ควรหย่าหรือทำอย่างไรดี

ยาวหน่อยนะคะ ขอให้ทุกท่านตั้งใจอ่านแล้วช่วยเสนอความเห็นให้ด้วยค่ะ

ดิฉันแต่งงานจดทะเบียนสมรสเมื่อปี 2560  ดิฉันคบกับแฟนอายุมากกว่า 12ปี ระยะเวลาประมาณ 12-14 ปี ณ ตอนนั้น 
มูลเหตุของการแต่งงานคือ แม่ดิฉันป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย คุณหมอบอกว่าจะอยู่ได้แค่ 4-5 เดือน แม่รับทราบการรักษา จึงเรียกฉันไปคุยแล้วบอกว่าให้ดิฉันแต่งงาน อยากให้มีคนดูแล เพราะแฟนที่เราคบอยู่ก็เป็นคนดี เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ขยัน สุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน แม่เราเมตตาแฟนคนนี้มาก ซึ่งในใจเราไม่อยากแต่งงาน และไม่เคยคิดภาพตัวเองแต่งงานเลย เราก็ไม่รู้จะว่ายังไงก็ปฏิเสธไปหลายครั้ง จนเกิดการทะเลาะกันใหญ่โตระหว่างเรากับแม่ เรากลัวแม่เราอาการทรุด สุดท้ายเราก็ตัดสินใจคุยกับพี่เค้า

โดยเราบอกเขาไปว่าแม่เป็นแบบนี้นะ เขารับได้ไหม และถ้าจะแต่งงานเขาพร้อมมั้ยติดขัดอะไรไหม? 
แฟนเราก็บอกแบ่งรับแบ่งสู้ ซึ่งเราก็ถามว่ามีปัญหาเรื่องอะไร? มีหนี้สินหรือภาระอะไรไหมก็บอกมา (เราเกลียดคนมีหนี้ค่ะ เกลียดคนบริหารจัดการชีวิตไม่เป็น ซึ่งตลอดเวลาที่คบมาด้วยความที่เราคบเขาตั้งแต่เด็ก เราก็จะมองว่าเขาเป็นทุกอย่างให้เรา เพราะโตกว่าเรา เขาเป็นคนประหยัด เสื้อผ้าใส่ตัวซ้ำ ๆ เดิม ๆ ได้ ไม่กินเหล้าไม่อบายมุก ทำอะไรบอกเราตลอด)

แฟนเราเขาก็บอกว่าไม่มีหนี้สิน มีแค่ผ่อนรถคันเดียว เหลือปีกว่าก็หมด  เราก็ถามแฟนเราว่า ณ ปัจจุบันเงินเดือนเขาเท่าไหร่ เราก็แชร์ของเราไป (แฟนเรารับราชการค่ะ ณ ตอนนั้นเงินเดือนประมาณ 20K+) เราก็คุยกันพอสมควรเรื่องการบริหารจัดการเงินเสียส่วนใหญ่ เราตกลงกันดังนี้

1. บ้านเป็นของเรา เพราะว่าเราซื้อก่อนแต่งงาน
2. ค่าใช้จ่ายที่เป็นเรื่องใหญ่ ๆ แฟนเป็นคนออก (แต่ความจริงก็คือเรา) เป็นต้น เรื่องซื้อของเข้าบ้านเราจัดการ ไปเที่ยวก็แล้วแต่จะออก อยู่ที่ตกลงกันเราแชร์ได้ไม่มีปัญหาค่ะ 
3. เมื่อเขาหมดภาระผ่อนรถยนต์เขา เขาจะดูแลจัดการทุกอย่างเอง อารมณ์ว่าให้เราอยู่บ้านเฉย ๆ ว่างั้น (แต่เราชอบทำงานและเพิ่งมารู้คตวามจริงทีหลัง)
4. ก่อนหน้านั้น 5 ปีก่อนจะมาคุยเรื่องการแต่งงาน แฟนเคยไปขายตรงและเครือข่าย จนเราทะเลาะกัน และเลิกกันไป แล้วเราก็ถามเรื่องนี้ด้วยว่า ณ ตอนนี้ยังขายตรงหรือทำเครือข่ายอยู่มั้ย แล้วยังคบเพื่อนคนนั้นอยู่มั้ย? เขาตอบว่า ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวแล้วกับขายตรง.....
5. เราถามย้ำอีกครั้ง ว่ามีหนี้สินอะไรมั้ย?  เขาตอบว่าไม่มี มีแค่ค่าผ่อนรถเดือนละ 10K+

