(มุมมองที่น่าประทับใจยิ่งขึ้นในยามพระอาทิตย์ตก จากสีส้มของท้องฟ้าสะท้อนกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน)
เมืองแอตแลนติสที่สาบสูญ (The Lost City of Atlantis) เป็นเมืองลึกลับที่มีต้นกำเนิดจากงานเขียนของ Plato เมื่อประมาณ 330 ปีก่อนคริสตกาลและกลายเป็นความน่าสนใจของโลกในฐานะอารยธรรมที่ซ่อนอยู่นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คำอธิบายของ Plato เกี่ยวกับแอตแลนติสทำให้นักวิชาการเชื่อว่า มันตั้งอยู่ใกล้กับช่องแคบยิบรอลตาร์ที่ปากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการอ้างว่าเมืองนี้อยู่ในสถานที่ที่กว้างไกลถึงแอนตาร์กติกาตุรกี และแคริบเบียน
รวมถึง Es Vedra เกาะเล็กๆที่ตั้งอยู่นอกเกาะ Ibiza นอกชายฝั่งตะวันออกของสเปนในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่ได้รับการยกย่องมานานแล้วว่าเป็นส่วนปลายของเมืองแอตแลนติสในตำนานที่จมอยู่ใต้น้ำที่สูญหายไปนาน ที่มีผู้เยี่ยมชมเข้ามาสำรวจอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีการค้นพบหลักฐานว่า
แอตแลนติสมีอยู่จริง นอกจากนี้ Es Vedra ยังถูกอ้างว่าเชื่อมต่อกับ Odyssey ของ Homer รวมทั้งหลายคนอ้างว่าพบเห็นยูเอฟโอลอยอยู่เหนือเกาะ
Es Vedra นั้นมีทิวทัศน์ที่สวยงามอย่างมาก โดยอยู่ห่างจากชายฝั่งตะวันตกของอิบิซาไม่ถึงสองไมล์ เป็นพื้นที่ที่เงียบสงบและไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่เอื้อต่อการมีสัตว์ป่าที่อุดมสมบูรณ์ในเกาะ เกาะนี้ส่วนใหญ่สร้างจากหินปูน มีจุดสูงสุดที่ 400 เมตร(1310 ฟุต)จากระดับน้ำทะเล และเป็นส่วนหนึ่งของเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ Cala d'Hort ซึ่งมีกิ้งก่า Ibiza wall lizard สีสันสดใสที่กระโดดโลดเต้นรอบ ๆ ภูมิประเทศที่เป็นหิน นกนางนวลที่ใกล้สูญพันธุ์ และนกเหยี่ยวที่เกาะอยู่บนหน้าผาริมชายฝั่ง และพืชหายากอีก 166 ชนิดที่เจริญเติบโตบนเกาะนี้
แม้ว่า Es Vedra จะมีชื่อเสียงในด้านสัตว์ป่า แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าที่นี่เป็นที่ตั้งของความลึกลับที่ยิ่งใหญ่ หลายตำนานที่ได้รับการเชื่อมต่อกับเกาะ
โดยเฉพาะแอตแลนติส โดยอ้างว่า Es Vedra เป็นเพียงส่วนเดียวที่ยังคงอยู่เหนือน้ำหลังจากที่เกาะจมลงสู่ทะเล คำอธิบายที่เป็นไปได้อย่างหนึ่งสำหรับการเชื่อมต่อนี้คือ เกาะนี้ตั้งอยู่ใกล้กับเหมืองหินทรายของ Sa Pedrera (บนเกาะ Ibiza ) ซึ่งได้รับชื่อ " แอตแลนติส " โดยพวกฮิปปี้ที่อาศัยอยู่ในถ้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่นั่นในช่วงทศวรรษที่ 1960
Es Vedra ยังเชื่อมโยงกับตำนานเทพเจ้ากรีกโบราณผ่าน Homer’s Odyssey ที่เชื่อกันว่าเกาะนี้เป็นบ้านของ sirens สัตว์ในตำนานที่หลอกล่อชาวเรือให้ตายด้วยเพลงของพวกมัน โดยในมหากาพย์กรีก Odysseus ต้องการฟังเพลงของ sirens และเมื่อเรือของเขาเข้าใกล้ที่อยู่ของพวกมัน ฮีโร่ชาวกรีกจึงสั่งให้เพื่อนร่วมเรือเอาขี้ผึ้งอุดหูพวกเขาไว้ และมัด Odysseus ไว้กับเสากระโดงเรือให้แน่น ด้วยวิธีนี้ Odysseus จึงสามารถได้ยินเพลงของ sirens และมีชีวิตอยู่เพื่อเล่าเรื่อง
