๖
เมื่อพนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟปาณฑราจึงหยุดพูด และหันมาสนใจกับของตรงหน้าแทน ซึ่งมีทั้งห่อหมกมะพร้าวอ่อน ยำเห็ดเข็มทองภูเขาไฟ แกงส้มปูไข่หน่อไม้ดองและกุ้งแม้น้ำเผา แล้วหญิงสาวก็ไม่ลืมที่จะทำแบบเดิมอีก นั่นก็คือถ่ายรูปอาหารแต่ละเมนู แล้วก็ใช้เวลานานอีกเช่นเคย
“ให้ผมถ่ายให้ไหมครับ” พิชญ์พงศ์อาสาเมื่อเห็นว่าเธอกำลังพยายามเซลฟี่กับห่อหมกที่ใส่ไว้ในลูกมะพร้าวอ่อน
ทีแรกปาณฑรากะจะปฏิเสธ แต่พอคิดดูอีกทีให้เขาถ่ายให้ก็ดีเหมือนกัน จะได้โพสท่าอื่นบ้างนอกจากท่าเซลฟี่
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ” มือบางยื่นโทรศัพท์ไปให้ แต่เขากลับชูโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาแทน
“ใช้โทรศัพท์ผมถ่ายก็ได้ครับ เดี๋ยวผมส่งให้”
คร้านจะปฏิเสธ ปาณฑราจึงยอมตามใจเขา และขณะกำลังโพสท่าถ่ายรูปอย่างเพลิดเพลินอยู่นั้น กระเพาะที่ยังว่างอยู่ก็ส่งเสียงร้องโครกครากประจานเจ้าของ
พิชญ์พงศ์อมยิ้มกับท่าทางเขินอายของหญิงสาว
“เราพักกินข้าวกันก่อนดีกว่านะครับ กินเสร็จค่อยไปถ่ายกันใหม่ ผมเห็นมีมุมที่ทางร้านจัดไว้ให้ถ่ายรูปเยอะเลย” เขาว่าพลางตักห่อหมกใส่จานให้
“ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวกล่าวขอบคุณเบาๆ ก่อนรีบตักอาหารเข้าปากอย่างมูมมาม เท่านั้นไม่พอยังเคี้ยวซะเสียงดัง แถมยังพูดไม่หยุดทั้งที่มีอาหารอยู่เต็มปาก และเมื่อเห็นใครเดินผ่านเป็นต้องวิจารณ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา เสื้อผ้า ผมเผ้า หรือแม้กระทั่งรองเท้า ซึ่งพฤติกรรมแต่ละอย่างที่ทำในวันนี้นั้น ปกติเธอไม่เคยทำและไม่คิดจะทำมันเลยด้วยซ้ำ แต่วันนี้มันจำเป็นจริงๆ จึงขอพับความเป็นกุลสตรีที่คุณนายแม่สั่งสอนมาตั้งแต่จำความได้พับเก็บไว้ก่อน พฤติกรรมอันไหนที่คิดว่าน่ารังเกียจจึงถูกปาณฑราขุดขึ้นมาทำต่อหน้าเขาแทน ขนาดเธอเองยังรับพฤติกรรมในวันนี้ของตัวเองไม่ได้ แล้วมีหรือที่ผู้ชายมาดคุณชาย ที่ดูสุภาพและพูดน้อยอย่างเขาจะรับมันได้ ปาณฑราคิดพลางกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ
หลังจัดการกับอาหารบนโต๊ะจนหมดเกลี้ยง ปาณฑราก็สั่งวาฟเฟิลไอศกรีมมาเป็นของหวานตบท้าย ในขณะที่พิชญ์พงศ์สั่งแตงโมปลาแห้ง
เมื่อของที่สั่งมาเสิร์ฟปาณฑราก็ตั้งหน้าตั้งตากินโดยไม่สนใจเพื่อนร่วมโต๊ะ กระทั่งรับรู้ได้ว่าตนกำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครสักคน หญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นและสบเข้ากับดวงตาสีสนิมทอประกายแวววาวเข้าพอดี และนั่นก็ส่งผลให้หัวใจดวงน้อยของปาณฑรากระตุกวูบจนเจ้าตัวตกใจ
“มองอะไรคะ หน้าฉันมีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ” ถามเพื่อกลบเกลื่อนอาการแปลกๆ ที่กำลังเป็นอยู่
