป็นตัวของตัวเองค่อนข้างสูงไม่จับกลุ่มเม้าใคร  บางทีใครขออะไรเราช่วยได้เราช่วยจนบางทีมีคนพูดแซะเราว่าทำไมต้องช่วยคนอื่นด้วยอะงานตัวเองก็ไม่ใช่  แล้วเราก็คุยกับใครก็ได้ไม่ได้ถือตัวจนบางทีคนในโรงงานมั่นไส้  ร้ายสุดๆเลยคือโดนคนใส่ร้ายว่าเราพูดไม่ดีทำไม่ดีทำให้คนที่หูเบามองเราในแง่ลบไปเลยก็มี  ...  แต่พี่จอยเขากลับไม่พูดหรือแย่ๆแบบนั้น + เวลาเราร้องไห้เขาก็คอยกอดคอยปลอบ เราเลยรู้สึกดีขึ้นมากๆ หรืออย่างเวลาที่เราทำงานผิดเขาก็จะช่วยคิดวิธีพูด แล้วเน้นย้ำกับเราเสมอว่ามีอะไรอะพูดออกมาเลยจะได้ไม่อึดอัด) แล้วหลังจากนั้นเราก็ทำงานกับเขามาเรื่อยๆ ก็มีพูดขัดหรือสื่อสารกันผิดบ้างแต่เราจะเอ่ยปากขอโทษกับเขาตลอดในฐานะที่เราเป็นน้องเขาก็ยิ้มรับแล้วบอกว่าไม่เป็นไรทุกครั้ง “  จนเราเริ่มสังเกตุนิสัยแปลกๆของเขาที่ไม่ใช้ข้อดีตามที่ด้านบนกล่าวไปค่ะ  

1. เขามาทำงานได้ 1 เดือนครึ่งแต่เขาลาหยุดบ่อยมากประมาน 5 ครั้งได้  มีป่วยบ้าง, ลาไปช่วยเพื่อนขึ้นศาลบ้าง, แฟนมารับมาส่งไม่ได้เลยหยุดไปดื้อๆ ก็มี
2. เวลาเขาทะเลาะกับแฟนเขาจะบล็อกและลบแฟนออกจากเฟสทุกครั้ง  เราเห็นมาประมาน 2 – 3 ครั้งได้ในรอบที่รู้จักกัน 3 เดือน
3. เขามาสายบ่อยประมาน 4 ครั้งได้ (สำหรับเราถือว่าเยอะค่ะ สำหรับคนที่มาทำงานแค่ 1 เดือนครึ่งและยังไม่ผ่านโปร)
แต่เราก็ไม่ว่าอะไรพี่เขานะคะ  เพราะเขาเป็นคนที่ทำงานค่อนข้างเก่งเรายอมรับเลย  บางอย่างเก่งกว่าเราทั้งที่เรามาทำมาทำงานที่นี้ก่อนเขาอีก (ตอนนั้นเราเพิ่งเรียนจบใหม่ๆละมาทำงานทีนี่ที่แรกได้แค่ 1 ปีเองค่ะ)

จนมีวันหนึ่ง ช่วงวันเสาร์ - อาทิตย์ เขาทะเลาะกับแฟนหนักมาก ประกาศเลิกกันหน้าเฟสว่าเลิกกันแล้วเสียใจมาก บลาๆ ....  ช่วงคืนวันอาทิตย์เราเลยทักไปถามเขาค่ะว่า “ พี่จอย  พี่ไหวป่าว  วันจันทร์พี่จะมาทำงานไหวไหม “ เขาก็ไม่ตอบจนมาช่วงสายวันจันทร์เขาตอบกลับมาว่า “ พี่ว่าพี่จะลาออกว่าเกตุ แต่เอาเป็นว่าวันนี้พี่ลานะ  เดี่ยวกลางวันจะโทรไปคุยด้วย ” เราก็ตกใจค่ะแบบเอ้า เกิดอะไรขึ้นวะ หรือว่าตรอมใจที่เลิกกับแฟนแล้วไม่มีกำลังใจจะทำอะไรเลยลาออกไปงั้นเหรอ  เราก็เลยทั้งโทรทั้งแชทไปหาเขาประมาน 20 กว่ารอบได้แต่เขาก็ไม่ติดต่อ  พอช่วงกลางวันเราลองโทรหาเขาๆโทรกี่สายๆก็ไม่ติด  แถมก่อนหน้านี้เขาบอกจะโทรมาหาเราด้วยซ้ำ  เราเลยร้องไห้  ไหนจะงานที่จากเดิมปริมาณมันต้องทำ 2 คน ต้องรวบมาทำคนเดียวอีกคือรู้สึกดิ่งมากๆ แต่มันรู้สึกก่ำกึ่งไม่อยากโทษพี่เขาเพราะที่ผ่านมาพี่เขาก็โปรมากจริงๆ เวลาทำงาน 
....
