สำหรับไอดอลแล้ว เชื่อว่ามีไม่น้อยที่นอกจากความฝันที่จะได้ประสบความสำเร็จกับวงของตัวเองแล้ว
อีกความฝันนึงก็คือการได้ปล่อยผลงานเดี่ยวเป็นของตัวเอง
และสำหรับฝั่งไอดอล SM แล้ว ระยะ 7-8 ปีมานี้ก็ได้เริ่มเปิดโอกาสให้ศิลปินของตัวเองได้โชว์ความสามารถอย่างเต็มรูปแบบ
ในฐานะศิลปินเดี่ยวกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโดยส่วนใหญ่คนแรกๆที่จะได้รับโอกาสนั้นก็มักจะเป็นสมาชิกในสายร้อง (Vocal line) ของวง
เช่นเดียวกับผู้หญิง 3 คนนี้ ที่ล้วนได้ชื่อว่าคือไอดอลนักร้องระดับยอดพีระมิดในรุ่นของตัวเอง
ผู้หญิง 3 คนที่ชื่อ แทยอน, ลูน่า และ เวนดี้
ทั้งแทยอน ลูน่า และเวนดี้ ต่างได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
ว่าพวกเธอคือหนึ่งในที่สุดของไอดอลสายร้องในรุ่นของตัวเอง (แทยอน+ลูน่า = เจน 2, เวนดี้ = เจน 3)
ทั้ง 3 คนล้วนแล้วแต่ได้รับโอกาสจากค่ายให้แสดงความสามารถผ่านผลงานเดี่ยวของตัวเอง
และทั้ง 3 คนก็นำเสนอมันออกมาในรูปแบบของตัวเองอย่างแตกต่างกัน แต่มีสิ่งที่เหมือนกันคือ ล้วนแล้วแต่เป็น "ผลงานคุณภาพ"
วันนี้เราจะมาดูผลงานแรกในฐานะ "ศิลปินเดี่ยว" ของพวกเธอกันครับว่าพวกเธอสร้างความน่าจดจำอะไรกันไปบ้าง
TAEYEON
Group Debut (Girls' Generation): สิงหาคม 2007
Solo Debut (Mini Album, I): ตุลาคม 2015
ก้าวแห่งการโบยบิน
แทยอนคือคนแรกใน 3 คนนี้ที่เริ่มต้นเส้นทางการเป็นศิลปินเดี่ยวของตัวเอง
โดยแทยอนปล่อยมินิอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของตัวเอง I เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2015
เป็นเวลากว่า 8 ปีหลังจากเดบิวต์ในฐานะหัวหน้าวงและนักร้องเสียงหลักของเกิร์ลกรุ๊ประดับตำนาน "โซนยอชิแด"
ผลงานเดี่ยวชุดแรกของแทยอนน่าจะเรียกได้ว่าเป็นงานที่มีความหลากหลายด้านแนวเพลงที่สุดในทั้ง 3 คน
มินิอัลบั้ม I เป็นการรวมกันของ 5 เพลงที่มีแนวเพลงค่อนข้างแตกต่างกันประมาณหนึ่ง
เช่น "I" เพลงโปรโมทหลักของอัลบั้มเป็นเพลงแนว Pop Rock, "U R" และ "Farewell" เป็นเพลงแนว Ballad
"Stress" เป็นเพลงแนว Modern Rock ในขณะที่ "Gemini" เป็นเพลงแนว R&B
แต่ในความแตกต่างกันนั้นเอง เมื่อนำมาเรียงลำดับกันแล้วกลับกลายเป็นงานคุณภาพที่ไม่เกิดการโดดไปโดดมาให้เสียอารมณ์เลยแม้แต่น้อย
แถมหลายคนยกให้ผลงานอัลบั้มแรกในฐานะศิลปินเดี่ยวของแทยอนนี้คือหนึ่งในงาน Masterpiece ของเธออีกด้วย
ในแง่ของความสำเร็จ ต้องถือว่า I ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากทีเดียว อาจจะเป็นหนึ่งในงานโซโล่เดบิวต์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดด้วยซ้ำ
