อุปสรรค การกู้บ้าน ระยะเวลา 2 ปีกว่า กับปัญหามากมาย และข้อควรระวังที่อยากแนะนำ

เริ่มต้น
สวัสดีครับ ผมจะขอมาเล่าประสบการณ์ การกู้บ้านที่ อุปสรรค และ ขวากหนาม เยอะมากๆ  
เจ้าของกระทู้ ปัจจุบันอายุ 27 ปี ทำงานเป็นพนักงานเอกชนของบริษัทแห่งนึง ฐานเงินเดือน 26,000 บาท และมีค่าตำแหน่งงาน
และค่าอื่นๆ อีก 5,000 บาท รวมรับทุกๆ เดือนโดยไม่ต้องทำโอที อยู่ที่ 30,000 - 32,000 บาท แล้วแต่ ว่าเดือน นั้นๆ เราหยุดงาน
ไปกี่วันก็ถูกหักเบี้ยขยันไป 

เริ่มเลยนะครับ โดยส่วนตัวเรื่องการซื้อบ้านสำหรับผม นั้นไม่เคยอยู่ในสมองเลยครับเพราะคิดว่า เงินเก็บก็ยังไม่มี เงินเดือนก็ยังน้อย แถมมีผ่อนรถอีก (รถเป็นชื่อพี่สาว )  + กับ สถานะความมั่นคงของบริษัทที่ทำอยู่นั้นไม่ค่อยสู้ดีนัก เรื่องการซื้อบ้านก็เลยไม่ได้ให้ความสำคัญอะไร เพราะคิดว่า ตอนนี้เช่าเค้าอยู่ก้ไม่ได้แย่อะไร 
และตัวผมเองมีหนี้บัตรเครดิต 4 ใบ รวมยอดทั้งหมดแล้ว ประมาณ 8-9 หมื่นบาท  และจ่ายขั้นต่ำมาตลอด ยอมรับว่าชักหน้าไม่ค่อยถึงหลังครับ เริ่มมีบัตรครั้งแรกตอนอายุ 21 ก็ใช้เงินเป็นกระดาษเลยครับ เอาเงินจากอนาคตมาใช้ และก็จ่ายขั้นต่ำ ตามสเตป จนมารู้ตัวอีกทีก็เป็นหนี้เกือบแสนแล้วครับ 

จนมีวันนึง หากเพื่อนๆ ลองย้อนดูโพสเก่าของผม ผมเคยโพสไปเกี่ยวกับ แม่ถูกทำร้ายจากคนเมายา ที่เช่าบ้านอยู่ ตรงข้ามกับบ้านที่พ่อกับแม่ผมอาศัยอยู่
ซึ่งเป็น การเช่าที่ดินเปล่า และทำการปลูกขึ้นมา ตามงบประมาณของใครของมัน ถ้าถามถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน คือ 0 ครับ
โดยจ่ายค่าเช่าเป็นรายปี ปีละ 5,000 บาท เป็นที่ดินทางภาคตะวันออก  จังหวัดหนึ่ง
ซึ่งจากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ ผมคิดว่า อยากพา พ่อกับแม่ ออกจากจุดที่เป็นอยู่ ซึ่งมันแย่มากๆ คนเมากินเหล้ากันทุกเย็น เปิดรถเครื่องเสียงยัน 4 ทุ่ม คนบ้า คนขายยา เยอะมากๆ (โดยคนในระแวกนั้นเคยแจ้งตำรวจมา จับไป จับได้ไปวันเดียว ก็ปล่อยออกมา)  

ผมจึงเริ่มหาบ้านที่ราคาไม่แพง และมีกำลังในการผ่อนได้โดยไม่ต้องลำบากมาก พอดี มีญาติ ห่างๆ กันขายบ้านทาวเฮ้าที่ กรุงเทพ ผมคิดว่าการย้ายไปอยู่กรุงเทพน่าจะทำให้ครอบครัวผมมีความสุขมากขึ้น เพราะผมก็จะได้กลับบ้านไปอยู่กับเค้าทุกวัน (ผมกับครอบครัวอยู่กันคนละที่)  ผมเลยลองทำสัญญา
ยื่นกู้ดู ซึ่งเป็น การยื่นกู้ครั้งที่ 1 บ้านหลังแรกราคา 1.9 ล้านบาท 

