ครั้งหนึ่งเธียรเคยคิดว่าทุกอย่างจะจบสิ้นลงและคงจบสิ้นด้วยความรวดเร็วมากกว่าเชื่องช้า แน่ละใคร ๆ คงไม่อยาก die too soon แต่จะว่ายังไงได้ โรคภัยเกิดขึ้นแล้ว ชีวิตถูกกำหนดมาให้ต้องเป็น แต่อย่างน้อยที่สุด เขาต้องเลือกได้สิว่าจะต้องตายด้วยเหตุอะไร อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่โรคบ้านี่ก็แล้วกัน และ ไหน ๆ เมื่อความตายหายใจรดต้นคอ ชีวิตนี้ก็ต้องสุดเหวี่ยง ไหน ๆ มันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ทุกค่ำคืน เงิน การพนัน เหล้ายา คือสิ่งที่เธียรคิดว่า "สุดเหวี่ยง" ความรื่นเริงที่ใช้เพื่อกลบฝังความรุนแรงของโรคภัย นาฬิกาเรือนงาม รถสปอตลูกรักคันเก่ง กิจกรรมวันนี้ตื่นเต้นกว่าเดิมเล็กน้อย เมื่อการพนันขันต่อไม่เป็นไปอย่างที่หวังในตาสุดท้าย และ เธียรตัดสินใจว่ามันจะจบลงด้วยการขับเคี่ยวกันบนท้องถนน อาจเป็นแผนของจักรวาลนี้ละมั้ง เมื่อลืมตาตื่นขึ้น เธียรได้ "ชีวิตใหม่" มาราวปาฏิหาริย์
ในชั้นแรกเขาก็เพียงแต่ใช้ชีวิตเดิม ๆ อย่างที่เคยเป็น แต่มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เมื่อไม่จำเป็นต้องใช้เหล้ายาเพื่อกลบฝังโรคภัย ชีวิตที่ใช้อย่างสุดเหวี่ยงจึงไม่ใช้จุดหมายที่แท้จริง ที่มากกว่านั้นความสงสัยยังจุดขึ้นในใจ เขารอดมาได้อย่างไร ทั้งที่ทางที่มีหนึ่งเดียวกันคือการผ่าตัดหัวใจที่เฝ้ารอมานานนับปีจนเลิกหวัง รถคันโปรดที่พ่อแม่ขายไป เมื่อบวกกับความอึกอักของเพื่อนรอบตัว จุดความสงสัยให้กับเธียรไม่น้อย ชื่อ เธียร หมายถึง ผู้มีปัญญา และ การปะติดปะต่อเรื่องราวของเจ้าตัวก็เรียกว่ามีปัญญาสมชื่อนั่นแหละ ยิ่งขุดคุ้ยลงไปเท่าใด ความจริงที่ชวนให้มือสั่นก็ยิ่งปรากฏ "ชีวิตของเขาที่ได้มาแลกด้วยชีวิตของใครอีกคนหนึ่ง " และ เธอคนนั้นชื่อ "ทอฝัน"
มองไปรอบกายวันนี้ เธียรไม่ได้ขาดอะไร มีเต็มจนล้นเสียด้วยซ้ำ เขาไม่จำเป็นต้องรับเรื่องราวเหล่านี้มาใส่ใจ เรื่องที่แล้วไปแล้วก็ให้จบสิ้นเสียตรงนี้กลับไปสู่โลกเดิมชีวิตเดิมก็ย่อมได้ แต่ "ใจ" กลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อได้รับรู้เสียแล้วว่าหนึ่งชีวิตที่พรากไปได้ลงมือทำอะไรไปแล้วบ้าง ผู้หญิงคนนั้นยังอ่อนวัยมากนัก เรื่องราวของเธอทำให้เขาคิดถึงตัวเอง คุณค่า และ ความภาคภูมิใจในตัวเอง จุดหมายของชีวิต สิ่งที่ทำได้สำเร็จแล้ว สิ่งทียังไม่ได้ทำ และ อยากจะทำ บรรจุอยู่ที่หน้าบันทึกเล่มนั้นเต็มไปหมด ชีวิตชีวาของเธอผู้นั้นร้อยเรียงผ่านตัวอักษรราวกับจะกระโดดโลดเต้นออกมาเป็นภาพในความจริง ถ้าหากว่าเธอไม่ตายไปเสียก่อน สิ่งที่อยู่ในบันทึกคงประสบผลไม่มากก็น้อย แต่มันเพราะอะไรกันเล่า ... เพราะ การตัดสินใจเพียงชั่ววูบของเขาหรือไม่ เรื่องราวของเธอจึงกลายเป็นเรื่องราวที่น่าเศร้า และ จบลงเช่นนี้