เพราะ I ส่งให้แทยอนกลายเป็นศิลปินเดี่ยวที่มาแรงในทันที แม้ในการปล่อยเพลงครั้งแรกนั้นหลายคนจะค่อนข้างเซอร์ไพรส์
เพราะคาดเดากันว่าแทยอนจะปล่อยเพลงแนว Ballad แนวเพลงที่ทำให้ชื่อแทยอนเป็นที่รู้จัก
แต่แทยอนกลับปล่อยเพลงแนว Pop Rock ที่เธอชอบเป็นการส่วนตัวมาแทน แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้แทยอนไม่ประสบความสำเร็จ
และแม้จะปล่อยมาในช่วงปลายปี แต่ความสำเร็จในระยะเวลาอันสั้นนี้ของ I ก็เพียงพอแล้ว
ที่จะทำให้เพลงนี้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลใหญ่อย่าง Song of the Year ของ MNET Asian Music Awards ปี 2015
และเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จอันน่าประทับใจในฐานะศิลปินเดี่ยวของแทยอนในเวลาต่อมา
LUNA
Group Debut (f(x)): กันยายน 2009
Solo Debut (Mini Album, Free Somebody): พฤษภาคม 2016
ก้าวอันแตกต่าง
ในขณะที่แทยอนกับเวนดี้คือสมาชิกคนแรกของวงตัวเองที่ได้เดบิวต์โซโล่ ลูน่ากลับไม่ใช่สมาชิกคนแรกของ f(x) ที่ได้ปล่อยผลงานเดี่ยว
เพราะสมาชิกคนแรกของ f(x) ที่ได้เดบิวต์เป็นศิลปินเดี่ยวคือเมนแรพของวงอย่าง แอมเบอร์
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงคราวของสมาชิกคนที่ 2 ของ f(x) ที่จะได้เป็นศิลปินเดี่ยว ลูน่าก็คือคนที่ได้รับโอกาสนั้น
และเธอก็ทำผลงานของเธอให้แตกต่างจนหลายคนไม่คาดคิดเลยทีเดียว
เดิมที ลูน่าออดิชั่นเข้า SM มาด้วยการเต้นอยู่แล้ว แต่ค่ายกลับเล็งเห็นศักยภาพในการเป็น "นักร้อง" ของเธอ
และให้เธอรับหน้าที่นักร้องเสียงหลักของ f(x) ซึ่งเธอก็ทำหน้าที่นี้ได้อย่างยอดเยี่ยม
แต่เมื่อถึงเวลาที่ลูน่าจะได้เป็นศิลปินเดี่ยว ลูน่าก็เลือกที่จะโชว์สิ่งที่เธอมีมาตั้งแต่แรกให้ทุกคนได้เห็น นั่นก็คือ การเต้น
ผ่านมินิอัลบั้มชุดแรก Free Somebody ปล่อยเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2016
Free Somebody ก็เหมือนกับ I คือสร้างความเซอร์ไพรส์ให้คนทั่วไปในระดับนึง เพราะลูน่าก็เป็นที่จดจำจากเพลงแนว Ballad
แต่ Free Somebody นั้นไม่มีกลิ่นไอเพลงแนว Ballad เลยแม้แต่น้อย
ภาพรวมของอัลบั้มกลับกลายเป็นอัลบั้มเพลงแนว Electropop, Future House และ R&B
ที่มีความชัดเจนในตัวเองสูงมาก และไปในทางเดียวกันตั้งแต่เพลงแรกจนถึงเพลงสุดท้าย
แต่ในความแตกต่าง ลูน่าก็ประสบความสำเร็จในการสร้างภาพจำใหม่ของเธอได้เป็นอย่างดี
เพราะจาก Free Somebody ทำให้ภาพจำลูน่าไม่ใช่แค่นักร้องเสียงทรงพลัง แต่เป็นหนึ่งในศิลปินที่มีทักษะรอบด้านและน่าประทับใจ
