สวัสดัครับ เพื่อนๆ ทุกคน
เข้าเรื่องเลยละกัน
คือ ผมตอนนี้อยู่ในสถานการณ์เป็นตัวกลางระหว่างปัญหาครอบครัวในบ้าน ครอบครัวผมมีทั้งหมด 4 คน
พ่อ,แม่,พี่สาว,ผม(น้องชายคนเล็ก) คือครอบครัวผมตั้งแต่เกิดตอนนี้ผม 23 ปี แล้ว พี่สาวผม 25 ปี พ่อแม่ผมค่อนข้างเป็นหัวโบราณนิดนึง เราก็อยู่ด้วยกันมาด้วยดีกันตลอดตั้งแต่เล็กจนโต จากที่เคยยากจนก็ฟื้นมามีอยู่มีกินบ้างไม่ลำบากเมื่อตอนผมเกิดใหม่ๆ เราอยู่กันมาแบบลูกแม่ค้า จนพี่สาวผมใกล้แต่งงานปัญหาเกิดตรงที่ว่า
พี่สาวผมด้วยความที่เป็นคนเรียนเก่งเรียนสูง อยู่ในสังคมที่ค่อนข้างทันสมัย สังคมที่ค่อนข้างทันสมัยในที่นี้คือ ทำงานบริษัทของเมืองนอกมีเงินเดือนดีหน้าที่การงานมั่นคง และพี่สาวผมเป็นคนจิตใจแน่วแน่ สวนทางกับผม ที่เป็นคนจิตใจอ่อนไหวง่าย และเริ่มจะมีปัญหากับพ่อแม่ซึ่งเป็นคนหัวโบราณ เวลาจะออกความคิดเห็นเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่สำคัญที่เกี่ยวกับครอบครัว ก็จะมีความคิดเห็นซึ่งไม่ตรงกัน
ความเห็นในที่นี้คือไม่มีใครผิดไม่มีใครถูก แต่แค่การแสดงออกทางความคิดต่างคนต่างไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน ก็จะมีปัญหาไม่จบไม่สิ้น เข้าใจใช่มั้ยครับที่ผม อธิบาย
ปล. ผมตอนนี้ป่วยเป็นซึมเศร้า ทุกคนที่บ้านรู้ทุกคนซัพพอร์ทความเป็นเราเข้าใจเรา แต่เวลาเป็นเรื่องปัญหาในครอบครัวผมมักจะเป็นตัวกลางที่ว่าเราเข้าใจทั้งแม่ และ พี่สาว แต่ทั้งคู่ก็ยังทะเลาะกันทุกเรื่อง แค่ทัศนคติมุมมองของคนต่างวัยกันเท่านั้นเอง
เวลาพี่สาว ผม อธิบาย แม่ก็หาว่า พี่สาวผมเถียง
เวลาแม่ผมนิ่ง พี่สาวเงียบ ต่างคนต่างเงียบเวลาเกิดปัญหาอะไรก็ตามเรื่องมันก็จะคาราคาซัง ไม่รู้จบ
**ผมที่เป็นตัวกลางก็อึดอัดใจเหมือนกันที่ แต่ก่อนเราไม่มีปัญหาเรื่องเรียนเรื่องอะไรที่บ้านก็ไม่เคยกดดันอะไรเลยเราถือว่าเราโชคดีมาก แต่ว่าก็เข้าใจว่า "ทุกครอบครัวมีปัญหากันหมด" แต่ผมแค่ชอบในความที่เราไม่มีเงินแต่ก่อนมากกว่า ผมรู้ว่าครอบครัวเราเคยอบอุ่นกว่านี้
พี่สาว กับ แม่ ความต่างทางความคิดของวัยทำให้ครอบครัวเกิดความขัดแย้งกันได้นะครับ พี่สาวคนหัวสมัยใหม่ กับ แม่หัวโบราณ และผมที่เป็นตัวกลางก็คิดว่าครอบครัวเราตอนเด็กๆ เราเคยมีความสุขกว่านี้
ผมควรแก้ปัญหายังไงดีครับ เข้าใจกันทั้ง 2 ฝ่าย
ฝ่ายพี่สาว : เป็นคนหัวสมัยใหม่ ต้องการเหตุผลกับทุกเรื่อง ไม่ยอมคน
ฝ่ายแม่ : เป็นคนหัวโบราณ ทำตามรูปแบบเดิมๆ ที่เขาทำกันมา