ดูเอาเถิดเวลาที่ผ่านไปของเธอคนนั้น เมื่อเทียบกับเวลาที่ผ่านไปของเขาช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว วันคืนบนดงดอย เด็กน้อย ชาวบ้านร้านถิ่น การอุทิศชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ส่วนเขาคนนี้ที่วันคืนผ่านไปด้วยความสนุกสนานมัวเมากับอบายมุข เราต้องทำอะไรซักอย่างแล้วไหมคำถามในใจเกิดขึ้นมาพร้อมสัมผัสของบัตรแข็งครูอาสา และ คืนนั้นคงเป็นวันที่เจ้าตัวตัดสินใจเด็ดขาดจริง ๆ ในงานเลี้ยงสังคมไฮโซ ชีวิตหนึ่งที่เสียไปอย่าได้คิดอะไรมันคือความโชคดี ผู้ใหญ่คนคนหนึ่งกล่าวราวกับเรื่องนี้ไม่ได้สำมะหาอะไร และ ในชั่วเสี้ยวนาทีที่เขาขอตัวออกจากวงสนทนาด้วยความไม่พอใจ ไวน์แดงแก้วใหญ่ก็หกใส่เสื้อผ้า ดวงตาของเธียรสว่างวาบ ทุกอย่างประเดประดังเข้ามาในจิตใจ ชีวิตของทอฝันที่เสียไปมีค่าเพียงใด ป่านนี้เด็กเสิร์ฟสาวคนนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง และ สุดท้าย ... เราจะอยู่แบบนี้น่ะเหรอ คุณค่า ความหมาย ชีวิต ความรู้สึกผิด ประเดประดัง
สดท้ายจึงตัดสินใจก้าวเดินต่อไปโดยมีสมุดบันทึกเล่มน้อยเป็นเครื่องนำทาง อย่างน้อยก็ตอบแทนหัวใจที่ยังเต้นอยู่นี้ ด้วยกำลังที่ตัวเองมี อย่างน้อยก็ใช้ชีวิตหนที่สองนี้เพื่อแบ่งปันให้กับคนอื่น และ หวัง ... ว่ามันอาจจะนำพาคุณค่าและความหมายที่ขาดหายกลับเข้ามาในชีวิต เธียรแบกความรู้สึกผิดขึ้นมาแทบจะล้นใจ ความรู้สึกผิดนั้นทำให้เขาอยากใช้ชีวิตแทนใครคนหนึ่ง พยายามเติมเต็มความฝันของคน ๆ นั้น ด้วยหนึ่งสมองและสองมือของตัวเอง ซึ่งในความพยายามเช่นว่านั้น ได้พัดพาหัวใจของใครอีกคนให้ไหวอ่อนไปด้วย
หัวหน้าภูผามองชายหนุ่มท่าทางบอบบางด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ทั้งพึงใจ และ หนักใจระคนกัน มันคือความผสมผสานระหว่างหน้าที่ และ หัวใจ เด็กคนนั้นดูเหมือนจะไม่ประสีประสาการใช้ชีวิตแบบธรรมดาด้วยซ้ำ แล้วชีวิตแบบชาวบ้านเดินดินนี่เล่ามันจะเป็นอย่างไร หากสายตาหนักใจเริ่มแปรเปลี่ยนไป เมื่อพบว่าท่ามกลางความลำบากยากแค้น กำลังใจ และ การปรับตัวของอีกฝ่ายไม่ใช่สิ่งที่เขาจะนึกดูถูกได้ แล้วยิ่งไปกว่านั้น "หัวใจ" ที่คิดว่าเคยชินกับความอ้างว้างเดียวดายกลับไม่เป็นเช่นเคย อารมณ์ขึ้นลงเปี่ยมด้วยชีวิตชีวาและสีสัน หวนกลับคืนมาอีกครั้ง ดวงหน้าบึ้งตึง หลายครั้งเปี่ยมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ บางคาบบางคราก็นุ่มนวลอบอุ่น และ อีกหลาย ๆ หนก็แหนหวงเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ทั้งที่รู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้แม้แต่ครึ่งเปอร์เซ็นก็อาจยากเกินไป
ใครจะนึกว่าในเวลาเพียง 2-3 เดือน สิ่งที่ไม่ได้คาดฝันจะกลับเกิดขึ้น จากความรู้สึกผิดที่แน่นในใจ สิ่งที่ค่อย ๆ เติมเต็มและเติบโตขึ้นมาคือ คุณค่าของชีวิต จากความรู้สึกหนักใจในเบื้องต้น กลายเป็นความถูกตาต้องใจ .... ไม่ใช่ฝ่ายเดียวแต่เป็น 2 ฝ่าย ทั้งประสบการณ์ ชีวิต และ มิตรภาพงอกงามผลิผลใบกลางดงดอย การเดินทางมาที่นี่ช่างมีค่าและมีความหมายเกินกว่าใครคนไหนจะเข้าใจ ท่ามกลางความไม่สะดวกสบายทั้งหลาย เธียรค้นพบทั้งความงดงามของคุณค่าการใช้ชีวิต เรียนรู้การให้อภัยของตัวเอง เรียนรู้ที่จะมีความรักไม่ว่าจะอยู่ในเพศสภาพใด
บัดนี้ภาพในใจของเจ้าตัวชัดเจนขึ้นแล้ว บ่วงความรู้สึกผิดที่รัดรึงกลับกลายเป็นสายลมอ่อนเย็นสดชื่นเมื่อรู้จักและได้รับการให้อภัย น้ำตาแห่งการจากลาที่เคยทำให้เขาไม่รู้จะก้าวต่อไปแบบไหน สิ่งที่ได้ทำบนยอดดอยราวไฟนำทางให้เธียรอย่างชัดเจนว่าต้องการทำสิ่งใด เช่นเดียวกับความรัก อีกฝ่ายคาดหวังว่าเขาจะเติบโตขึ้นอย่างเป็นเอกเทศปราศจากฉันทาคติว่ามีใครเฝ้าคอยอยู่เบื้องหลัง แต่เมื่อคิดอีกครั้งก็คงเข้าใจเช่นกันว่าการเติบโตอาจไม่จำเป็นต้องลงเอยด้วยการแยกจาก แค่รอให้อีกฝ่ายเดินทาง เดินทางตามหัวใจที่แน่วแน่ เส้นทางของเธียรชัดเจน และ เส้นทางของหัวหน้าก็ชัดเจนเช่นกัน ภูผารู้ว่าเขาจะเป็นนกเงือกตัวนั้น และ ยิ่งรู้ว่า "เรา" ทั้งเขาและเธียรพร้อมใจจะเป็นนกเงือกตัวนั้น
ภายใต้ความผิดหวัง เสียใจ และ ความผิดพลาด
จักรวาลยังมอบโอกาสแก่ผู้ต้องการจะแก้ไข
ท้ายที่สุดแล้วคำอธิษฐานของทอฝัน ความต้องการของเธียร หัวใจของหัวหน้า
กลายเป็นเรื่องเดียวกันไปเสียได้
และแล้วตอนจบของนิทานพันดาว ... จึงเป็นเรื่องจริงหาใช่เพียงนิทาน
หากว่าดาวได้ยินคำอธิษฐานของหัวใจ
กี่พันครั้งก็จะขอให้ดวงใจฉนอยู่ใกล้เธอ
นิทานพันดาว (กึ่งรีวิว) ตอนอวสาน : ตอนจบของนิทาน คำอธิษฐาน จักรวาล และ พันดวงดาว
