สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
ผมยกตัวอย่างตัวผม ผมทำงานสายงานในโรงพยาบาล
ต้องวิ่งเข้าออกรพ ต่าง ๆ ทุกวัน โรงไหนเสี่ยง โรงไหนน่ากลัว ผมไปมาหมดครับ
แต่ผมระวังตัว ป้องกันตัว ทำตามข้อกำหนดต่าง ๆ ใส่ mask เวลาเข้ารพ รพไหนน่ากลัว ก็ยกระดับ mask ที่ใช้ขึ้นอีกขั้น เป็นพวก KN 94, หรือ KN 95 เพราะเราเข้าไปในดง อยู่ในส่วนงานที่เข้มข้นกับเชื้อโรคของรพ
แต่ผมทำตามข้อกำหนด ล้างมือบ่อย ๆ ไม่ถอด mask เวลาไปสอน ไปเทรน ผมใส่ mask พูดตลอด เปิด mask เฉพาะตอนจิบน้ำ แล้วปิดทันที
ล้างมือด้วยน้ำและสบู่เป็นหลัก เจล สเปรย์ เป็นตัวเสริม
คราวนี้ พ่อกับแม่ผม อายุจะ 80 แล้ว มีโรคประจำตัว สิ่งที่ผมทำคือ ให้เค้าอยู่บ้าน เท่านั้นครับ ออกข้างนอก ให้อยู่ได้แค่บนรถ และต้องใส่ mask หรือเวลาไป รพ ไปหาหมอ ก็ใส่ mask ตลอด
ดังนั้น คุณจะเห็นว่า ผมไม่ได้ปิดกั้นในกรณีที่คิดว่าป้องกันตัวได้ และมีความจำเป็นต้องออก สำหรับกรณีของผม และน้องสาว ที่ทำงานสายงานเดียวกันในโรงพยาบาล
แต่สำหรับคนที่ไม่จำเป็นเช่นพ่อกับแม่ ไม่มีความจำเป็นต้องออกครับ อยากได้อะไร อยากกินอะไร บอกมา เดี๋ยวจัดมาให้ อยากออกไปเดิน ไปเดินในบ้าน สูดอากาศบริสุทธิ์ในสนามครับ เดินในหมู่บ้านได้ อากาศปลอดโปร่งโล่ง ปลอดภัย
ผมยืนยันว่า มนุษย์ไม่ใช่สัตว์ที่ต้องอยู่กันเป็นฝูงครับ คนสามารถอยู่เดี่ยว ๆ ได้ คำว่าสังคม ไม่ใช่ว่าจะต้องไปเห็นกันซึ่งหน้าครับ ไม่ต้องไปอยู่กันเป็นฝูง ๆ เทคโนโลยีสมัยนี้ มันไม่ใช่ยุคส่งสัญญานควัน ที่ต้องไปเห็นหน้ากัน ทุกวันนี้ แม่ผมคุยกับพี่น้อง คุยกับญาติที่อยู่ ตปท ทุกวัน โดยที่เค้าอยู่บ้านครับ ไม่ต้องออกไปเสี่ยงครับ
ดังนั้น ข้อสรุป ถ้าจำเป็นต้องออก ก็ต้องออก และป้องกันตัวสูงสุดครับ ถ้าไม่จำเป็นอะไร ก็ไม่ต้องออกครับ ไม่ใช่เพื่อตัวคุณนะครับ แต่เพื่อสังคม คือว่าเวลาคุณติด คุณเป็นตัวแพร่ ทำให้คนอื่นเดือดร้อน แต่เราจะไปคาดหวังอะไร เพราะคนที่ไมรักตัวเอง รนหาที่เอง จะไปรักอะไรกับสังคมครับ
ถ้าไม่ระวังตัว ไม่กลัวโควิด โรคนี้มันก็จะไม่จบครับ และถ้าคุณจะติด ก็เรื่องของคุณ แต่คนติด ก็จะแพร่เชื้อให้คนอื่น นั่นละ ปัญหา จงกลัวมันครับ แต่ไม่ต้องประสาทจนเกินไป คุณดำรงชีวิตอยู่กับมันได้ครับ
ผมพูดตรงไปตรงมาสักนิดนะครับ อาจจะระคายหูบางคน ก็ขออภัยล่วงหน้าครับ
ต้องวิ่งเข้าออกรพ ต่าง ๆ ทุกวัน โรงไหนเสี่ยง โรงไหนน่ากลัว ผมไปมาหมดครับ