“มีครับ” พิชญ์พงศ์ว่ายิ้มๆ “ขออนุญาตนะครับ”
ไม่รอให้เธอได้ปฏิเสธ มือหนาก็หยิบกระดาษทิชชูแล้วยื่นไปเช็ดมุมปากที่เปื้อนไอศกรีมของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา
สัมผัสอ่อนโยนของเขาทำเอาปาณฑราตัวแข็งทื่อราวถูกสาป ส่วนก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายนั้นเต้นกระหน่ำรัวแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนผู้เป็นเจ้าของต้องร้องปรามอยู่ในใจ
“ผิดคนแล้วลูก หนูจะมาเต้นแรงกับตาคนนี้ไม่ได้นะ คนนี้ไม่ใช่สเปกแม่ และจะไม่มีทางเป็น หยุดเต้นเดี๋ยวนี้เลย”
สมองของหญิงสาวพยายามสั่งหัวใจไม่รักดีให้อยู่ในความสงบ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล เมื่อมันยังคงเต้นรัวราวกองรบ และตอนนี้สมองกับหัวใจของหญิงสาวกำลังโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“เดี๋ยวมื้อนี้ผมเลี้ยงเองครับ” พิชญ์พงศ์ดันธนบัตรในมือเธอกลับไป
“ฉันว่าเราหารกันคนละครึ่งดีกว่านะคะ ค่าอาหารมื้อนี้ไม่ใช่น้อยๆ เลย” ปาณฑราบอกอย่างเกรงใจ เพราะมื้อนี้เธอเป็นคนกินซะส่วนใหญ่ ในขณะที่เขากินเท่าแมวดม และเอาแต่นั่งมองเธอยิ้มๆ
“ไว้คุณแป้งค่อยจ่ายครั้งหน้าของเราละกันครับ”
ปาณฑราฉีกยิ้มกว้างส่งไปให้คู่สนทนา ขณะที่ในใจนั้นคิดว่า
“ทำตัวทุเรศขนาดนี้ยังอยากให้มีรอบหน้าอีกเหรอวะ”
คนอยากโดนเทนึกสงสัย แต่เมื่อคิดได้ว่าเขาคงพูดไปงั้นๆ เหมือนที่เธอยอมรับเขาเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กไปงั้นๆ จึงไม่ดึงดันที่จะช่วยหารค่าอาหารอีก พลันคิดว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เผื่อเขาจะได้มองเธอในแง่ลบมากๆ จะได้รีบๆ เทเธอเสียที
ก่อนกลับทั้งสองก็ไม่ลืมที่จะเก็บภาพตามมุมต่างๆ ที่ทางร้านจัดไว้ให้ ซึ่งแต่ละจุดนั้นถูกใจคนชอบถ่ายรูปอย่างปาณฑราเป็นอย่างมาก และเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มถ่ายภาพสวยใช้ได้ หญิงสาวก็ให้เขาทำหน้าที่ตากล้องซะเพลิน จนลืมไปว่าต้องสร้างภาพเป็นคนไร้มารยาทอย่างที่ผ่านมา และกว่าจะเก็บภาพได้ครบทุกมุมตามความต้องการของหญิงสาว เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงช่วงเย็น
“รูปทั้งหมดผมอัปลงเฟซบุ๊ก และแท็กไปให้แล้วนะครับ”
พิชญ์พงศ์บอกขณะที่ทั้งสองกำลังเดินไปที่ลานจอดรถ
ได้ยินอย่างนั้นปาณฑราก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเข้าเช็กในเฟซบุ๊ก แล้วตากลมโตก็ลุกวาวเมื่อเจอกับแคปชั่น ‘ออกเดต’ ที่เขาตั้ง กำลังจะอ้าปากต่อว่าที่เขาไม่ปรึกษาเธอสักคำ แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนใจกะทันหัน เมื่อคิดๆ ดูแล้วแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เผื่อว่าพ่อกับแม่เธอเห็นแล้วจะเข้าใจไปเองว่าเธอนั้นมีแฟนแล้ว จะได้เลิกล้มความตั้งใจที่จะจับเธอแต่งงานกับลูกชายของพวกท่านเสียที