ในชั้นแรกเขาก็เพียงแต่ใช้ชีวิตเดิม ๆ อย่างที่เคยเป็น แต่มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เมื่อไม่จำเป็นต้องใช้เหล้ายาเพื่อกลบฝังโรคภัย ชีวิตที่ใช้อย่างสุดเหวี่ยงจึงไม่ใช้จุดหมายที่แท้จริง ที่มากกว่านั้นความสงสัยยังจุดขึ้นในใจ เขารอดมาได้อย่างไร ทั้งที่ทางที่มีหนึ่งเดียวกันคือการผ่าตัดหัวใจที่เฝ้ารอมานานนับปีจนเลิกหวัง รถคันโปรดที่พ่อแม่ขายไป เมื่อบวกกับความอึกอักของเพื่อนรอบตัว จุดความสงสัยให้กับเธียรไม่น้อย ชื่อ เธียร หมายถึง ผู้มีปัญญา และ การปะติดปะต่อเรื่องราวของเจ้าตัวก็เรียกว่ามีปัญญาสมชื่อนั่นแหละ ยิ่งขุดคุ้ยลงไปเท่าใด ความจริงที่ชวนให้มือสั่นก็ยิ่งปรากฏ "ชีวิตของเขาที่ได้มาแลกด้วยชีวิตของใครอีกคนหนึ่ง " และ เธอคนนั้นชื่อ "ทอฝัน"
มองไปรอบกายวันนี้ เธียรไม่ได้ขาดอะไร มีเต็มจนล้นเสียด้วยซ้ำ เขาไม่จำเป็นต้องรับเรื่องราวเหล่านี้มาใส่ใจ เรื่องที่แล้วไปแล้วก็ให้จบสิ้นเสียตรงนี้กลับไปสู่โลกเดิมชีวิตเดิมก็ย่อมได้ แต่ "ใจ" กลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อได้รับรู้เสียแล้วว่าหนึ่งชีวิตที่พรากไปได้ลงมือทำอะไรไปแล้วบ้าง ผู้หญิงคนนั้นยังอ่อนวัยมากนัก เรื่องราวของเธอทำให้เขาคิดถึงตัวเอง คุณค่า และ ความภาคภูมิใจในตัวเอง จุดหมายของชีวิต สิ่งที่ทำได้สำเร็จแล้ว สิ่งทียังไม่ได้ทำ และ อยากจะทำ บรรจุอยู่ที่หน้าบันทึกเล่มนั้นเต็มไปหมด ชีวิตชีวาของเธอผู้นั้นร้อยเรียงผ่านตัวอักษรราวกับจะกระโดดโลดเต้นออกมาเป็นภาพในความจริง ถ้าหากว่าเธอไม่ตายไปเสียก่อน สิ่งที่อยู่ในบันทึกคงประสบผลไม่มากก็น้อย แต่มันเพราะอะไรกันเล่า ... เพราะ การตัดสินใจเพียงชั่ววูบของเขาหรือไม่ เรื่องราวของเธอจึงกลายเป็นเรื่องราวที่น่าเศร้า และ จบลงเช่นนี้
ดูเอาเถิดเวลาที่ผ่านไปของเธอคนนั้น เมื่อเทียบกับเวลาที่ผ่านไปของเขาช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว วันคืนบนดงดอย เด็กน้อย ชาวบ้านร้านถิ่น การอุทิศชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ส่วนเขาคนนี้ที่วันคืนผ่านไปด้วยความสนุกสนานมัวเมากับอบายมุข เราต้องทำอะไรซักอย่างแล้วไหมคำถามในใจเกิดขึ้นมาพร้อมสัมผัสของบัตรแข็งครูอาสา และ คืนนั้นคงเป็นวันที่เจ้าตัวตัดสินใจเด็ดขาดจริง ๆ ในงานเลี้ยงสังคมไฮโซ ชีวิตหนึ่งที่เสียไปอย่าได้คิดอะไรมันคือความโชคดี ผู้ใหญ่คนคนหนึ่งกล่าวราวกับเรื่องนี้ไม่ได้สำมะหาอะไร และ ในชั่วเสี้ยวนาทีที่เขาขอตัวออกจากวงสนทนาด้วยความไม่พอใจ ไวน์แดงแก้วใหญ่ก็หกใส่เสื้อผ้า ดวงตาของเธียรสว่างวาบ ทุกอย่างประเดประดังเข้ามาในจิตใจ ชีวิตของทอฝันที่เสียไปมีค่าเพียงใด ป่านนี้เด็กเสิร์ฟสาวคนนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง และ สุดท้าย ... เราจะอยู่แบบนี้น่ะเหรอ คุณค่า ความหมาย ชีวิต ความรู้สึกผิด ประเดประดัง