                แต่ยอมรับค่ะ ว่าข้างในลึกๆจริงๆในใจ เรารู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่พี่จอยทำเลย คือ 1. เราอยากรู้ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง  ณ ตอนนั้น  2. เขาจะลาออกทำไม 3. ถ้าเขาใจเย็นๆลงแล้วลองคุยดู เราจะสามารถบอกให้เขาอยู่ต่อได้หรือไม่ .... ทีนี้เราก็เลยลองโทรหาเพื่อนเขา (เราขอสมมติชื่อเพื่อนเขาว่า ชื่อบีมนะคะ ที่เรามีเบอร์พี่บีม  เพราะว่าเราเคยไปเที่ยวด้วยกันกับเขาพร้อมกับพี่จอยค่ะ)  ทีนี้เพื่อนเขาก็บอกที่อยู่เขามาค่ะ แต่มันเป็นหมู่บ้านจัดสรรที่มีบ้านคล้ายกันหลายหลังมากๆ  เราหาไม่เจอ  โทรหาพี่จอยถี่ๆซ้ำๆ อีก 10 สายก็ไม่ติด + ตอนนั้นเป็นตอนกลางคืน  สุดท้ายเราก็ได้แต่เขียนโน๊ตกับซื้ออาหารเล็กๆ น้อยไปฝากเขาไว้ที่หน้าป้อมยามหน้าหมู่บ้าน  เนื้อหาโน้ตมันประมาณว่า “ จะมาจะไปยังไงก็บอกหนูได้นะพี่  หนูไม่ว่าพี่หรอก ขอแค่บอกกันนะ  เป็นห่วงนะพี่ “  อะไรทำนองนี้ค่ะ  หลังจากนั้นพอเรากลับบ้านมาตอนกลางคืน เราลองแชทเฟสไปหาพี่จอยดูอีกครั้ง  สักพักเขาถึงตอบกลับมา ว่า “ เดี๋ยววันพรุ่งนี้ (วันอังคาร) พี่จะไปทำงานแน่นอน แต่จะไปเขียนใบลาออกนะ พี่จะลาออกจริงๆ แต่ไม่ใช่เพราะพี่เลิกกับแฟนนะ  แต่เป็นเพราะพี่รู้สึกว่าเบื่องานที่นี่  งานมันจุกจิกวุ่นวายไปหมด เดี๋ยวจะไปลาผู้ใหญ่ ลาหัวหน้างานด้วย “  แต่สุดท้ายพอถึงวันอังคารนะคะ เขาก็ไม่มา เราก็ใจเสีย  คือวันนั้นเราน้ำตาซึมเรื่อยๆเลยว่าสัญญาว่าจะมาหากันก็ไม่มา  ทำไมกันนะ  หายไปไหน ..  (คือเราเป็นคนไม่โอเคกับคนพูดลอยๆแล้วทำจริงไม่ได้ค่ะมันเฟล)  จากนั้นเราก็ทักแชทเฟสไปหาพี่จอยค่ะ ว่า “ พี่มาไม่ไหวเหรอไม่เป็นไรนะ แต่หนูอยากเจอพี่จริงๆนะ  .”  