เหตุที่เราถามเรื่องการบริหารจัดการเงิน เพราะเราโตมากับแม่เลี้ยงเดี่ยว เรารับรู้ว่าแม่เราทำงานเหนื่อยแค่ไหน และการใช้ชีวิตคู่ไม่ใช่เรื่องง่าย  เราออกจะเป็นคนอิสระ ไม่ชอบการผูกมัดด้วยซ้ำ โตมาทำอะไรด้วยตนเองตลอด เราเป็นผู้นำครอบครัวค่ะ เป็นมือขวาของแม่ การเงินในบ้านเรารับรู้หมด แม่มีเงินเท่าไหร่ ซื้ออะไร เราถือบัญชีแม่ เราเลยติดนิสัยการวางแผนทางการเงินค่ะ เรามีแนวคิดว่า คนเรามีอะไรต้องพูดตรงไปตรงมา เราเป็นคนพูดตรงไปตรงมาค่ะ และเราเกลียดคนมีหนี้ โดยเฉพาะหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ งานแต่งงานของเราผ่านไปได้โดยดี ไม่มีหนี้สินให้เคลียร์ ค่าซองสามารถจ่ายค่าใช้จ่ายทุกอย่างได้ แม้แม่สามีจะมาถามค่าซองเราภายหลังก็ตาม (เราพยายามปลงกับนิสัยแม่สามีมาเป็นระยะ ๆ )  

อ้อ ลืมบอกไปว่าแฟนเราเรียนต่อ ป.เอก ด้วย เมื่อแต่งงานเสร็จก็คือเขาต้องมาเรียนต่อ เสาร์-อาทิตย์ ค่ะ เวลาเรียนปีครึ่งคอร์สเวิร์ค ระหว่างนั้น เราก็ต้องกลับบ้าน ตจว. ทุกอาทิตย์เลยไปดูแลแม่กับยาย แม่กับยายเราเป็นมะเร็งพร้อมกันเลยค่ะ เราขับรถไปกลับคนเดียว เราก็ไม่ติดใจอะไรเพราะเข้าใจว่าแฟนเรียนคงเหนื่อยไม่มีเวลา เราก็ไป-กลับ ศุกร์เลิกงานขับกลับ อาทิตย์ตอนบ่าย ๆ มา กทม. ระยะทาง 1000 กม. เราทำแบบนี้มาตลอดจนวันที่แฟนเรียนคอร์สเวิร์คจบ

ทาง ม. ก็มีการไปดูงานที่ ตปท. แฟนเราเปรยว่า ไม่มีเงินไปดูงาน ตปท. ..เราก็เลยบอกว่า... ลองกู้เงินสหกรณ์ที่ทำงานดูสิ...แฟนเราก็บอกว่า "กู้ไม่ได้ ไม่มีคนค้ำ อายุงานไม่ถึง บลาๆๆๆ" เราก็เลยบอกว่า จริงเหรอ แฟนก็บอกว่าจริง แถมว่าเราระแวงไม่เข้าเรื่อง...แฟนขอให้เราช่วย เราเลยยืมเงินแม่ตัวเองมา 7 หมื่นให้แฟนไปดูงานที่ ตปท. และของเพื่อนเราอีก 1 แสนบาท รวมเป็น 170,000 บ. โดยเขาสัญญาว่าจะคืนเงินนี้ไม่เกิน 3 เดือน

เมื่อเสร็จจากการดูงาน ตปท. เราก็เพิ่งมารู้ว่าเขาติดเทรด FOREX ขั้นหนัก ไม่หลับไม่นอน หลังจากเรามาใช้ชีวิตด้วยกัน เขาไม่นอนเลย สะดุ้งทุกชั่วโมง เดินเข้าออกห้องนอนกับห้องทำงานเป็นว่าเล่น และนอนจ้องมือถือทั้งคืน เรานอนไม่หลับเลยเพราะเราต้องขับรถไป ตจว. ดูแลแม่และยาย ก็เลยบอกให้แยกห้องนอนไปเลยเพราะว่าเขาไม่หลับไม่นอน ...เราก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะอะไรขนาดนั้น... สรุปคือ เขายังคบกับเพื่อนที่เราไม่อยากให้คบ คนที่ชวนเขาไปชายตรง แชร์ เครือข่าย ฯลฯ เราเสียความรู้สึกมาก 