และเรื่องราวที่เป็นที่รู้กันไปทั่วว่า Es Vedra ได้รับการยกย่องว่าเป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์ของ Tanit เทพธิดาแห่งดวงจันทร์ของชาวฟินีเซียน โดยมีการพบรูปปั้นของเทพธิดา Tanit ทั่วเกาะ Ibiza ซึ่งมีการกล่าวถึงการบวงสรวงเทพีในช่วงพระจันทร์เต็มดวง
อีกตำนานของ Es Vedrà ในเกาะ Ibiza
นี่คือ " Pirate's Tower " ( Torre des Savinar) หอคอยโจรสลัดที่ไม่เคยมีโจรสลัด
อีกหนึ่งในตำนานที่ล้อมรอบเกาะ Es Vedra คือ ตำนานที่ระบุว่าเป็นจุดแม่เหล็กที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก รองจากขั้วโลกเหนือและสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ระหว่าง Es Vedra ชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของ Mallorca และ Ifach (Alicante) ที่เล่าว่าสีของท้องฟ้าที่นั่นแตกต่างจากที่อื่น แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานการอ้างนี้ แต่บางคนก็อ้างว่ายอดหิน Es Vedra มีพลังงานเข้มข้นสูง ที่สามารถดึงดูดมนุษย์ต่างดาวได้
โดยเฉพาะเกาะหินทั้งเกาะของ Es Vedra จะเป็นสนามแม่เหล็กขนาดใหญ่ที่สามารถเคลื่อนย้ายวัตถุ, รบกวนเข็มทิศ และสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้มาเยือนทุกคน ซึ่งผู้เยี่ยมชมบางคนบอกว่า รู้สึกกระปรี้กระเปร่าหลังจากเยี่ยมชมเกาะ และบางคนยืนยันว่า Es Vedra มีพลังในการรักษาเชิงบวก
เรื่องเล่าหนึ่งที่เกี่ยวกับแม่เหล็กของหิน Es Vedra เช่น เหตุการณ์ Manises UFO ที่มีชื่อเสียงที่เกิดขึ้นในปี 1979 ที่นักบินของเครื่องบินเชิงพาณิชย์
คิดว่าเขาเห็นแสงประหลาดที่เคลื่อนที่เร็วมากขณะที่บินเหนือเกาะ Es Vedra จากนั้น นักบินได้ติดต่อหอบังคับการบินแต่ไม่สามารถระบุวัตถุเรืองแสงที่เป็นปัญหาได้ เครื่องบินจึงเลือกเส้นทางบินอื่น ส่วนบางคนอ้างว่าแสงนี้มาจากวัตถุบินที่ไม่ปรากฏชื่อ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า " UFOs "
รูปปั้นของเทพธิดา Tanit ที่พบในสุสานของ Puig des Molins ในศตวรรษที่ 4 B.C.
ในพิพิธภัณฑ์ Puig des Molins ใน Ibiza ประเทศสเปน Cr.ภาพ seaexperienceibiza.com
นอกจากนั้น ชาวประมงในพื้นที่ยังรายงานว่าพบแสงไฟลึกลับโผล่ขึ้นมาใต้ทะเล บางคนเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงระหว่างปรากฏการณ์ประหลาดทั้งสองดังกล่าว โดยบ่งบอกว่ามีฐานของยูเอฟโออยู่ในน้ำใต้เกาะ แต่ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีหลักฐานใด ๆ เกิดขึ้นอีก ยังมีสัตว์ประหลาดซึ่งชาว Ibiza เรียกว่า
Es Gegant de Es Vedrà ที่อาศัยอยู่ในน้ำรอบเกาะ ซึ่งตามนิทานที่เล่าต่อๆกันมาว่า สัตว์ประหลาดขนาดยักษ์จะโจมตีเรือหรือสิ่งใดก็ตามที่เข้าใกล้เกาะเล็กเกาะน้อยบริเวณนี้
อย่างไรก็ตาม เกาะเล็ก ๆ แห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านคุณค่าทางนิเวศวิทยาที่สำคัญ และได้รับการรับรองให้เป็นอ่างเก็บน้ำธรรมชาติตั้งแต่ปี 2002 ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น 'หอศิลป์ธรรมชาติที่น่าสนใจที่สุดในโลก' ด้วยจารึกและงานแกะสลักโบราณในถ้ำ ที่บอกเล่าเรื่องราวร่วมสมัยที่ไม่เหมือนที่อื่น ๆ และสภาพแวดล้อมที่สวยงาม โดยเฉพาะ พระอาทิตย์ตกหลังเกาะที่มีมนต์ขลังและเป็นตำนานที่สุดของเกาะนี้