ยกตัวอย่างที่
พี่สาวผมจะแต่งงานช่วงกลางปี 2564 นี้ และแม่ก็เป็นห่วงว่าจะออกไปอยู่กับแฟนตัวเองแล้ว ก็รู้จักหัดเก็บบ้านเก็บช่องซะบ้างโตจะเป็นเจ้าสาวแล้ว
ส่วนตัวผม ผมเข้าใจเหตุผลของแม่ เพราะ ออกไปอยู่กับแฟนหลังแต่งงาน ก็ควรเป็นแม่ศรีเรือนประมานนี้ครับ
และผมก็เข้าใจพี่สาว ที่มันไม่มีเวลาเก็บกวาดบ้านมันเพราะว่ามันทำงานอยู่ที่บ้านช่วยทำงานกับกับแฟน ก็จะไม่มีเวลาพัก ผมกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่ามันทำงาน อยู่หน้าคอม 10 โมงยันตี 5 เกือบทุกวันเวลาพักผ่อนแทบจะไม่มี
และนี้ก็เป็นสถานการณ์ที่แม่กับพี่สาวผม ทะเลาะกัน แต่มันติดตรงที่ว่ามันหนักขึ้นเรื่อยๆจนเขาเริ่มไม่คุยกันแล้ว ผมควรทำยังไงดีครับ เพราะทั้งสองก็มีเจตนาที่ดีกันทั้งคู่ แต่เเค่ทัศนคติ ทั้ง 2 มองคนละแบบกัน ผมซึ่งเป็นคนกลางที่อยากจะให้ 2 คนเข้าใจกัน มันอึดอัดมากๆนะครับ
ครอบครัวผมไม่มีความสุขเหมือนแต่ก่อนเลย
* ขอบคุณที่รับฟังครับ — ผมที่เป็นคนอ่อนไหว พอเห็นคนในรอบครัวทะเลาะกันแบบนี้ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับเหมือนกันครับ ผมควรทำยังไงดีครับ
เครียดมากครับ!!! ปัญหาครอบครัว เป็นตัวกลางของปัญหาพี่สาวทะเลาะกับเเม่เพราะทัศนคติต่างกันเกินไปครับ
เข้าเรื่องเลยละกัน
คือ ผมตอนนี้อยู่ในสถานการณ์เป็นตัวกลางระหว่างปัญหาครอบครัวในบ้าน ครอบครัวผมมีทั้งหมด 4 คน
พ่อ,แม่,พี่สาว,ผม(น้องชายคนเล็ก) คือครอบครัวผมตั้งแต่เกิดตอนนี้ผม 23 ปี แล้ว พี่สาวผม 25 ปี พ่อแม่ผมค่อนข้างเป็นหัวโบราณนิดนึง เราก็อยู่ด้วยกันมาด้วยดีกันตลอดตั้งแต่เล็กจนโต จากที่เคยยากจนก็ฟื้นมามีอยู่มีกินบ้างไม่ลำบากเมื่อตอนผมเกิดใหม่ๆ เราอยู่กันมาแบบลูกแม่ค้า จนพี่สาวผมใกล้แต่งงานปัญหาเกิดตรงที่ว่า
พี่สาวผมด้วยความที่เป็นคนเรียนเก่งเรียนสูง อยู่ในสังคมที่ค่อนข้างทันสมัย สังคมที่ค่อนข้างทันสมัยในที่นี้คือ ทำงานบริษัทของเมืองนอกมีเงินเดือนดีหน้าที่การงานมั่นคง และพี่สาวผมเป็นคนจิตใจแน่วแน่ สวนทางกับผม ที่เป็นคนจิตใจอ่อนไหวง่าย และเริ่มจะมีปัญหากับพ่อแม่ซึ่งเป็นคนหัวโบราณ เวลาจะออกความคิดเห็นเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่สำคัญที่เกี่ยวกับครอบครัว ก็จะมีความคิดเห็นซึ่งไม่ตรงกัน
ความเห็นในที่นี้คือไม่มีใครผิดไม่มีใครถูก แต่แค่การแสดงออกทางความคิดต่างคนต่างไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน ก็จะมีปัญหาไม่จบไม่สิ้น เข้าใจใช่มั้ยครับที่ผม อธิบาย