เมื่อเรียนจบคอร์สเวิร์คแล้ว แฟนก็มารู้ว่าพ่อแฟนเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก เราก็ขับรถไปดูแลพ่อแม่แฟนตามโอกาส ซื้อแพมเพิทอะไรไปให้ เพราะว่าเรามีประสบการณ์ดูแลผู้ป่วยมะเร็ง เราโทรหาแม่แฟนวันเว้นวันเพื่อถามอาการ (เรากับแฟนอยู่จังหวัดเดียวกันค่ะ) ทีนี้ก็เป็นการขึ้นสอบบทที่ 1-3 ใช่มั้ยคะ แน่นอนค่ะว่าแฟนเราไม่ได้โฟกัสเรื่องการเรียนอีกต่อไป เราเลยนั่งเขียนให้บท 1-2 ส่วนบท 3 เครื่องมือการวิจัย แฟนเราทำ (ซึ่งเรามองว่าบทนี้ไม่ได้ยากเลยแค่วิธีการ สามารถประยุกต์จากงานคนอื่นได้) จนแฟนเราได้สอบ 3 บทในปี 61 

ตั้งแต่แต่งงาน 2559-2562 เราก็ขับรถไปมาคนเดียวเทียวไปมาคนเดียวจนชิน แฟนเราไม่เคยถามเลยว่าเราขับรถไปถึงไหน ยางแตกกลางดึก กลางป่ามั้ย ไม่มีเลยค่ะ เราชวนเขามาเยี่ยมบ้าน เยี่ยมแม่บ้าง เขาก็อ้างว่าไม่มีเงิน ณ ตอนนั้นเราเริ่มงงแล้วว่า เงินไปไหนหมด เราไม่เคยรู้รหัส ATM แฟน ไม่ซอกแซกเรื่องเงินแฟน เพราะถือว่าคุยก่อนแต่งงานแล้ว "เราเชื่อใจ" และเขาก็ทำให้เรา "เชื่อใจ" มาโดยตลอดที่คบกัน  ทีนี้แฟนเราก็มาพูดว่าให้เราทำบัตรเครดิตได้ไหม เพราะว่าเงินเดือนเราเยอะกว่าเขา เราก็ด้วยความเชื่อใจ เราก็ถามว่า ป่านนี้แล้วยังกู้เงินสหกรณ์ไม่ได้หรอ ทำไมเพื่อนเราที่เป็นข้าราชการ แป้บ ๆ ก็กู้ได้แล้ว เราทั้งโทรหาเพื่อน หาผู้ใหญ่ปรึกษาเขาก็บอกว่ากู้ได้ ๆ  แต่แฟนเราปฏิเสธเสียงแข็งว่า ไม่ได้ ๆ ๆ คนละจังหวัดกัน บลา ๆๆ 

สรุปเราก็ทำบัตรเครดิตมา 5 ใบ (เราเงินเดือนเยอะ) ให้เขาหมดเลย ปกติเรามีบัตรเดียวไว้ใช้จ่ายประกันชีวิตให้แม่และเราเท่านั้น จ่ายตรงเวลาไม่เคยมีปัญหา
แต่คงเป็นคราวซวยของเราหรือเราเชื่อใจเขามากเกินไป เราให้เขาถือหมดเลย ช่วยสามี ร่วมหัวจมท้ายกับสามี เพราะคิดว่าเป็นครอบครัวด้วยกัน ต้องสนับสนุนสามี สุดท้ายบัตรเครดิตทุกใบโทรมาหาเราจนไม่เป็นอันทำงาน โทรมาถึงที่ทำงานเรา จนเราอับอายเพื่อน  เงินเดือนเราต้องเอาไปจ่ายบัตรเครดิต ไหนจะดูแลแม่ พาแม่ไปโรงพยาบาล บางครั้งนอนเป็นเดือน เพราะว่าแม่โคม่ามากแล้ว 

จนถึงขั้นมีหมายศาลมาที่บ้านเรา เราเครียดมาก เพราะปัญหารุมเร้ามาหลายทาง เราไม่เคยเจออะไรแบบนี้ เราเกลียดสามีเรามาก เกลียดจนไม่สามารถมองหน้าได้อีกแล้ว เพราะสามีเราไม่มีปัญญาจ่ายหนี้บัตรและอื่น ๆ เลย เราแบกค่าใช้จ่ายเดือนละเกือบแสน ค่าบ้าน+ค่ารถเรา+บัตรเครดิต+อื่น ๆ 

ความโง่เรายังไม่หมดแค่นั้นค่ะ สามีเราหมุนเงินไม่ทัน เราก็ไปกู้ฉุกเฉินที่ทำงานมาให้ 30,000 บาท คนค้ำประกัน 3 คน (ขอบคุณเพื่อนที่ทำงานมาก ๆ) แต่เงื่อนไขคือต้องชำระภายใน 6 เดือน  ...สามีเราเขาสัญญา (อีกแล้ว) ว่าจะหาเงินมาใช้หนี้ให้เรา สุดท้ายคือเราจ่ายหนี้ก่อนนี้เอง  ...เรายิ่งเกลียดมากขึ้นทวีคูณ + เสียความรู้สึก

2560 -2562 เราคุยกันน้อยมาก แฟนเราก็ทำงาน อ้างว่าไม่สามารถกลับบ้านกับเราได้เหมือนเดิม กลับจากงานก็เดินเข้าห้องทำงาน นอน ไม่สนใจเราเลยว่าไปไหนมา เราก็ใช้ชีวิตแบบนี้นะคะ เรากลับมาจากทำงานก็พบว่าเขานอนในห้องทำงาน ปิดไฟนอน ไม่ถาม ไม่คุย อะไรกับเราสักคำ มีครั้งนึงเขาไม่จ่ายค่าไฟ จนไฟตัด ...แม่เรารู้ แม่เราถึงขั้นร้องไห้ รู้สึกผิดที่ให้เราแต่งงาน และลงมาคุยกับแฟนเราที่ กทม.  จนแฟนเรากราบเท้าแม่เรา...เราคิดว่าเขาจะคิดได้

เรื่องสะเทือนใจดิฉันก็คือ ตั้งแต่เกิดมาจนเรียนจบ โท ฉันไม่เคยทำให้แม่ผิดหวังเลย ฉันยังจำวันที่แม่ไปขายสร้อย ขายแหวน ที่ MBK ได้ถนัดตา ทั้งที่แม่ร่างกายไม่แข็งแรงเพิ่งฉายคีโมเสร็จกลิ่นฉี่ของยายังไม่หาย ฉันน้ำตาตกใจเลย รู้สึกบาปมาก ๆ ทำให้แม่เดือดร้อน

เมื่อแม่ฉันรู้เรื่องปี 2560 แม่ฉันจึงให้นำรถแฟนไปขายเพื่อนำเงินมาปิดหนี้ ซึ่งก่อนแต่งงานแฟนบอกว่า งวดรถเหลือปีกว่าก็จะหมด ฉันก็เห็นว่าใกล้จะครบกำหนดตามที่บอกจึงถามว่าเหงือค่างวดกี่บาท เขาก็ไม่ตอบอะไรฉัน ฉันจึงเค้นถาม จึงพบว่ารถอยู่ที่ ลิสซิ่งหนึ่ง.....ช็อครอบที่ 100 ในชีวิต ฉันไปที่ลิสซิ่งและให้เขานำสัญญากรีไฟแนนช์ไปด้วย เขาบอกฉันว่า ไม่รู้เก็บไว้ที่ไหน...ฉันอาละวาดที่ไฟแนนช์ยกใหญ่ สรุปคือ เขาเอารถไปรีไฟแนนช์ 500,000 ก่อนแต่งงานเพื่อไปขายตรง ไปเทรด FOREX เทรดเสียซ้ำซาก และยังคบกับเพื่อนคนนั้นอยู่