น่าเสียดายที่ในแง่ของ Commercial Performance นั้น Free Somebody ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
แต่ก็ไม่ใช่ว่างานชุดนี้ของลูน่าจะไร้ซึ่งการจดจำใดๆ ตรงกันข้าม นี่คืองานที่ทำให้ลูน่าได้รับการยอมรับมากขึ้นกว่าเดิมต่างหาก
WENDY
Group Debut (Red Velvet): สิงหาคม 2014
Solo Debut (Mini Album, Like Water): เมษายน 2021
ก้าวแห่งการปลอบประโลม
เวนดี้เป็นที่รับรู้กันมาอย่างยาวนานว่า เธอคือไอดอลสายร้องที่ "เก่งที่สุด" ในบรรดาไอดอลหญิงเจน 3
ดังนั้น การเดบิวต์โซโล่ของเวนดี้คือสิ่งที่หลายๆคนรอคอยอย่างแน่นอน
และเมื่อยื่งนึกถึงเหตุการณ์ที่เวนดี้ต้องประสบพบเจอเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2019 นั้น
การเดบิวต์เป็นศิลปินเดี่ยวของเวนดี้ก็กลายเป็นย่างก้าวที่ทุกคนจับตาดูและรอคอยด้วยความหวัง
และเวนดี้ก็เดบิวต์เป็นศิลปินเดี่ยวเมื่อวานนี้นี่เอง (5 เมษายน) กับมินิอัลบั้มชุดแรกของเธอ Like Water
โดยเธอคือสมาชิกคนแรกของ Red Velvet ที่ได้ปล่อยผลงานเพลงเดี่ยวอย่างเป็นทางการ
Like Water ก็เหมือนกับ Free Somebody คือเป็นผลงานที่ชัดเจนในแนวเพลงว่าคืออะไร
ความแตกต่างคือ Like Water ไม่ใช่อัลบั้มเพลงแดนซ์หรือ Electropop แต่เป็นอัลบั้มเพลง Ballad ที่มีกลิ่นไอ R&B ผสมนิดๆ
ซึ่งก็ถือเป็นงานที่ทำให้เวนดี้ได้โชว์ศักยภาพที่มีอยู่ในตัวอย่างเต็มที่ และเป็นการทำให้ทุกคนได้เห็น
ว่าเธอคือ "Best Female Vocalist of K-Pop 3rd Generation" อย่างแท้จริง
ไม่เพียงแค่นั้น Like Water ยังเป็นเหมือนข้อความจากเวนดี้ส่งถึงทุกๆคนที่เฝ้ารอคอยการกลับมาของเธอ
เสมือนการปลอบประโลมเหล่า "ลัฟวี่" ว่าช่วงเวลาอันยากลำบากและทุกข์ใจนั้นได้ผ่านไปแล้ว
ในตอนนี้ เวนดี้ที่ทุกคนรอคอยได้กลับมาอย่างสมบูรณ์แบบ และพร้อมสร้างความทรงจำดีๆกับทุกคนต่อไป
มินิอัลบั้ม Like Water ของเวนดี้เพิ่งปล่อยออกมาได้เพียงวันเดียวเท่านั้น แต่ก็ทำสถิติไปแล้วหลายอย่าง
มียอดขายที่น่าพอใจ และเพลงกำลังไต่อันดับบนชาร์ทอยู่
เส้นทางการเป็นศิลปินเดี่ยวของเวนดี้เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น เราก็ต้องมารอดูกันต่อไปว่าเวนดี้จะเดินไปในทิศทางใดต่อในฐานะศิลปินเดี่ยว
จะเห็นได้ว่าทั้ง I, Free Somebody และ Like Water มีความโดดเด่นและแตกต่างอย่างชัดเจน
แต่ก็ดังที่กล่าวไปครับ สิ่งนึงที่เชื่อมั่นได้เลยว่าทั้ง 3 อัลบั้ม 3 เพลงนี้มีเหมือนกันก็คือ "คุณภาพ"
ที่ทุกคนให้การยอมรับ ผ่านเสียงร้องของ "นักร้องเสียงหลัก" ทั้ง 3 คนนั่นเอง
[K-POP] "I - Free Somebody - Like Water" ก้าวย่างสำคัญของเหล่า "นักร้องเสียงหลัก"