ปล. ผมตอนนี้ป่วยเป็นซึมเศร้า ทุกคนที่บ้านรู้ทุกคนซัพพอร์ทความเป็นเราเข้าใจเรา แต่เวลาเป็นเรื่องปัญหาในครอบครัวผมมักจะเป็นตัวกลางที่ว่าเราเข้าใจทั้งแม่ และ พี่สาว แต่ทั้งคู่ก็ยังทะเลาะกันทุกเรื่อง แค่ทัศนคติมุมมองของคนต่างวัยกันเท่านั้นเอง
เวลาพี่สาว ผม อธิบาย แม่ก็หาว่า พี่สาวผมเถียง
เวลาแม่ผมนิ่ง พี่สาวเงียบ ต่างคนต่างเงียบเวลาเกิดปัญหาอะไรก็ตามเรื่องมันก็จะคาราคาซัง ไม่รู้จบ
**ผมที่เป็นตัวกลางก็อึดอัดใจเหมือนกันที่ แต่ก่อนเราไม่มีปัญหาเรื่องเรียนเรื่องอะไรที่บ้านก็ไม่เคยกดดันอะไรเลยเราถือว่าเราโชคดีมาก แต่ว่าก็เข้าใจว่า "ทุกครอบครัวมีปัญหากันหมด" แต่ผมแค่ชอบในความที่เราไม่มีเงินแต่ก่อนมากกว่า ผมรู้ว่าครอบครัวเราเคยอบอุ่นกว่านี้
พี่สาว กับ แม่ ความต่างทางความคิดของวัยทำให้ครอบครัวเกิดความขัดแย้งกันได้นะครับ พี่สาวคนหัวสมัยใหม่ กับ แม่หัวโบราณ และผมที่เป็นตัวกลางก็คิดว่าครอบครัวเราตอนเด็กๆ เราเคยมีความสุขกว่านี้
ผมควรแก้ปัญหายังไงดีครับ เข้าใจกันทั้ง 2 ฝ่าย
ฝ่ายพี่สาว : เป็นคนหัวสมัยใหม่ ต้องการเหตุผลกับทุกเรื่อง ไม่ยอมคน
ฝ่ายแม่ : เป็นคนหัวโบราณ ทำตามรูปแบบเดิมๆ ที่เขาทำกันมา
ยกตัวอย่างที่
พี่สาวผมจะแต่งงานช่วงกลางปี 2564 นี้ และแม่ก็เป็นห่วงว่าจะออกไปอยู่กับแฟนตัวเองแล้ว ก็รู้จักหัดเก็บบ้านเก็บช่องซะบ้างโตจะเป็นเจ้าสาวแล้ว
ส่วนตัวผม ผมเข้าใจเหตุผลของแม่ เพราะ ออกไปอยู่กับแฟนหลังแต่งงาน ก็ควรเป็นแม่ศรีเรือนประมานนี้ครับ
และผมก็เข้าใจพี่สาว ที่มันไม่มีเวลาเก็บกวาดบ้านมันเพราะว่ามันทำงานอยู่ที่บ้านช่วยทำงานกับกับแฟน ก็จะไม่มีเวลาพัก ผมกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่ามันทำงาน อยู่หน้าคอม 10 โมงยันตี 5 เกือบทุกวันเวลาพักผ่อนแทบจะไม่มี
และนี้ก็เป็นสถานการณ์ที่แม่กับพี่สาวผม ทะเลาะกัน แต่มันติดตรงที่ว่ามันหนักขึ้นเรื่อยๆจนเขาเริ่มไม่คุยกันแล้ว ผมควรทำยังไงดีครับ เพราะทั้งสองก็มีเจตนาที่ดีกันทั้งคู่ แต่เเค่ทัศนคติ ทั้ง 2 มองคนละแบบกัน ผมซึ่งเป็นคนกลางที่อยากจะให้ 2 คนเข้าใจกัน มันอึดอัดมากๆนะครับ
ครอบครัวผมไม่มีความสุขเหมือนแต่ก่อนเลย
* ขอบคุณที่รับฟังครับ — ผมที่เป็นคนอ่อนไหว พอเห็นคนในรอบครัวทะเลาะกันแบบนี้ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับเหมือนกันครับ ผมควรทำยังไงดีครับ