ทั้งนี้ เกาะ Es Vedra มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ซึ่งกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของผู้มาเยือนอยู่ตลอดเวลา เนื่องจาก Es Vedra มีถ้ำอยู่มากมายที่ค่อนข้างยากต่อการเข้าถึง จากรูปร่างและตำแหน่งที่เป็นโดดเดี่ยวกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้ทุกอย่างน่าประทับใจยิ่งขึ้น และอาจเป็นสาเหตุที่ Es Vedra เป็นหนึ่งในสถานที่ลึกลับที่สุดในโลก
The triangle of silence
นี่คือพื้นที่ระหว่าง Es Vedra (ใน Ibiza) และเกาะ Ifach (ใน Calpe, Alicante)
ที่ว่ากันว่าเหมือนกับในสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ที่เรือและระบบนำทางมีความผิดพลาดและถูกแทรกแซงที่แปลกประหลาด
Ibiza wall lizard (Podarcis sorryusensis)
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
Es Vedra: เกาะลึกลับแห่งเวทมนตร์และพลังงาน
รวมถึง Es Vedra เกาะเล็กๆที่ตั้งอยู่นอกเกาะ Ibiza นอกชายฝั่งตะวันออกของสเปนในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่ได้รับการยกย่องมานานแล้วว่าเป็นส่วนปลายของเมืองแอตแลนติสในตำนานที่จมอยู่ใต้น้ำที่สูญหายไปนาน ที่มีผู้เยี่ยมชมเข้ามาสำรวจอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีการค้นพบหลักฐานว่า
แอตแลนติสมีอยู่จริง นอกจากนี้ Es Vedra ยังถูกอ้างว่าเชื่อมต่อกับ Odyssey ของ Homer รวมทั้งหลายคนอ้างว่าพบเห็นยูเอฟโอลอยอยู่เหนือเกาะ
Es Vedra นั้นมีทิวทัศน์ที่สวยงามอย่างมาก โดยอยู่ห่างจากชายฝั่งตะวันตกของอิบิซาไม่ถึงสองไมล์ เป็นพื้นที่ที่เงียบสงบและไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่เอื้อต่อการมีสัตว์ป่าที่อุดมสมบูรณ์ในเกาะ เกาะนี้ส่วนใหญ่สร้างจากหินปูน มีจุดสูงสุดที่ 400 เมตร(1310 ฟุต)จากระดับน้ำทะเล และเป็นส่วนหนึ่งของเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ Cala d'Hort ซึ่งมีกิ้งก่า Ibiza wall lizard สีสันสดใสที่กระโดดโลดเต้นรอบ ๆ ภูมิประเทศที่เป็นหิน นกนางนวลที่ใกล้สูญพันธุ์ และนกเหยี่ยวที่เกาะอยู่บนหน้าผาริมชายฝั่ง และพืชหายากอีก 166 ชนิดที่เจริญเติบโตบนเกาะนี้
แม้ว่า Es Vedra จะมีชื่อเสียงในด้านสัตว์ป่า แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าที่นี่เป็นที่ตั้งของความลึกลับที่ยิ่งใหญ่ หลายตำนานที่ได้รับการเชื่อมต่อกับเกาะ
โดยเฉพาะแอตแลนติส โดยอ้างว่า Es Vedra เป็นเพียงส่วนเดียวที่ยังคงอยู่เหนือน้ำหลังจากที่เกาะจมลงสู่ทะเล คำอธิบายที่เป็นไปได้อย่างหนึ่งสำหรับการเชื่อมต่อนี้คือ เกาะนี้ตั้งอยู่ใกล้กับเหมืองหินทรายของ Sa Pedrera (บนเกาะ Ibiza ) ซึ่งได้รับชื่อ " แอตแลนติส " โดยพวกฮิปปี้ที่อาศัยอยู่ในถ้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่นั่นในช่วงทศวรรษที่ 1960
Es Vedra ยังเชื่อมโยงกับตำนานเทพเจ้ากรีกโบราณผ่าน Homer’s Odyssey ที่เชื่อกันว่าเกาะนี้เป็นบ้านของ sirens สัตว์ในตำนานที่หลอกล่อชาวเรือให้ตายด้วยเพลงของพวกมัน โดยในมหากาพย์กรีก Odysseus ต้องการฟังเพลงของ sirens และเมื่อเรือของเขาเข้าใกล้ที่อยู่ของพวกมัน ฮีโร่ชาวกรีกจึงสั่งให้เพื่อนร่วมเรือเอาขี้ผึ้งอุดหูพวกเขาไว้ และมัด Odysseus ไว้กับเสากระโดงเรือให้แน่น ด้วยวิธีนี้ Odysseus จึงสามารถได้ยินเพลงของ sirens และมีชีวิตอยู่เพื่อเล่าเรื่อง