แต่ผมระวังตัว ป้องกันตัว ทำตามข้อกำหนดต่าง ๆ ใส่ mask เวลาเข้ารพ รพไหนน่ากลัว ก็ยกระดับ mask ที่ใช้ขึ้นอีกขั้น เป็นพวก KN 94, หรือ KN 95 เพราะเราเข้าไปในดง อยู่ในส่วนงานที่เข้มข้นกับเชื้อโรคของรพ
แต่ผมทำตามข้อกำหนด ล้างมือบ่อย ๆ ไม่ถอด mask เวลาไปสอน ไปเทรน ผมใส่ mask พูดตลอด เปิด mask เฉพาะตอนจิบน้ำ แล้วปิดทันที
ล้างมือด้วยน้ำและสบู่เป็นหลัก เจล สเปรย์ เป็นตัวเสริม
คราวนี้ พ่อกับแม่ผม อายุจะ 80 แล้ว มีโรคประจำตัว สิ่งที่ผมทำคือ ให้เค้าอยู่บ้าน เท่านั้นครับ ออกข้างนอก ให้อยู่ได้แค่บนรถ และต้องใส่ mask หรือเวลาไป รพ ไปหาหมอ ก็ใส่ mask ตลอด
ดังนั้น คุณจะเห็นว่า ผมไม่ได้ปิดกั้นในกรณีที่คิดว่าป้องกันตัวได้ และมีความจำเป็นต้องออก สำหรับกรณีของผม และน้องสาว ที่ทำงานสายงานเดียวกันในโรงพยาบาล
แต่สำหรับคนที่ไม่จำเป็นเช่นพ่อกับแม่ ไม่มีความจำเป็นต้องออกครับ อยากได้อะไร อยากกินอะไร บอกมา เดี๋ยวจัดมาให้ อยากออกไปเดิน ไปเดินในบ้าน สูดอากาศบริสุทธิ์ในสนามครับ เดินในหมู่บ้านได้ อากาศปลอดโปร่งโล่ง ปลอดภัย
ผมยืนยันว่า มนุษย์ไม่ใช่สัตว์ที่ต้องอยู่กันเป็นฝูงครับ คนสามารถอยู่เดี่ยว ๆ ได้ คำว่าสังคม ไม่ใช่ว่าจะต้องไปเห็นกันซึ่งหน้าครับ ไม่ต้องไปอยู่กันเป็นฝูง ๆ เทคโนโลยีสมัยนี้ มันไม่ใช่ยุคส่งสัญญานควัน ที่ต้องไปเห็นหน้ากัน ทุกวันนี้ แม่ผมคุยกับพี่น้อง คุยกับญาติที่อยู่ ตปท ทุกวัน โดยที่เค้าอยู่บ้านครับ ไม่ต้องออกไปเสี่ยงครับ
ดังนั้น ข้อสรุป ถ้าจำเป็นต้องออก ก็ต้องออก และป้องกันตัวสูงสุดครับ ถ้าไม่จำเป็นอะไร ก็ไม่ต้องออกครับ ไม่ใช่เพื่อตัวคุณนะครับ แต่เพื่อสังคม คือว่าเวลาคุณติด คุณเป็นตัวแพร่ ทำให้คนอื่นเดือดร้อน แต่เราจะไปคาดหวังอะไร เพราะคนที่ไมรักตัวเอง รนหาที่เอง จะไปรักอะไรกับสังคมครับ
ถ้าไม่ระวังตัว ไม่กลัวโควิด โรคนี้มันก็จะไม่จบครับ และถ้าคุณจะติด ก็เรื่องของคุณ แต่คนติด ก็จะแพร่เชื้อให้คนอื่น นั่นละ ปัญหา จงกลัวมันครับ แต่ไม่ต้องประสาทจนเกินไป คุณดำรงชีวิตอยู่กับมันได้ครับ
ผมพูดตรงไปตรงมาสักนิดนะครับ อาจจะระคายหูบางคน ก็ขออภัยล่วงหน้าครับ
ความคิดเห็นที่ 5
เอาจริงๆ สังคมไทยควรเลิกประสาทกินกับโควิดได้แล้ว ผ่านมาปีกว่าๆ สถิติทั่วโลกค่อนข้างนิ่งในระดับหนึ่งแล้วว่าโรคนี้ติดเชื้อง่ายจริงแต่ตายน้อยมาก ขนาดอาการหนักยังน้อยมากเลย ถึงเวลาต้องอยู่ร่วมกับมันเสียที ให้คนทำมาหากินให้ใกล้เคียงปกติให้ได้มากที่สุด