ปรากฏว่าเมื่อเอารถไปขาย ได้ค่าส่วนต่างมา 34,000 บาท ซึ่งไม่พอค่าปิดหนี้ ฉันช็อครอบที่ 1,000 รู้สึกเหมือนคนโง่และหมดซึ่งศรัทธาในตัวผู้ชายคนนี้ เขาไม่ใช่คนเดิมที่ฉันรู้จักอีกต่อไปแล้ว 

ปี 2561 สถานการณ์ก็แบบเดิม ฉันยังคงขับรถไปกลับ กทม.-ตจว. คนเดียว ซึ่งในการไปบ้านแต่ละครั้ง ฉันก็จะต้องแยกร่างไป โรงพยาบาลด้วย กลับไปดูแลยายและหลาน ๆ อีกด้วย แต่ฉันก็สามารถจัดการทุกอย่างได้ โดยที่สามีไม่เคยโทรหา ไม่เคยไลน์ เลย จนแม่ฉันกับยายบอกว่า สงสารฉันมาก หลังแต่งงานทำไมชีวิตถึงตกนรก ทั้งที่ชีวิตรุ่งเรืองอยู่แท้ ๆ ไปกลับคนเดียวอันตราย แม่ฉันท่านคงรู้สึกผิดที่ให้ฉันแต่งงานในวันนั้น

จนมีการร่างจดหมายเพื่อส่งไปยังบ้านแฟน เนื้อความระบุถึงสิ่งที่เขาทำและมูลหนี้ที่เขามี (ทางบ้านแฟนเข้าใจว่าบ้านหลังปัจจุบันที่อยู่คือบ้านลูกชายเขา) 
และแม่ดิฉันไปคุยกับทางบ้านเขาเองกับพ่อของแฟน ซึ่งฉันมองว่าแฟร์ดีนะคะ แม่ฉันและพ่อแฟนก็เป็นมะเร็งด้วยกันทั้งคู่ ไม่มีใครเสียเปรียบไป สรุปคือ ทางบ้านแฟนหาเงินมาจ่ายให้แม่ดิฉัน 400,000 บาท และแม่ดิฉันกำชับว่า "อย่าโง่ให้แฟนยืมอีก"....และแม่ดิฉันก็ยังเมตตาสามีดิฉันว่า อย่าไปว่าอะไรเลย คนมันหนี้สินเยอะ คงเครียดเป็นธรรมดา... ตอนนั้นฉันตัดสินใจแล้วว่าจะหย่า...

ปี 2562 ปีสุดท้ายที่แม่ดิฉันมีชีวิตอยู่ แม่ต้องนอนโรงพยาบาลนานหลายอาทิตย์ บางทีนอนเป็นเดือน เข้า-ออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ฉันใช้เงินเดือนละเป็นแสน ดูแลทุกคนในครอบครัว นอนไม่เคยเต็มตาตื่นมาดูลมหายใจแม่ในความมืดว่าแม่ยังหายใจอยู่หรือเปล่า.. 4 วันสุดท้ายแม่ฉันก็ยังถามหาแฟนฉันค่ะ ว่า.... ไม่ได้มาด้วยเหรอ? ฉันกลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่ ก็เลยบอกไปว่า พี่เขาติดงานน่ะแม่ เดี๋ยวตามมา...

จนวันที่แม่ฉันเสีย ฉันยังไม่ทันได้อาบน้ำเลย เพราะเฝ้าแม่ทั้งคืน เขาก็ไม่โทรมาเช่นเคยค่ะ ฉันก็ให้พี่สาวอาบน้ำแต่งตัวให้ศพแม่ ส่วนตัวฉันก็ไปเลือกโลงศพให้แม่ เดินเรื่องเอกสารต่าง ๆ พิมพ์การ์ดเชิญต่าง ๆ เคลียร์พื้นที่เพื่อจัดงาน สั่งพวงหรีด ควบคุมงานทั้งหมด แฟนฉันก็ยังไม่มา...จนฉันบอกว่า ให้หาเงินมาช่วยงานแม่สัก 10,000 แล้วจะไปไหนก็ไป...เขาก็มาค่ะ ในวันที่ 2 ของงาน...มาแบบไม่ได้เต็มใจ มันแสดงออกทั้งทางสีหน้าและแววตา หน้างานอยู่ที่นี่ แต่ตัวเขาไปนั่งหลบมุมใต้ต้นไม้อีกมุมหนึ่ง แต่ตอนนั้นฉันโฟกัสแต่เรื่องงานแม่ ประกอบกับไม่ได้นอนติดต่อกันมาหลายปี (ต้องใช้คำนี้จริง ๆ ) ฉันเลยไม่ได้โฟกัสเขา

