ตามหัวข้อ มีเยอะมาก สังเกตุด้อมใหญ่ๆ ช่วงที่มีการชุมนุมเกือบทุกด้อมโดเนทเงินช่วยม็อบในด้านต่างๆเยอะมาก โดยเฉพาะโซวอน อามี่ บลิ้ง อากาเซ่ ฯลฯ ยอดบริจาคเป็นล้าน และยังช่วยแชร์ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ติ่งไปด้วยขับเคลื่อนประชาธิปไตย ทำควบคู่กันได้ดีมาก

แต่การรณรงค์ให้ดาราออกมา Call Out ก็เป็นสิทธิ์ของเค้า ถ้าดาราไม่ออกมาเค้าก็มีสิทที่จะแบนหรือสนับสนุนต่อ แต่เค้าไม่มีสิทธิ์ที่ไปด่าใคร แต่หลายๆคนก็ยังไม่เข้าใจพ้อยตรงนี้ เอาเรื่องดาราไม่ Call Out มาด่า คืออันนี้ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ถ้าจะแบนคือแบนไปเลย ไม่ต้องพูดถึง !!

แอคที่เป็นประชาธิปไตยจริงๆ พวกพี่น้องๆแกนนำ หรือ นักวิชาการ สส  ดารา เซเลปต่างๆ ไปกดติดตามได้เลย ได้ความรู้แน่ๆ แต่ถ้าเห็นแค่พวกแอค ปสด หิวแสง หวังยอดรี คุณก็เห็นแค่นั้น เพราะใจคุณไม่เป็นประชาธิปไตยตั้งแต่ต้น

นี่ๆๆๆๆๆ พวกผู้ใหญ่เขารู้กันมั้ยว่า ทวิตเตอร์เป็นแค่ platform social media สำหรับทุกคน ไม่ได้แค่สำหรับติ่งเกาหลีนะ ทวิตเตอร์ไม่ได้มีแค่ติ่งเกาหลีนะคะ แต่ด้วยจุดเด่นของทวิตเตอร์คือ การกระชับในการสื่อสาร (จำกัดจำนวนตัวอักษร) ทำให้ข่าวทุกอย่างในทวิตไวและกระชับ จับใจความได้ง่าย ซึ่งเหมาะกับกลุ่มเด็กเจนใหม่ ที่โตมากับโลกดิจิตอล จึงหันมาเล่นทวิตเตอร์กันเยอะมากกว่าเจนพ่อแม่ที่preferการเล่นไลน์อะนะ ส่วนตัวเราอยากให้มองกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเจนใหม่มากกว่าจำกัดคำว่า “แฟนคลับเกาหลี ทวิตเตอร์” จะดีกว่า

และถ้าจะตอบให้ตรงคำถามว่า กลุ่มคนเหล่านี้จะมีบทบาทอย่างไรในอนาคตบ้าง แน่นอนว่าต้องมีบทบาทเยอะมากๆๆๆค่ะ เพราะอนาคตก็คือวัยทำงานของเด็กกลุ่มนี้ ที่จะต้องเสียภาษีมากขึ้นให้กับรัฐบาล และด้วยความที่โลกมันเชื่อมต่อกันหมดด้วยinternet เด็กกลุ่มนี้ เติบโตมากับความรู้ที่มากมาย ได้เห็นข้อมูลข่าวสารจากต่างประเทศอีกเพียบ ทำให้เกิดการเปรียบเทียบประเทศไทยกับต่างประเทศ ปัจจุบันจึงไม่แปลกถ้าจะออกมาเรียกร้องเพื่อให้ประเทศมันพัฒนาขึ้นนะคะ เราก็เห็นหลายแคมเปญที่ เกิด แฮชแท็กรณรงค์ในทวิตจนเกิดการเปลี่ยนแปลงสังคมมากมาย

ปล.ทวิตเตอร์ มีทั้ง กลุ่มโอตะ กลุ่มแฟนคลับเกาหลี กลุ่มแฟนซีรี่ส์วาย กลุ่มแฟนคลับดาราไทย กลุ่มLGBT และอีกมากมายนะคะ รบกวนอย่าโยงแค่ติ่งเกาหลีเลยค่ะ

ก่อนหน้าไม่กี่วัน. ติดแฮชแท๊ก รณรงค์กันสนุกสนาน เรื่องการบูลลี่ body sharming
เมื่อวาน เจอ  ข่าว สมเด็จเจ้าฟ้า หญิงจุฬาภรณ์ มีพระพักตร์ บวม น่าจะเป็นผลจากการรับยาเพื่อรักษา พระอาการประชวร
ชาวทวิตเตี้ยน ต่างพากันล้อเลียน สนุกสนาน หลงลืมไปหมด

เลยยิ่งมองเห็นชัดเจน ว่า คนกลุ่มนี้ ที่คอยรณรงค์ แบนนั่น แบนนี่ ไม่มีทางพาประเทศพัฒนาได้
คนพวกนี้ ดีแต่ปาก คอยแต่จับผิด และใช้หลักการที่เรียนรู้ เอาใว้ ข่มคนอื่น เท่านั้นเอง ไม่เคยทำเองได้

การรณรงค์ให้ตระหนักรู้ ในเรื่องต่างๆ มันก็ดีในแง่ของการส่งเสียง ออกมาให้คนสนใจได้กับประเด็นนั้น
แต่  คนที่เรียกร้อง ต่างๆทำได้ด้วยจริงไหม

บางทีคนในกระทู้นี้ก็ต้องยอมรับนะว่าหลายข่าวที่เกี่ยวกับการพัฒนาสังคมและประเทศชาติก็มาจากทวิตเป็นตัวปลุกกระแสจนเป็นข่าวออกไปข้างนอกให้หน่วยงานรัฐกระตือรือร้นแก้ไขปัญหากันนะ การพัฒนาสังคมและประเทศชาติในหลายๆเรื่องมันเกิดขึ้นได้ก็เพราะคนในทวิตด่า เอามาประจานนี่ละ