พี่จอยเขาก็พิมพ์ตอบมาว่า “ มาหาพี่แทนสิ  มาบ้านบีมเพื่อนพี่ตอนกลางวันได้เลย  แล้วเรามาเจอกัน  มากินข้าวกัน “  เราก็พิมพ์ถามเขาไปว่า “ ok พี่  ว่าแต่ของพี่ที่เหลืออยู่ ในลิ้นชัก พี่ไม่มาเอาเหรอ ? ของมันเยอะนะ ” ที่นี้ พี่เขาก็ไม่ตอบ แต่โทรเฟสมาหาเราแทน  ว่า “ เกตุพี่ฝาก  หยิบยา หมอน แล้วก็ขนมในลิ้นชักเขาออกมาหน่อย แล้วรีบไปหาเขาที่บ้านพี่บีม แล้วมาคุยกัน “ (ตอนนั้นเราก็รีบๆค่ะ เพราะงานเยอะ + ใกล้ถึงเวลาพักแล้วด้วยเลยไม่ได้ถามอะไรต่อ)  ที่นี้พอช่วงพักกลางวันแล้วก็รีบไปหาพี่จอยทันทีเลยค่ะ  พร้อมกับหอบของทั้งหมดที่เขาขอมาไปให้เขาเพราะว่ารีบมากเวลามีแค่  ชั่วโมงเดียว   พอไปถึงปุ๊บพี่จอยเขาก็อธิบายให้เราฟัง ประมาณว่า ... ที่เขาลาออกอ่ะ ไม่ใช่ก็เสียใจเรื่องแฟนนะ คิดมานานแล้วว่าจะออกเพราะรู้สึกว่า บริษัทนี้ มันไม่โอเค  ระบบงานมันไม่ดี เราก็เข้าใจนะ เพราะเขาเคยทำงานบริษัทใหญ่ๆ มาก่อนที่มันมีมาตรฐาน แต่พอมาเจอบริษัทที่มันโรงงานและไม่เป็นระบบ  เขาก็รับไม่ได้เป็นธรรมดาเขาก็เลยอยากออก  ...  จากนั้นเราก็พูดคุยร่ำลากันเชาค่ะว่าแบบ ...   งั้นวันหลังขอให้ได้เจอกันอีกนะพี่  โชคดีนะพี่ ดูแลตัวเองดีๆนะ ...อะไรทำนองนี้แล้วก็แยกจากกันตั้งแต่ตรงนั้นด้วยดีค่ะ  ... 

ที่นี้หลังจากนี้เราจะเริ่มเล่าถึงปัญหาจริงๆที่มันเกิดขึ้นแล้วนะคะ ( หลังจากที่ปูเรื่องมาเยอะม๊ากก ) คือนับตั้งแต่ ที่เขาลาออกไป เราก็มีทักไปหาเขาบ้าง รวมทั้งหมดโดยประมาณก็เดือนละ 1-2 ครั้ง   ทีแรกเขาก็ตอบปกตินะคะ  บางทียังมาเม้นแซวอะไรในเฟสเราอยู่เลย  แต่พอมาประมาณครั้งที่ 3 เราทักแชทเฟสไปหาพี่จอยเขาเพื่อที่จะทวงเงิน ที่เขาเคยติดเราไว้ก่อนที่เขาจะลาออกจำนวน 120 บาท  เพราะก่อนหน้านี้เขาบอกว่าเดี๋ยวว่างๆเขาจะโอนคืนให้   คือที่เราเพิ่งทวงอ่ะ มันเป็นเพราะว่าเราเพิ่งนึกขึ้นได้ + ตอนนั้นเราไม่มีเงินพอดี  คือเราจะเอาเงินไปซื้อข้าวกินอะค่ะ  แต่พอเราทักไปหาพี่จอยปุ๊บเขาก็ไม่อ่านไม่ตอบแต่เห็นอัพอะไรในเฟสปกติ  ที่นี้เราก็เลยลองโทรไปหาเขา เขาก็ไม่โทรกลับ (นิสัยจริงๆเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบโทรกลับหาใครอยู่แล้วค่ะ เห็นเป็นแบบนี้ทุกคนเลยไม่รู้ทำไมเหมือนกัน สงสัยจะขี้เกียจ) แต่มุมนึงเราก็นึกโทษตัวเองนะคะว่าเงินแค่ 120 บาทยังจะไปทวงเขาอีก  เสียมารยาทจังเรา  😂 ... ที่นี้หลังจากนั้นพอเวลาผ่านไปสัก 1 เดือน  มันเริ่มมีแม่บ้าน + พนักงานสายแรงงาน  ในบริษัทมาพูดให้เราฟังประมาณว่า ... เกตุ  ระวังจะมีคนยุแยงตะแคงรั่ว ให้เกตุทะเลาะกับคนอื่นหรือมีคนไม่หวังดีกับเกตุนะ  เราก็เลยถามกับคนที่มาบอกเราว่าใคร เขาก็บอกว่ามันมีเยอะมากจริงๆมันมี  คนที่เอาเราไปนินมาและไม่หวังดีกับเรา  พร้อมจ้องจะแทงข้างหลังเราตลอดเวลาเลยนะ ...  มาถึงตอนนี้เราก็เริ่มตะหงิดๆใจละค่ะ  ว่า ... มันอาจจะเป็นจริงหรือเปล่าที่มีคนพูดแบบนั้น แล้วเอาเราไปพูดไม่ดีให้พี่จอยฟังพอดีพี่จอยเลยไม่ตอบเรา ...   เราก็เลยลองทักพี่จอยไปประมานรอบที่ 4  ว่า .. พี่จอยเห็นเที่ยวเพลินเลยนะ  สบายดีไหมคะพี่ ... พี่จอยก็ไม่ตอบกลับมาอีก  คราวนี้เราก็เริ่มกังวลแล้วค่ะ  .... ที่นี้เราก็เลยใช้วิธีขอตัวช่วย ให้พี่คนที่เคยทำงานอยู่บริษัทเดียวกับพี่จอยและเรา แต่ลาออกไปแล้ว (สมมติให้ว่าเขาชื่อพี่นิแล้วกันนะคะ) เราให้เขาช่วยคุยให้ประมาณว่าพี่จอยเขาโกรธอะไรเราหรือเปล่า  << ซึ่งสิ่งที่พี่นิบอกกับเรามาคือ  " พี่จอยบอกว่าไม่ได้โกรธอะไรเรา  แต่พอดีกำลังมีปัญหา  เพราะตอนนี้เขาเลิกกับแฟนเก่าและกำลังคบแฟนใหม่อยู่  ทีแรกก็เหมือนแฟนใหม่จะโอเค  พี่จอยเลยตัดสินใจย้ายบ้านไปอยู่บ้านแฟนใหม่  แต่พอมาอยู่ด้วยกันแฟนเขาไม่ดีแบบที่คิด  ทั้งหวงพูดไม่ดีใส่เขา  บังคับไม่ให้เขาทำนู่นทำนี้   และที่สำคัญคือแฟนเขาไม่ชอบให้เขามีสังคมไม่ชอบให้คุยกับใคร  แม้แต่เพื่อน ผญ. ด้วยกันเอง  แฟนเขายังแทบไม่อยากให้คุย  อารมณ์แบบต้องอยู่กันสองต่อสองเท่านั้นไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวาย   แต่ที่ตอนนั้นพี่จอยตอบพี่นิได้ก็เพราะว่าแฟนใหม่ไม่อยู่พอดีเลยแอบคุยได้ "  
(มี่ต่อนะคะ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่