ถ้าสังคมไทยไม่เลิกกลัวโควิดแบบประสาทกินอย่างที่เป็นอยู่ ต่อให้ฉีดวัคซีนจำนวนมากๆ ก็เปล่าประโยชน์ อย่าลืมว่าไม่มีวัคซีนตัวไหนป้องกันการติดเชื้อได้ 100% มีแต่การลดความรุนแรงของโรคเท่านั้น หมายถึงฉีดแล้วติดเชื้อก็จะไม่มีอาการหรือมีอาการไม่มากจนต้องนอน รพ. ซึ่งต่างประเทศเขาวางแผนกันแล้วว่าจะเร่งฉีดเพื่อให้กิจกรรมต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นก่อนยุคโควิดระบาดกลับมา ถามว่าคนไทยรับได้ไหมล่ะ
ถ้ายังกลัวกันอยู่ ยังเรียกร้องให้ล็อกดาวน์กันอยู่ ถามว่ารัฐบาลมีปัญญาดูแลประชาชนหรือ? ขนาดประเทศที่รวยๆ ยังทำไม่ได้เลยครับ
TonyMao_NK51 ( ใช้แทนอมยิ้มที่ถูกแบน )
ถ้าสังคมไทยไม่เลิกกลัวโควิดแบบประสาทกินอย่างที่เป็นอยู่ ต่อให้ฉีดวัคซีนจำนวนมากๆ ก็เปล่าประโยชน์ อย่าลืมว่าไม่มีวัคซีนตัวไหนป้องกันการติดเชื้อได้ 100% มีแต่การลดความรุนแรงของโรคเท่านั้น หมายถึงฉีดแล้วติดเชื้อก็จะไม่มีอาการหรือมีอาการไม่มากจนต้องนอน รพ. ซึ่งต่างประเทศเขาวางแผนกันแล้วว่าจะเร่งฉีดเพื่อให้กิจกรรมต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นก่อนยุคโควิดระบาดกลับมา ถามว่าคนไทยรับได้ไหมล่ะ
ถ้ายังกลัวกันอยู่ ยังเรียกร้องให้ล็อกดาวน์กันอยู่ ถามว่ารัฐบาลมีปัญญาดูแลประชาชนหรือ? ขนาดประเทศที่รวยๆ ยังทำไม่ได้เลยครับ
TonyMao_NK51 ( ใช้แทนอมยิ้มที่ถูกแบน )
ความคิดเห็นที่ 7
เรื่องความกลัว แต่ละเคสไม่เหมือนกัน
ครอบครัวเรายังกลัวมาตลอดนะ เพราะมี สว ในบ้าน อายุ 60+ จนไปถึงแปดเก้าสิบงี้ แถมยังมีโรคประจำตัวกันด้วย ต้องระมัดระวังตัวกันเพราะไม่อยากเอาเขื้อไปติด เกิดผู้ใหญ่ในบ้านเป็นอะไรไปเพราะติดเชื้อจากลูกหลาน มันไม่คุ้ม และไม่อยากเสียใจภายหลังด้วย
บางคนที่เขาไม่กลัวเพราะอาจอยู่คอนโดคนเดียว และยังหนุ่มยังสาว ร่างกายแข็งแรง เลยไม่แคร์
ครอบครัวเรายังกลัวมาตลอดนะ เพราะมี สว ในบ้าน อายุ 60+ จนไปถึงแปดเก้าสิบงี้ แถมยังมีโรคประจำตัวกันด้วย ต้องระมัดระวังตัวกันเพราะไม่อยากเอาเขื้อไปติด เกิดผู้ใหญ่ในบ้านเป็นอะไรไปเพราะติดเชื้อจากลูกหลาน มันไม่คุ้ม และไม่อยากเสียใจภายหลังด้วย
บางคนที่เขาไม่กลัวเพราะอาจอยู่คอนโดคนเดียว และยังหนุ่มยังสาว ร่างกายแข็งแรง เลยไม่แคร์
แสดงความคิดเห็น
โควิดระบาดแต่ครอบครัวไม่กลัวเลย