และเรื่องราวที่เป็นที่รู้กันไปทั่วว่า Es Vedra ได้รับการยกย่องว่าเป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์ของ Tanit เทพธิดาแห่งดวงจันทร์ของชาวฟินีเซียน โดยมีการพบรูปปั้นของเทพธิดา Tanit ทั่วเกาะ Ibiza ซึ่งมีการกล่าวถึงการบวงสรวงเทพีในช่วงพระจันทร์เต็มดวง
อีกหนึ่งในตำนานที่ล้อมรอบเกาะ Es Vedra คือ ตำนานที่ระบุว่าเป็นจุดแม่เหล็กที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก รองจากขั้วโลกเหนือและสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ระหว่าง Es Vedra ชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของ Mallorca และ Ifach (Alicante) ที่เล่าว่าสีของท้องฟ้าที่นั่นแตกต่างจากที่อื่น แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานการอ้างนี้ แต่บางคนก็อ้างว่ายอดหิน Es Vedra มีพลังงานเข้มข้นสูง ที่สามารถดึงดูดมนุษย์ต่างดาวได้
โดยเฉพาะเกาะหินทั้งเกาะของ Es Vedra จะเป็นสนามแม่เหล็กขนาดใหญ่ที่สามารถเคลื่อนย้ายวัตถุ, รบกวนเข็มทิศ และสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้มาเยือนทุกคน ซึ่งผู้เยี่ยมชมบางคนบอกว่า รู้สึกกระปรี้กระเปร่าหลังจากเยี่ยมชมเกาะ และบางคนยืนยันว่า Es Vedra มีพลังในการรักษาเชิงบวก
เรื่องเล่าหนึ่งที่เกี่ยวกับแม่เหล็กของหิน Es Vedra เช่น เหตุการณ์ Manises UFO ที่มีชื่อเสียงที่เกิดขึ้นในปี 1979 ที่นักบินของเครื่องบินเชิงพาณิชย์
คิดว่าเขาเห็นแสงประหลาดที่เคลื่อนที่เร็วมากขณะที่บินเหนือเกาะ Es Vedra จากนั้น นักบินได้ติดต่อหอบังคับการบินแต่ไม่สามารถระบุวัตถุเรืองแสงที่เป็นปัญหาได้ เครื่องบินจึงเลือกเส้นทางบินอื่น ส่วนบางคนอ้างว่าแสงนี้มาจากวัตถุบินที่ไม่ปรากฏชื่อ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า " UFOs "
Es Gegant de Es Vedrà ที่อาศัยอยู่ในน้ำรอบเกาะ ซึ่งตามนิทานที่เล่าต่อๆกันมาว่า สัตว์ประหลาดขนาดยักษ์จะโจมตีเรือหรือสิ่งใดก็ตามที่เข้าใกล้เกาะเล็กเกาะน้อยบริเวณนี้
อย่างไรก็ตาม เกาะเล็ก ๆ แห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านคุณค่าทางนิเวศวิทยาที่สำคัญ และได้รับการรับรองให้เป็นอ่างเก็บน้ำธรรมชาติตั้งแต่ปี 2002 ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น 'หอศิลป์ธรรมชาติที่น่าสนใจที่สุดในโลก' ด้วยจารึกและงานแกะสลักโบราณในถ้ำ ที่บอกเล่าเรื่องราวร่วมสมัยที่ไม่เหมือนที่อื่น ๆ และสภาพแวดล้อมที่สวยงาม โดยเฉพาะ พระอาทิตย์ตกหลังเกาะที่มีมนต์ขลังและเป็นตำนานที่สุดของเกาะนี้
ทั้งนี้ เกาะ Es Vedra มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ซึ่งกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของผู้มาเยือนอยู่ตลอดเวลา เนื่องจาก Es Vedra มีถ้ำอยู่มากมายที่ค่อนข้างยากต่อการเข้าถึง จากรูปร่างและตำแหน่งที่เป็นโดดเดี่ยวกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้ทุกอย่างน่าประทับใจยิ่งขึ้น และอาจเป็นสาเหตุที่ Es Vedra เป็นหนึ่งในสถานที่ลึกลับที่สุดในโลก
The triangle of silence