การยื่นกู้ บ้านหลัง แรก ครั้งที่ 1 กรุงเทพ  ธนาคารสีม่วง
- ทางญาติผม ได้ขอเอกสารไปยื่นกับทางธนาคาร สีม่วงก่อนเป็น ที่แรก  ตอนนั้นผมกังวลพอสมควรนอนไม่หลับเลยครับ เพราะทางญาติบอกว่ามี อีกคนนึงรอยื่นซื้อต่อจากผมอยู่เป็นข้าราชการ และผมอยากได้บ้านที่นี้มากแต่ทางเซลแจ้งว่าไม่น่าติดขัดอะไร น่าจะผ่านได้ 
- ผ่านไป 5 วันทางเซลแจ้งว่าผลการอนุมัติไม่ติดปัญหาอะไร กำลังส่งเรื่องให้ทาง สำนักงานใหญ่ 
- ผ่านไปอีก 4 วัน ทางสำนักงานใหญ่โทรมาสอบถามและขอข้อมูลเพิ่มเติม 
- ผ่านไปอีก 1 วัน มีเจ้าหน้าที่โทรเข้ามาว่าไม่ผ่านเพราะตกสกอ และมีข้อความเข้ามาว่าไม่ผ่าน ซึ่งผมอยากรู้มากว่าตกสกอจากสาเหตุไหน แต่เค้าก็ไม่ได้บอก 

การยื่นกู้ บ้านหลัง แรก ครั้งที่ 2 กรุงเทพ ธนาคารสี แดงฟ้า 
- ผมไปส่งเอกสารเองที่ ธนาคาร 
- ผ่านไป 5 วันทางเจ้าหน้าที่ แจ้งว่าไม่ผ่านเกณฑ์ และแจ้งปัญหามาว่า ติดปัญหาจากบริษัทที่ทำงานอยู่ 

ซึ่งข้อนี้แหละครับ ที่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับผมมากๆ เพราะ ถ้าเป็นปัญหาเกี่ยวกับตัวเรา เราสามารถแก้ไข ได้จะช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่ กับเรา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับ บริษัทที่เรา ฝากผีฝากไข้ กับเค้าอยู่แบบนี้ เราแก้อะไรไม่ได้เลย นอกจาก ลาออกแล้วไปสมัครงานที่ใหม่ ซึ่งผมหาข้อมูลเยอะมากๆ เกี่ยวกับปัญหา บริษัทไม่มีความมั่นคง จนทำให้ธนาคารไม่กล้าอนุมัติ สินเชื่อให้เราได้ แต่มีน้อยมากๆ ครับ วันนี้ผมเลยอยากแชร์ให้เพื่อนๆ รู้ว่าผมทำยังไง 

การยื่นกู้ บ้านหลัง แรก ครั้งที่ 3 กรุงเทพ ธนาคาร สีเหลือง 
- ผมไปส่งเอกสารเองที่ ธนาคาร 
- ผ่านไป 3 วันธนาคารแจ้งให้ไปปิด บัตรเครดิต ยอด 4 หมื่นกว่า 
- ผ่านไป 1 วันผมปิดบัตรเดรดิต ไป 1 ใบยอด 4 หมื่นกว่า 
- ผ่านไปอีก 2 วัน ธนาคารให้ปิดเพิ่มอีก แต่ทางผมไม่มีเงินไปปิดแล้วครับก็เลย ถูกปัดตกไป 

บทสรุป บ้านถูกขายให้กับข้าราชการ ที่มารอซื้อต่อจากผม เพราะเค้ากู้เงินจากรัฐมาแล้วซื้อสด เลย (ไม่รู้เค้าเรียกว่ากองทุนอะไร) ผมก็เสียใจทางบ้านก็เสียใจกันมาก แม่เก็บของมัดใส่ถุง เก็บของใส่กล่องเตรียมตัวกันแล้วแท้ๆ เพราะคิดว่า บ้านญาติกัน ยังไงก็ได้ แต่นั้นเป็นบทเรียนครั้งใหญ่สำหรับผมเลย 
ว่าการสร้างเครดิต และความน่าเชื่อถือสำคัญแค่ไหน 

