บรรยากาศยามเช้าที่ต่างจังหวัดมันดีกว่าในเมืองที่ผมอาศัยอยู่มาก ผมไม่ค่อยได้กลับบ้านบ่อยนักเนื่องจากที่ทำงานกับบ้านของผมอยู่ห่างกันหลายร้อยกิโลเมตร หากจะได้กลับบ้านบ้างก็คงเป็นเทศกาลหรือไม่ก็ช่วงหยุดยาวหลายวันอย่างเทศกาลออกพรรษาเช่นนี้ เพราะหากหยุดวันสองวันผมคงต้องเสียเวลาไปกับการเดินทางแน่นอน ในระหว่างที่ผมกำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศบ้านนอกด้วยการเปิดเพลงในรถฟัง พร้อมทั้งกับจิบกาแฟในยามเช้าก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งพร้อมกับเด็กเล็กที่ฝ่ายหญิงอุ้มไว้ยืนอยู่ที่รั้วหน้าบ้าน จนเมื่อจ้องมองเห็นชัดเจนจึงรู้ว่าเป็นลุงกบแกเป็นผู้ใหญ่บ้านคนเก่ากับเมียของแก ผมจึงบอกให้แกเปิดรั้วบ้านเข้ามาได้เลย
“มาถึงเมื่อไหร่เนี่ย” ลุงกบถามผมขณะเดินเข้ามาหน้าตัวบ้าน
“ผมกลับมาเมื่อคืนครับ” ผมตอบพร้อมกับมองไปที่เด็กเล็ก ในขณะเดียวกันภรรยาของผมก็ออกมาจากบ้านพอดีจึงได้ยกมือไหว้ทั้งสองคน
“แล้วมีลูกกันหรือยัง” เมียลุงกบถามเมื่อเห็นภรรยาของผม “เอ้า อายุก็เยอะแล้วทำไมไม่มีลูกเสียที แก่มาใครจะเลี้ยงพวก” แกพูดต่อหลังจากที่ผมส่ายหน้าปฏิเสธทำเอาผมกับภรรยาได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ในระหว่างที่แม่ของผมเดินถือถุงผลไม้ออกมาจากตัวบ้าน
“ไอ้เก่งสึกแล้วหรือยังตากบ ได้ข่าวว่าบวชเป็นพรรษาเลย” แม่ผมถาม
“ใช่บวชพรรษาหนึ่งน่ะ มันสึกแล้ว เพิ่งสึกวันก่อนนี่แหละ ว่าแต่บวชหรือยัง” แกตอบพร้อมกับหันหน้ามา ผมส่ายหัวเพื่อปฏิเสธ “เอ้าทำไมไม่บวชเสียที จะได้เป็นคนรู้ผู้ดีกับเขาบ้าง แล้วยังไม่บวชแต่งงานได้ไง” แกพูดพร้อมกับส่ายหน้าหน่ายเหนื่อยจากการที่ผมตอบแกว่ายังไม่ได้บวช
“ว่าแต่ตากบมีธุระอะไรเหรอมาแต่เช้าเชียว” แม่ผมถาม
“พอดีเห็นบ้านแกมีรถเลยจะให้ช่วยพาไปเยี่ยมไอ้เก่งมันหน่อย”
“อ้าว มีเรื่องอะไร” แม่ผมถามอย่างตกใจ
“มันโดนจับอยู่โรงพักนู่น วันนั้นสึกตอนเช้าเพื่อนก็มาชวนไปกินเหล้าทันที พอเมาก็มีเรื่องกันเอาปืนไปยิงเขา เนี่ยต้องหาเงินไปประกันมันอีกไม่รู้เขาจะให้ประกันไหม ชอบคบแต่เพื่อนชั่ว ๆ” ลุงกบพูดอย่างหัวเสีย
“แล้วเพื่อนมันโดนจับไหม” แม่ผมถามต่อ
“ไม่ มีมันคนเดียว เพื่อนมันไม่ได้มีเรื่องด้วย” ผมกับภรรยาก็มองหน้ากันเมื่อลุงกบพูดจบ
“อันนี้ลูกหลงแกรึ” แม่ผมถามพร้อมมองไปทางเด็กเล็กที่เมียแกอุ้มอยู่
