จากข่าวแม่อุ้มลูกไลฟ์สดเลยค่ะ เท่าที่ทราบจากข่าวคือทางฝั่งผู้ป่วยอยากอยู่ห้องพิเศษโรงพยาบาลเอกชนที่พ่อแม่ลูกอยู่ด้วยกันได้ ซึ่งเจ้าของกระทู้เข้าใจส่วนที่อยากอยู่ด้วยกัน แต่เมื่อลูกตัวร้อนขนาดนั้น ส่วนตัวถ้าที่ไหนรับดูแลก่อน เจ้าของกระทู้จะไม่เกี่ยงถึงแม้จะต้องแยกกันรักษา
อย่างไรก็ดีจากที่ทราบตามข่าวคือถ้าติดโควิดรัฐออกค่าใช้จ่ายในการรักษาให้โรงพยาบาล ตรวจเจอโรคที่ไหน แอดมิทที่นั้น ถ้ามาทรงนี้ คนก็จะไม่แห่ไปโรงพยาบาลเอกชนกันหมดเหรอคะ แล้วเงินที่รัฐต้องจ่ายให้กันเอกชนก็คงเยอะหน้าดู ที่เห็นคือในเคสของคนในวงการบันเทิงที่ตรวจเจอโควิดก็แอดมิทเอกชนทั้งนั้น รายได้นักแสดงก็ดีอยู่แล้วแต่เราต้องเอาเงินไปจ่ายให้เค้ารักษาโควิดในโรงพยาบาลเอกชนที่ส่วนใหญ่ก็น่าจะสะดวกสบายกว่าของรัฐ แต่กับประชาชนทั่วไปที่ติดโควิดส่วนมากต้องรักษากับรัฐบาล ส่วนตัวก็รู้สึกว่าทรีทเม้นท์ของคนบันเทิงกับคนส่วนใหญ่ไม่เท่ากัน
ที่พูดไม่ได้จะลดค่าโรงพยาบาลรัฐนะคะ เจ้าของกระทู้มั่นใจในการรักษาโดยโรงพยาบาลรัฐ เพียงแต่โควิดผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อาการไม่ได้วิกฤติมากแต่ต้องใช้เวลาดูอาการนานในโรงพยาบาล ถ้าบรรยากาศของสถานที่ดีกว่ามันก็ทำให้การที่ต้องอยู่โรงพยาบาลนานๆเครียดน้อยลง
สอบถามเรื่องหลักเกณฑ์การจ่ายเงินค่ารักษาโควิดของรัฐบาลค่ะ
อย่างไรก็ดีจากที่ทราบตามข่าวคือถ้าติดโควิดรัฐออกค่าใช้จ่ายในการรักษาให้โรงพยาบาล ตรวจเจอโรคที่ไหน แอดมิทที่นั้น ถ้ามาทรงนี้ คนก็จะไม่แห่ไปโรงพยาบาลเอกชนกันหมดเหรอคะ แล้วเงินที่รัฐต้องจ่ายให้กันเอกชนก็คงเยอะหน้าดู ที่เห็นคือในเคสของคนในวงการบันเทิงที่ตรวจเจอโควิดก็แอดมิทเอกชนทั้งนั้น รายได้นักแสดงก็ดีอยู่แล้วแต่เราต้องเอาเงินไปจ่ายให้เค้ารักษาโควิดในโรงพยาบาลเอกชนที่ส่วนใหญ่ก็น่าจะสะดวกสบายกว่าของรัฐ แต่กับประชาชนทั่วไปที่ติดโควิดส่วนมากต้องรักษากับรัฐบาล ส่วนตัวก็รู้สึกว่าทรีทเม้นท์ของคนบันเทิงกับคนส่วนใหญ่ไม่เท่ากัน
ที่พูดไม่ได้จะลดค่าโรงพยาบาลรัฐนะคะ เจ้าของกระทู้มั่นใจในการรักษาโดยโรงพยาบาลรัฐ เพียงแต่โควิดผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อาการไม่ได้วิกฤติมากแต่ต้องใช้เวลาดูอาการนานในโรงพยาบาล ถ้าบรรยากาศของสถานที่ดีกว่ามันก็ทำให้การที่ต้องอยู่โรงพยาบาลนานๆเครียดน้อยลง