ผมไม่ย่อท้อคราวนี้ผมหาบ้านแถวโซน ภาคตะวันออก ที่ถูกใจและทำการยื่นกู้ใหม่ โดยทิ้งระยะจาก การยื่นกู้ครั้งที่ผ่านมา 2เดือน เพราะอยากให้ได้บ้านเร็วๆ ไม่อยากให้พ่อกับแม่เค้าเสียใจมากกว่านี้ 

ผมไปเจอบ้านอีกโครงการหนึ่ง ราคา 1.5 ล้านบาท จึงทำการยื่นกู้ 

การยื่นกู้ บ้านหลังที่ สอง ครั้งที่ 1 ธนาคาร สีส้ม 
-โครงการเรียกเอกสารไป 
- ผ่านไป 1 สัปดาห์ ทางธนาคารแจ้งว่าไม่ผ่านเกณฑ์  จากสาเหตุ บริษัทที่ทำงานอยู่

การยื่นกู้ บ้านหลังที่ สอง ครั้งที่ 2 ธนาคาร สีฟ้า 
- โครงการเรียกเอกสารไป
- ผ่านไป 5 วัน ธนาคารแจ้งว่า ไม่ผ่านเกณฑ์ จากสาเหตุ บริษัที่ทำงานอยู่ 

การยื่นกู้ บ้านหลังที่ สอง ครั้งที่ 3 ธนาคาร สีเขียว 
-  โครงการเรียกเอกสารไป 
- ผ่านไป 3 วัน ธนาคารแจ้งว่า ให้ปิดบัตร กดเงินสด ซึ่ง เงินเก็บที่มี เอาไปปิดบัตรเครดิต เมื่อตอนกู้บ้านหลังแรกไปแล้ว จึงไม่มีเงินไปปิด เพิ่ม 
ถึงได้รู้ว่า  ธนาคาแต่ละที่ มีเกณฑ์การพิจารณาที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งธนาคารสีเขียวไม่พูดถึงเรื่องบริษัทเลย 

การยื่นกู้ บ้านหลังที่ สอง ครั้งที่ 4 ธนาคาร สี เหลือง แต่เป็นอีกคนละสาขา กับครั้งแรก
- โครงการเรียกเอกสารไป 
- ผ่านไป 5 วัน ธนาคารแจ้งว่า ไม่ผ่านเกณฑ์อนุมัติเนื่องจากบริษัทที่เราทำงานอยู่ ดูไม่มั่นคง 

สรุปได้ความดังนี้ครับ ผมยื่นกู้แทบจะทุกธนาคาร ที่มีหาข้อมูลเยอะมาก ธนาคารเกือบจะทั้งหมดแจ้งมา ตรงกัน ว่า บริษัทที่เราทำงานอยู่ ดูไม่มีความมั่นคง และไม่ส่งงบการเงินติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 ปี และปีก่อนน่านั้นก็ส่ง แต่เป็นการส่งงบขาดทุน หลายสิบล้าน ทำให้ธนาคารมองว่า ดูไม่น่ารอด 

 ผมก็รู้สึกหมดหนทางแล้วครับ จนนึกขึ้นได้ว่า มีพี่ที่รู้จักกันสมัย มหาลัย เค้าทำงานอยู่ ธ.สีเขียว เค้าอาจจะช่วยเราได้ เพราะเซลบางคนเค้าไม่กล้าที่จะพูดทุกสิ่งที่ธนาคารคิด คิดว่าแกน่าจะพอแนะนำอะไรเราได้มั้ง 

จึงเริ่มติดต่อทางพี่เขาไป และ พี่เขาก็ขอเอกสารเราไปทั้งหมดและทำการยื่นเรื่องกู้ให้เราอีกครั้ง เราก็พอมีความหวังขึ้นมานิดหน่อย บวกกับสอบถามพนักงานในบริษัทหลายๆ คนที่ซื้อบ้านก็ ซื้อกับทาง ธนาคารสีเขียวกันเกือบ 70% ก็ไม่ติดขัดอะไร 

