คิดถูกไหม ลาออกจากพนักงานราชการ มาสมัครอัตราจ้างชั่วคราว ?

คือ เราเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นยากค่ะ เราสอบได้เป็นพนักงานราชการที่รร แห่งนึง ที่ต่างจังหวัด ไกลจากบ้านประมาณ 3 ชั่วโมงรถยนต์ แต่เราเข้ากับใครไม่ได้เลย เราก็เลยออก ปุ๊บ วันนี้ที่เราตัดสินใจขนของ ย้ายของออกจากบ้านพัก รรแถวบ้าน เปิดรับสมัครอัตราจ้าง แต่ประเด็นตอนนี้เรากลัวว่า คือ เราเคยมีประวัติสมัยฝึกสอนที่รรที่รับสมัครอัตราจ้าง เราไม่สุงสิงกับใครเลย ตอนเขาให้สอนหนังสือก็สอน ตอนไม่มีคาบสอนก็มาพัก มาช่วยงานครูพี่เลี้ยงบ้าง เราก็โทรหาอดีตครูพี่เลี้ยงนะคะวันนี้ ท่านบอกเราว่า อย่ามาสมัครเลย ไม่อยากมีภาระ ท่านจะเกษียณ 30 กันยา 64 นี้ค่ะ ท่านยังพูดอีกว่า ถ้ามาสมัคร ก็อย่าทำตัวแบบเดิมก็แล้วกัน คือจังหวะนั้น เราก็คิดว่า เราคงทำไม่ดีมากๆไว้ คือแบบพี่หลังบ้านเราที่ทำงานในรรที่รับสมัครอัตราจ้างนี้ ชอบแซวเราบ่อยๆ ว่า ถ้าเราไปสอนรรนี้ รับรองผลสัมฤทธิ์ขึ้นแน่ (ไม่แน่ใจว่าหมายถึงอะไร แต่เราคิดว่าคงจะเพราะว่าเราใจดี และเขาคิดว่าเราปล่อยเกรด ) จริงๆ เราอาจจะปล่อยค่ะ คือ เรารู้ว่าเกณฑ์บางอย่างที่ต้องเอามาวัดเด็กตามตัวชี้วัด บางทีมันมีระดับของมัน ถ้ามันไม่ผ่านเกณฑ์ก็คือตก แต่ประเด็นคือ เราค่อนข้างฝังใจ สมัยเรียนปี 3 คืออดีตครูพี่เลี้ยงท่านนั้น บอกไว้ว่า เกณฑ์บางอย่างมันสูงไป เราก็ควรจะปรับมันลงมา ให้เหมาะกับความสามารถของเด็กที่เรามี เพราะไม่งั้น เด็กจะตกเกณฑ์ เอาล่ะ เราคิดเป้านึงในใจมาตลอด คือ ถ้านักเรียนส่งงานครบ เราให้เต็มไปเลยในส่วนนั้น ไม่หัก จนวันนี้เหมือนผอ.รร.ที่เราเป็นพนักงานราชการ เขารับทราบข้อมูลจากครูน้อยท่านอื่นในรร เขาคงพูดกันปากต่อปากว่าเราปล่อยเกรด ให้เด็กเต็ม100บ้างอะไรบ้าง แต่คือ เราบืนยันจริงๆว่าที่เด็กได้100คือเกณฑ์ที่เราสร้างขึ้นเขาสามารถทำได้จริง แต่คือหลายคนมองว่ามันเกินไป ครูท่านอื่น พยายามที่จะบอกให้เราลดเกรด ปรับเกรด ปรับคะแนน เพราะรู้ว่านักเรียนคงไม่ได้ไม่ดีขนาดนั้น แถมถ้าผลโอเน็ตหรือข้อสอบกลางออก มันจะมีปัญหา ตรงที่เกรดที่เราให้กับผลสอบ มันต่างกัน ไม่รู้ว่าเราคิดดีหรือทำไม่ดี คือ เรามักจะคิดเสมอว่า ไม่อยากให้เกรดเด็กน้อยๆ เพราะเขาจะขาดแรงบันดาลใจที่จะเรียนต่อในวิชานั้นๆ เรากลัวเขาไม่ตั้งใจเรียน ไม่สนใจเรียนในวิชาที่แสนน่าเบื่อนี้ ใช่ค่ะ เราเคยโดนอดีตครูบางท่าน กดเกรด หรือจะบอกว่าวัดตามเกณฑ์สูง มาตรฐานสูงอย่างไรก็แล้วแต่ เราเคยสอบตก เราเคยไม่ผ่าน แต่เราก็ยังเห็นถึงความใจดีของอดีตครูบางท่าน ที่ให้โอกาสคน ได้พัฒนาตัวเองโดยเริ่มจากการเดินทีละก้าว ล้มก็ลุกใหม่ เราประทับใจครูก็หลายท่านค่ะ ที่ประทับใจที่สุด เห็นจะเป็นตอนม.6 คือ เราสอบซ่อมวิชาคณิตศาสตร์ค่ะ ท่านบอกเราว่า เราสอบปลายภาควิชานี้ตก ท่านให้โอกาสเราแก้ไขและสอบซ่อมใหม่ เรามองว่า เขาให้โอกาสเราได้ ถ้าเราเป็นครู เราก็อยากให้โอกาสเด็กบ้าง ให้เด็กมีเกรดสูงๆ มีอนาคตที่ดี บางทีศักยภาพบางอย่างในตัวเด็กคือมีอยู่บ้าง เป็นคนมีของ แต่คือเค้าอาจจะไม่รู้จักวิธีนำมาใช้ หรือพัฒนาให้ดีขึ้น เราเชื่อว่า คนทุกคน มีความสามารถต่างกัน แต่มีศักยภาพในการพัฒนาตัวเองเท่ากัน ไม่ว่าคนที่เริ่มนับจาก 0 หรือ 100 ทุกคนพัฒนาตนเองให้เท่ากันได้ และที่เราพูดมา เราก็เลยอยากรู้ว่า เราคิดถูกมั้ยคะ ที่ลาออกจากพนักงานราชการมาสมัครอัตราจ้าง อาจเพราะใกล้บ้าน หรือสะดวก จะได้อยู่กับครอบครัวด้วย คือเราไม่ได้อะไรนะคะ แต่เราเป็นคนติดบ้านค่ะ เคยสอบได้คณะดีๆมหาลัยดัง แต่... ไม่เอา มาเลือกลงคณะครุศาสตร์ มหาลัยราชภัฏ หลายคนดูถูกเรามาก แต่คือ มันมีความหมายกับเราค่ะ อาจารย์กับนักศึกษามีความผูกพันกันมาก ถ้าเป็นพ่อแม่ลูกกันแบบคนในไส้คงเป็นกันแล้วค่ะ จะเปรียบเทียบคือ เค้าดูแลดีมาก แต่ที่เราเลือกมหาละยราชภัฏเพราะใกล้บ้านค่ะ นั่งรถไฟกลับบ้านแค่ 50 นาทีเท่านั้น ค่ารถถูก สะดวก แต่ตอนปี 3 เราตรวจพบโรคซึมเศร้าเพราะหายใจไม่อิ่มและมีออกซิเจนในเลือดมากจนทำให้ตัวชาค่ะ ต้องใช้ถุงครอบ หมอบอกว่า ให้รักษาโรคซึมเศร้า คือเราพยายามที่จะทำให้มันหายค่ะ แต่ทางบ้านเราเข้มงวดและมักจะพูดจาทำร้ายจิตใจอยู่เสมอ เราก็เลยเหมือนจะดีเหมือนจะร้าย ไม่หายซักที ทั้งๆที่ยาก็กิน แต่หมอก็คงรู้ อาการก็ไม่ได้แย่ลงค่ะ หมอไม่ลดยาให้ เลยตระหนักได้ว่าคงจะทรงตัวอยู่ ตอนนี้ตัดสินใจแบบนี้ ทำถูกมั้ยคะ พี่ๆ รบกวนขอคำแนะนำคำปรึกษาแนวทางดีๆ ประสบการณ์จากพี่ๆคงจะมีประโยชน์กับหนูมากๆ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่