“ลูกอีแก้วมัน คลอดแล้วมันก็หนีไปทำงานที่กรุงเทพฯ ไม่กลับมาปีกว่าแล้ว เงินก็ไม่ส่งให้กูสักบาท ไม่มีค่านมให้มันแล้ว พ่อมันเป็นใครกูก็ยังไม่รู้จัก” เมียลุงกบพูดอย่างอารมณ์เสียก่อนแกจะพูดต่อว่า “รีบหน่อยล่ะ อายุก็มากแล้ว เวลาแก่ตัวไปจะได้มีคนเลี้ยง” ก่อนผู้ใหญ่บ้านพูดปิดท้ายว่า
“ถ้าจะบวชบอกกูนะ กูจะพาไปคุยกับเจ้าอาวาสท่าน”
โดย : พิฆเนศ
เรื่องสั้น ขนาดสั้น : รีบหน่อยล่ะ
“มาถึงเมื่อไหร่เนี่ย” ลุงกบถามผมขณะเดินเข้ามาหน้าตัวบ้าน
“ผมกลับมาเมื่อคืนครับ” ผมตอบพร้อมกับมองไปที่เด็กเล็ก ในขณะเดียวกันภรรยาของผมก็ออกมาจากบ้านพอดีจึงได้ยกมือไหว้ทั้งสองคน
“แล้วมีลูกกันหรือยัง” เมียลุงกบถามเมื่อเห็นภรรยาของผม “เอ้า อายุก็เยอะแล้วทำไมไม่มีลูกเสียที แก่มาใครจะเลี้ยงพวก” แกพูดต่อหลังจากที่ผมส่ายหน้าปฏิเสธทำเอาผมกับภรรยาได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ในระหว่างที่แม่ของผมเดินถือถุงผลไม้ออกมาจากตัวบ้าน
“ไอ้เก่งสึกแล้วหรือยังตากบ ได้ข่าวว่าบวชเป็นพรรษาเลย” แม่ผมถาม
“ใช่บวชพรรษาหนึ่งน่ะ มันสึกแล้ว เพิ่งสึกวันก่อนนี่แหละ ว่าแต่บวชหรือยัง” แกตอบพร้อมกับหันหน้ามา ผมส่ายหัวเพื่อปฏิเสธ “เอ้าทำไมไม่บวชเสียที จะได้เป็นคนรู้ผู้ดีกับเขาบ้าง แล้วยังไม่บวชแต่งงานได้ไง” แกพูดพร้อมกับส่ายหน้าหน่ายเหนื่อยจากการที่ผมตอบแกว่ายังไม่ได้บวช
“ว่าแต่ตากบมีธุระอะไรเหรอมาแต่เช้าเชียว” แม่ผมถาม
“พอดีเห็นบ้านแกมีรถเลยจะให้ช่วยพาไปเยี่ยมไอ้เก่งมันหน่อย”
“อ้าว มีเรื่องอะไร” แม่ผมถามอย่างตกใจ
“มันโดนจับอยู่โรงพักนู่น วันนั้นสึกตอนเช้าเพื่อนก็มาชวนไปกินเหล้าทันที พอเมาก็มีเรื่องกันเอาปืนไปยิงเขา เนี่ยต้องหาเงินไปประกันมันอีกไม่รู้เขาจะให้ประกันไหม ชอบคบแต่เพื่อนชั่ว ๆ” ลุงกบพูดอย่างหัวเสีย
“แล้วเพื่อนมันโดนจับไหม” แม่ผมถามต่อ
“ไม่ มีมันคนเดียว เพื่อนมันไม่ได้มีเรื่องด้วย” ผมกับภรรยาก็มองหน้ากันเมื่อลุงกบพูดจบ
“อันนี้ลูกหลงแกรึ” แม่ผมถามพร้อมมองไปทางเด็กเล็กที่เมียแกอุ้มอยู่
“ลูกอีแก้วมัน คลอดแล้วมันก็หนีไปทำงานที่กรุงเทพฯ ไม่กลับมาปีกว่าแล้ว เงินก็ไม่ส่งให้กูสักบาท ไม่มีค่านมให้มันแล้ว พ่อมันเป็นใครกูก็ยังไม่รู้จัก” เมียลุงกบพูดอย่างอารมณ์เสียก่อนแกจะพูดต่อว่า “รีบหน่อยล่ะ อายุก็มากแล้ว เวลาแก่ตัวไปจะได้มีคนเลี้ยง” ก่อนผู้ใหญ่บ้านพูดปิดท้ายว่า
“ถ้าจะบวชบอกกูนะ กูจะพาไปคุยกับเจ้าอาวาสท่าน”
โดย : พิฆเนศ