การยื่นกู้ บ้านหลังที่ สอง ครั้งที่ 5 ธนาคาร สีเขียว  อีกสาขา  
- ส่งเอกสารให้ทางพี่ที่รู้จักกัน 
- ผ่านไป 3 วันทางพี่ขอเอกสารเพิ่มเติม 
- ผ่านไป 2 วันทางพี่แจ้งมาเหมือนกับ เซลธนาคาร สีเขียวที่แจ้งมา ว่าอยากให้ปิดบัตรกดเงินสด ก็เลยยืมเงินจากพี่สาวมาปิดยอด ไปบางส่วน
- ผ่านไป 4 วันทางพี่แจ้งมาว่า เคสของเราติดปัญหาเรื่อง เรายื่นกู้ เยอะเกินไป เช็คบูโร เยอะมากๆ ในระยะเวลา ครึ่งปีที่ผ่านมา ทำให้ตกสกอ  ทำให้เราต้องทำเรื่องชี้แจ้งว่า ทำไมเราถึงอยากได้ บ้านมากขนาดนั้น เพราะในเครดิตมันผิดปกติ เอามากๆ  
- ผ่านไป 2 วัน ทางพี่ที่รู้จักแจ้งมาว่า ไม่ผ่านเกณฑ์ไม่ได้เป็นลูกค้าในกลุ่มเป้าหมาย 

โครงการบ้าน โอนเงินจองคืน  ตอนนี้รู้สึกว่า พลาดมากๆ ที่ใจร้อนและยื่นกู้ติดๆ กัน โดยที่ยังไม่ได้รักษาเครดิต และปิดหนี้บัตรที่มีให้มันสวยๆ ก่อน 
ผมเลยใช้เวลา 6 เดือน หลังจากนั้น เพื่อให้เครดิตที่เช็คไปทั้งหมด รีกลายเป็น ปกติ และคอยติดตาม บริษัท บ่อยๆ ว่าบริษัทเมื่อไรจะส่งงบการเงินประจำปี สักที และถยอยปิดหนี้บัตร พยายามจ่ายเกินกว่ายอดขั้นต่ำ และหักบัตรเครดิตทิ้ง ไปบางส่วน เพื่อป้องกันการเอาไปรูดซื้อของไร้สาระ  ซึ่งต้องบอกก่อนเลย ปัญหาหลักของเคสผม คือ บริษัทที่ทำงานอยู่ ไม่ได้ส่งงบการเงินประจำปี ทุกๆ ที เหมือนรอ 2 ปี 3 ปี แล้วค่อยส่งงบทีเดียว และที่ขาดทุนก็ คือทางบริษัทเป็นบริษัทส่งออกด้วย แต่ผมก็แปลกใจว่า ทำไมบริษัทแม่ที่ต่างประเทศรวยเอาๆ แต่ที่ไทยงบขาดทุนทุกปี 30-40 ล้านเป็นขั้นต่ำ 

ผมตามเรื่องการส่งงบ จนพี่ฝ่ายบัญชีเบื่อขี้หน้าผมแต่ผมก็บอกเหตุผลเค้าไปตามตรงว่าผมติดแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว ทางเค้าก็เข้าใจบอกให้ผมรอก่อนผมก็รอ  จนผ่านมา2 เดือน ทางบริษัทก็ได้ทำการส่งงบกำไรขาดทุนเข้าระบบ แต่ก็ยังขาดทุนอยู่ เกือบ 100 ล้านบาท ผมก็ รู้สึกกังวล เพราะมันขาดทุนเยอะมาก ถ้าเรายื่นกู้ไป อาจจะไม่ผ่านอีก ก็เลยรอให้ ครบ 6 เดือนจน เครดิตบูโร ผมรีกลายเป็นปกติ ก็ได้ทำการยื่นกู้ ใหม่ เป็นบ้านหลังที่ 3 ราคา 1.8 ล้าน 

การยื่นกู้ บ้านหลังที่ สาม ครั้งที่ 1  ธนาคารสีส้มของรัฐ
- โครงการเรียกเอกสารไป 
- ผ่านไป 4 วันธนาคารแจ้งมาว่า ผ่านแล้ว รออนุมัติ ยอดอีกที !! ตอนนั้นผมดีใจมาก แต่ผมเองก็ยังไม่ได้บอกที่บ้านไป เพราะกลัวว่า จะมีอะไรพลิกล็อค 
 เหมือนที่ผ่านมาอีก กลัวพ่อกับแม่เสียใจ เพิ่มขึ้นไปอีก เพราะเค้าผิดหวังมาเยอะมาก 
- ผ่านไปอีก 2 วัน (เสาร์- อาทิตย์) โครงการแจ้ง ว่าได้รับอนุมัติจากสำนักงานใหญ่แล้ว ยอด 2.5 ล้าน บาท ซึ่งเกินจากราคาบ้านมาค่อนข้างเยอะ 
- ซึ่งพอผมเองก็ ยังไม่เชื่อใจร้อย เปอร์เซ็น คิดเอาไว้ในใจเสมอ จนกว่าเราจะได้โอนบ้าน นั้นแหละจะไม่บอกที่บ้านเด็ดขาด 
- ทางโครงการนัดโอน ผมแอบที่บ้านหยุดงานไปโอน แกล้งหลอกว่า บริษัทหยุดงาน พอโอนแล้ว จึงพาเค้าไปถ่ายรูปและเอา สำเนาทะเบียนบ้านให้เค้าดู ว่า บ้านผ่านแล้ว พ่อกับแม่ ดีใจมาก ผมเองก็ดีใจ สุดๆ  