บทต่อไปอาจจะมาช้าหน่อยนะคะ ขอตัวไปงานสีดำแป๊บ ^_^
หัวใจพลิกล็อค...บทที่ 6
“ให้ผมถ่ายให้ไหมครับ” พิชญ์พงศ์อาสาเมื่อเห็นว่าเธอกำลังพยายามเซลฟี่กับห่อหมกที่ใส่ไว้ในลูกมะพร้าวอ่อน
ทีแรกปาณฑรากะจะปฏิเสธ แต่พอคิดดูอีกทีให้เขาถ่ายให้ก็ดีเหมือนกัน จะได้โพสท่าอื่นบ้างนอกจากท่าเซลฟี่
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ” มือบางยื่นโทรศัพท์ไปให้ แต่เขากลับชูโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาแทน
“ใช้โทรศัพท์ผมถ่ายก็ได้ครับ เดี๋ยวผมส่งให้”
คร้านจะปฏิเสธ ปาณฑราจึงยอมตามใจเขา และขณะกำลังโพสท่าถ่ายรูปอย่างเพลิดเพลินอยู่นั้น กระเพาะที่ยังว่างอยู่ก็ส่งเสียงร้องโครกครากประจานเจ้าของ
พิชญ์พงศ์อมยิ้มกับท่าทางเขินอายของหญิงสาว
“เราพักกินข้าวกันก่อนดีกว่านะครับ กินเสร็จค่อยไปถ่ายกันใหม่ ผมเห็นมีมุมที่ทางร้านจัดไว้ให้ถ่ายรูปเยอะเลย” เขาว่าพลางตักห่อหมกใส่จานให้
“ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวกล่าวขอบคุณเบาๆ ก่อนรีบตักอาหารเข้าปากอย่างมูมมาม เท่านั้นไม่พอยังเคี้ยวซะเสียงดัง แถมยังพูดไม่หยุดทั้งที่มีอาหารอยู่เต็มปาก และเมื่อเห็นใครเดินผ่านเป็นต้องวิจารณ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา เสื้อผ้า ผมเผ้า หรือแม้กระทั่งรองเท้า ซึ่งพฤติกรรมแต่ละอย่างที่ทำในวันนี้นั้น ปกติเธอไม่เคยทำและไม่คิดจะทำมันเลยด้วยซ้ำ แต่วันนี้มันจำเป็นจริงๆ จึงขอพับความเป็นกุลสตรีที่คุณนายแม่สั่งสอนมาตั้งแต่จำความได้พับเก็บไว้ก่อน พฤติกรรมอันไหนที่คิดว่าน่ารังเกียจจึงถูกปาณฑราขุดขึ้นมาทำต่อหน้าเขาแทน ขนาดเธอเองยังรับพฤติกรรมในวันนี้ของตัวเองไม่ได้ แล้วมีหรือที่ผู้ชายมาดคุณชาย ที่ดูสุภาพและพูดน้อยอย่างเขาจะรับมันได้ ปาณฑราคิดพลางกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ
หลังจัดการกับอาหารบนโต๊ะจนหมดเกลี้ยง ปาณฑราก็สั่งวาฟเฟิลไอศกรีมมาเป็นของหวานตบท้าย ในขณะที่พิชญ์พงศ์สั่งแตงโมปลาแห้ง
เมื่อของที่สั่งมาเสิร์ฟปาณฑราก็ตั้งหน้าตั้งตากินโดยไม่สนใจเพื่อนร่วมโต๊ะ กระทั่งรับรู้ได้ว่าตนกำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครสักคน หญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นและสบเข้ากับดวงตาสีสนิมทอประกายแวววาวเข้าพอดี และนั่นก็ส่งผลให้หัวใจดวงน้อยของปาณฑรากระตุกวูบจนเจ้าตัวตกใจ
“มองอะไรคะ หน้าฉันมีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ” ถามเพื่อกลบเกลื่อนอาการแปลกๆ ที่กำลังเป็นอยู่
“มีครับ” พิชญ์พงศ์ว่ายิ้มๆ “ขออนุญาตนะครับ”