สดท้ายจึงตัดสินใจก้าวเดินต่อไปโดยมีสมุดบันทึกเล่มน้อยเป็นเครื่องนำทาง อย่างน้อยก็ตอบแทนหัวใจที่ยังเต้นอยู่นี้ ด้วยกำลังที่ตัวเองมี อย่างน้อยก็ใช้ชีวิตหนที่สองนี้เพื่อแบ่งปันให้กับคนอื่น และ หวัง ... ว่ามันอาจจะนำพาคุณค่าและความหมายที่ขาดหายกลับเข้ามาในชีวิต เธียรแบกความรู้สึกผิดขึ้นมาแทบจะล้นใจ ความรู้สึกผิดนั้นทำให้เขาอยากใช้ชีวิตแทนใครคนหนึ่ง พยายามเติมเต็มความฝันของคน ๆ นั้น ด้วยหนึ่งสมองและสองมือของตัวเอง ซึ่งในความพยายามเช่นว่านั้น ได้พัดพาหัวใจของใครอีกคนให้ไหวอ่อนไปด้วย
หัวหน้าภูผามองชายหนุ่มท่าทางบอบบางด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ทั้งพึงใจ และ หนักใจระคนกัน มันคือความผสมผสานระหว่างหน้าที่ และ หัวใจ เด็กคนนั้นดูเหมือนจะไม่ประสีประสาการใช้ชีวิตแบบธรรมดาด้วยซ้ำ แล้วชีวิตแบบชาวบ้านเดินดินนี่เล่ามันจะเป็นอย่างไร หากสายตาหนักใจเริ่มแปรเปลี่ยนไป เมื่อพบว่าท่ามกลางความลำบากยากแค้น กำลังใจ และ การปรับตัวของอีกฝ่ายไม่ใช่สิ่งที่เขาจะนึกดูถูกได้ แล้วยิ่งไปกว่านั้น "หัวใจ" ที่คิดว่าเคยชินกับความอ้างว้างเดียวดายกลับไม่เป็นเช่นเคย อารมณ์ขึ้นลงเปี่ยมด้วยชีวิตชีวาและสีสัน หวนกลับคืนมาอีกครั้ง ดวงหน้าบึ้งตึง หลายครั้งเปี่ยมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ บางคาบบางคราก็นุ่มนวลอบอุ่น และ อีกหลาย ๆ หนก็แหนหวงเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ทั้งที่รู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้แม้แต่ครึ่งเปอร์เซ็นก็อาจยากเกินไป
ใครจะนึกว่าในเวลาเพียง 2-3 เดือน สิ่งที่ไม่ได้คาดฝันจะกลับเกิดขึ้น จากความรู้สึกผิดที่แน่นในใจ สิ่งที่ค่อย ๆ เติมเต็มและเติบโตขึ้นมาคือ คุณค่าของชีวิต จากความรู้สึกหนักใจในเบื้องต้น กลายเป็นความถูกตาต้องใจ .... ไม่ใช่ฝ่ายเดียวแต่เป็น 2 ฝ่าย ทั้งประสบการณ์ ชีวิต และ มิตรภาพงอกงามผลิผลใบกลางดงดอย การเดินทางมาที่นี่ช่างมีค่าและมีความหมายเกินกว่าใครคนไหนจะเข้าใจ ท่ามกลางความไม่สะดวกสบายทั้งหลาย เธียรค้นพบทั้งความงดงามของคุณค่าการใช้ชีวิต เรียนรู้การให้อภัยของตัวเอง เรียนรู้ที่จะมีความรักไม่ว่าจะอยู่ในเพศสภาพใด