ซึ่งผ่านมาขนาดนี้ แล้วหากท่านใดอ่านมาจนจบ ผมขอบคุณมากๆ ครับที่อ่านกระทู้ของผม ซึ่งผมได้บทเรียนจากการกู้บ้าน มาตั้งแต่อายุ 25 จน มาผ่านเอาตอนอายุ 26 - 27 นี้ หลายเรื่องด้วยกันครับ 
1. อย่าจ่ายยอดบัตรเครดิตขั้นต่ำ เด็ดขาด กดมาเท่าไรจ่ายคืนไปเท่านั้น 
2. ควรหัดเก็บเงินออมเงิน ในทุกๆ เดือนให้ชินก่อนการผ่อนบ้านจริง 
3. อย่าใจร้อน ควรหาข้อมูลและปรึกษาผู้มีความรู้และประสบการณ์ ก่อน ไม่ใช่ยื่นกู้อย่างเดียวจน ตกสกอ 
4. เป็นไปได้หากซื้อบ้านของโครงการให้ทาง โครงการกับทาง ธนาคารประสานงานกันเอง อย่ายื่นเรื่องกับทาง ญาติหรือ พี่ที่รู้จักกันในธนาคาร 
ซึ่งมันจะทำให้เรารู้สึกเกรงใจ เวลาที่เราอยากจะรู้ผล และอยากตามความคืบหน้าของเคสเรา เราตามเค้าบ่อยๆ อาจจะทำให้เค้ารำคาณ และเสียมิตรภาพ 
5. การเลือกทำงานที่ใด ที่หนึ่ง ควรมองให้ลึกลงไปมากกว่าเงินเดือน ที่เค้าจ้างเรา ควรมองถึงความมั่นคงของบริษัท ระยะสั้น ระยะยาว ดูผลกำไรแต่ละปี 
6. การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ ธนาคารพิจารณา วุฒิการศึกษาตำแหน่งงานและอายุของเราด้วย 
7. ไม่สำคัญว่าเราจะได้เงินเดือนเท่าไร สำคัญที่ในแต่ละเดือนเราเหลือเท่าไรมากกว่า  

ปล.ผมไม่มีความรู้เกี่ยวกับการเขียนบทความมากนัก กำลังศึกษาอยู่ หากทำให้อ่านยากหรือไม่เข้าใจ ผมขอโทษนะครับ แล้วก็เรื่องการใช้คำผิด ผมก็ขอโทษล่วงหน้าเลยครับเพราะต้องมีแน่ๆ สุดท้ายนี้ อยากให้กำลังใจ คนรุ่นใหม่ที่กำลังอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง ทุกคนนะครับว่า คำว่าบ้านเลือกคนนี้ เป็นเรื่องจริง บ้านหลังไหนไม่ใช่ของเรา ทำไงมันก็ไม่ได้ ขนาดมีคนช่วยเยอะมาก ทั้งเรื่องเงินเรื่องเอกสารก็ยังไม่ผ่าน แต่บ้านหลังไหนที่เป็นของเรา ยื่นครั้งเดียวผ่าน เลย ส่วนตัว เจ้าของกระทู้เอง บ้านหลังนี้ ผ่อนยาวๆ อีก 40 ปีครับ เป็นบ้านที่ซื้อให้พ่อกับแม่อยู่ ส่วนตัวผมเอง ได้อยู่แค่ วันหยุดเสาร์อาทิตย์ นอนคืนเดียวก็ต้องรีบกลับมาทำงานกรุงเทพ ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะครับ ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่