ไม่รอให้เธอได้ปฏิเสธ มือหนาก็หยิบกระดาษทิชชูแล้วยื่นไปเช็ดมุมปากที่เปื้อนไอศกรีมของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา
สัมผัสอ่อนโยนของเขาทำเอาปาณฑราตัวแข็งทื่อราวถูกสาป ส่วนก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายนั้นเต้นกระหน่ำรัวแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนผู้เป็นเจ้าของต้องร้องปรามอยู่ในใจ
“ผิดคนแล้วลูก หนูจะมาเต้นแรงกับตาคนนี้ไม่ได้นะ คนนี้ไม่ใช่สเปกแม่ และจะไม่มีทางเป็น หยุดเต้นเดี๋ยวนี้เลย”
สมองของหญิงสาวพยายามสั่งหัวใจไม่รักดีให้อยู่ในความสงบ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล เมื่อมันยังคงเต้นรัวราวกองรบ และตอนนี้สมองกับหัวใจของหญิงสาวกำลังโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“เดี๋ยวมื้อนี้ผมเลี้ยงเองครับ” พิชญ์พงศ์ดันธนบัตรในมือเธอกลับไป
“ฉันว่าเราหารกันคนละครึ่งดีกว่านะคะ ค่าอาหารมื้อนี้ไม่ใช่น้อยๆ เลย” ปาณฑราบอกอย่างเกรงใจ เพราะมื้อนี้เธอเป็นคนกินซะส่วนใหญ่ ในขณะที่เขากินเท่าแมวดม และเอาแต่นั่งมองเธอยิ้มๆ
“ไว้คุณแป้งค่อยจ่ายครั้งหน้าของเราละกันครับ”
ปาณฑราฉีกยิ้มกว้างส่งไปให้คู่สนทนา ขณะที่ในใจนั้นคิดว่า
“ทำตัวทุเรศขนาดนี้ยังอยากให้มีรอบหน้าอีกเหรอวะ”
คนอยากโดนเทนึกสงสัย แต่เมื่อคิดได้ว่าเขาคงพูดไปงั้นๆ เหมือนที่เธอยอมรับเขาเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กไปงั้นๆ จึงไม่ดึงดันที่จะช่วยหารค่าอาหารอีก พลันคิดว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เผื่อเขาจะได้มองเธอในแง่ลบมากๆ จะได้รีบๆ เทเธอเสียที
ก่อนกลับทั้งสองก็ไม่ลืมที่จะเก็บภาพตามมุมต่างๆ ที่ทางร้านจัดไว้ให้ ซึ่งแต่ละจุดนั้นถูกใจคนชอบถ่ายรูปอย่างปาณฑราเป็นอย่างมาก และเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มถ่ายภาพสวยใช้ได้ หญิงสาวก็ให้เขาทำหน้าที่ตากล้องซะเพลิน จนลืมไปว่าต้องสร้างภาพเป็นคนไร้มารยาทอย่างที่ผ่านมา และกว่าจะเก็บภาพได้ครบทุกมุมตามความต้องการของหญิงสาว เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงช่วงเย็น
“รูปทั้งหมดผมอัปลงเฟซบุ๊ก และแท็กไปให้แล้วนะครับ”
พิชญ์พงศ์บอกขณะที่ทั้งสองกำลังเดินไปที่ลานจอดรถ
ได้ยินอย่างนั้นปาณฑราก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเข้าเช็กในเฟซบุ๊ก แล้วตากลมโตก็ลุกวาวเมื่อเจอกับแคปชั่น ‘ออกเดต’ ที่เขาตั้ง กำลังจะอ้าปากต่อว่าที่เขาไม่ปรึกษาเธอสักคำ แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนใจกะทันหัน เมื่อคิดๆ ดูแล้วแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เผื่อว่าพ่อกับแม่เธอเห็นแล้วจะเข้าใจไปเองว่าเธอนั้นมีแฟนแล้ว จะได้เลิกล้มความตั้งใจที่จะจับเธอแต่งงานกับลูกชายของพวกท่านเสียที