***เดี๋ยวต่ออีกข้อความหน้านะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ฟังดู เรียนสูง เงินเดือนเยอะ งานการมั่นคง กันทั้งคู่ ถึงสามารถกู้เงินมาใช้จ่ายได้เยอะแยะ แต่เทรด Forex ก็น้องๆติดการพนันแหละครับ

อ่านดูเหมือนคุณเป็นคนมีสติ มั่นใจในตัวเอง ตัดสินใจเด็ดขาด แต่ทำไมพลาดซ้ำซากหลอยรอบวนไป อันนี้เข้าใจว่าคงเพราะเรื่องหัวใจและครอบครัว

รักกันหรือไม่ก็เรื่องนึง แต่ผมว่าเขาเป็นคนแล้งน้ำใจใช้ได้
ความคิดเห็นที่ 1
อ่านที่คุณเขียนมาแล้ว (นี่ขนาดยังมีต่อ)

เราว่า คนที่มีสติปัญญาดีทุกคน  เขาคงขอหย่าให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปนานแล้วล่ะค่ะ

Facepalm
ความคิดเห็นที่ 29
ไม่ควรหย่าครับ
อยุ่ใช้หนี้ให้เค้าไปตลอดชีวิตเถอะครับ สงสารเค้า
ความคิดเห็นที่ 51
จขกท รักแหละ แต่ด้วยความที่มีอีโก้ เลยหาข้ออ้าง 108 ให้ดูเหมือนทนอยู่ เพราะถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น เผ่นไปนานแล้ว สามี จขกท.ก็ดูง่ายมาก เข้าหาเพราะเรื่องเงิน หลอกให้จขกท.ทำรายงาน กู้เงินให้ เพื่อให้ตัวเองใช้ชีวิตได้ต่อไปเรื่อยๆ ผู้ชายไม่ซับซ้อนเหมือนผู้หญิง ไม่รักก็คือไม่รัก แต่ผู้หญิงปากบอกว่าทน เพื่อแม่ เพื่อสิ่งนั้นสิ่งนี้ แต่จริง ๆ คือรักเค้านั่นแหละ ถ้าเป็นลูกสาวเรา เราคงเสียใจมาก ๆ ที่เลี้ยงลูกออกมาเป็นแบบนี้  หัวอ่อน หลอกง่าย เราดูทรง จขกท ยังงัยก็คงไม่เลิก ยังคงหาข้ออ้างเพื่อให้อยู่กับผู้ชายคนนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เหมือนเพื่อนเรา ก็แบบนี้เลย ชอบบ่นว่าสามีไม่ดี อยากเลิก ผู้ชายขายที่ได้หลายแสนไม่แบ่งเมียซักบาท ปัจจุบันยังอยู่ด้วยกันนะ  ผู้หญิงจ่ายเหมือนเดิม ถ้าคุณไม่อายคน ก็คบเค้าต่อไปเถอะค่ะ แต่ลับหลัง คุณคือหัวข้อสนทนาชั้นดีในร้านกาแฟของคนรอบข้างคุณเลยหละ
ความคิดเห็นที่ 21
อ่านแล้วโคตร งง คุณบอกเป็นคนจัดการเรื่องเงินได้ดีมาก ดูเป็นคนมั่นใจมาก
จัดการทุกเรื่องได้ดี แต่ทําไมถึงยอมผิดซํ้าซากแบบนี้ล่ะครับ งง หรือเพราะรักมากกก
แต่ควรลืมตาได้แล้ว  

ไหนลองบอกข้อดีของ
แฟนหน่อยครับขอสัก 3 ข้อ
หรือเพราะ sex ดีก็ไม่แน่
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ปัญหาชีวิต หย่าร้าง ปัญหาครอบครัว หนี้สิน (Liability)
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่