โดนบูลลี่เรื่องฟันจนต้องไปจัดฟัน กับค่าใช้จ่ายที่แสนแพง??

กระทู้คำถาม
สวัสดีค่ะก่อนอื่นเลยเราขอบอกก่อนว่าเราไม่ได้มีเจตนาที่จะมาแฉเพื่อน หรือกล่าวหาว่าร้ายให้ทางคลินิกเสื่อมเสียนะคะ เราแค่อยากมาแชร์ประสบการณ์ที่เราเคยเจอ ขอยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดที่เราเล่าคือเรื่องจริงจากประสบการณ์ที่เราเคยเจอ เราพึ่งหัดเขียนกระทู้ผิดถูกยังไงขออภัยด้วยนะคะ

         
        คือเราเป็นเด็กต่างจังหวัดตอนเด็กๆเราไม่ค่อยชอบแปลงฟันตอนกลางคืน แล้วพ่อแม่เราก็ไม่ค่อยได้บังคับเราในเรื่องนี้สักเท่าไหร่ พอประมาณตอน ป.1 เราก็ได้ตรวจฟันเป็นครั้งแรกเหมือนจะมีโครงการให้หมอมาตรวจฟันอะไรสักอย่างเราจำไม่ได้ พอเราได้ตรวจคุณหมอก็บอกว่าเรามีฟันผุแล้วนัดให้ไปอุดฟัน พอถึงวันนัดเราก็ไปอุดตามที่หมอบอกแล้วจากนั้นก็ไม่เคยไปหาหมออีกเลย แล้วเราก็ไม่ค่อยดูแลฟันเท่าไหร่จนถึง ป.4 เราจะเเปลงฟัน เช้า กลางวัน(ครูบังคับ) ก่อนนอน ซึ่งเราก็ทำแบบนี้มาจนถึง ป.6 แต่ก็ยังรู้สึกว่าปวดฟันฟันผุแต่ก็ไม่ได้ไปหาหมอแล้วก็ปล่อยมันไว้แบบนั้น จนมันผุแบบรักษาไม่ได้แล้วต้องถอนทิ้ง พอเข้ามัธยมเราก็ไม่ได้ไปหาหมอฟันแล้วเหมือนทางโรงเรียนก็มีโครงการให้คุณหมอมาตรวจฟัน ซึ่งคุณหมอก็บอกเราว่าเรามีฟันผุให้ไปอุดฟันถอนฟันซี่ที่มันผุมากๆ ซึ่งเราก็ไม่ได้ไปซึ่งเรากลัวแล้วก็หมอไม่กล้าไปทำเราก็ปล่อยมันไว้แบบนั้น เราไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่เพราะเพื่อนที่มัธยมก็ไม่เคยล้อหรือบูลลี่ว่าฟันเราไม่สวย คือเมื่อก่อนเราเป็นเด็กที่กล้าแสดงออกพูดเก่งมีความมั่นใจในตัวเอง จนกระทั่งเรา จบ ม. แล้วย้ายไปเรียน ปวช. ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราเครียด จิตตก ไม่กล้าพูดเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง


         พอถึงช่วงเข้าปวช. คือเรายอมรับเลยว่าเราไม่สวยดำขี้เหร่มากฟันไม่สวยอีก แล้วเราโดนทั้งเพื่อนทั้งครูหัวเราะฟันเราคือเราอายมาก ฟันเรามีปัญหาคือฟันหน้ามันแตกหักเหลือครึ่งนึงแล้วเวลาพูดจะเหมือนคนฟันหลอ ซึ่งเราโดนล้อบ่อยมากจนทำให้เราอายไม่กล้าพูดจะพูดเฉพาะกับเพื่อน แล้วช่วงปิดเทอมเราเลยพยายามพัฒนาตัวเองเริ่มทาครีม ขัดผิว กินคอลลาเจน หัดแต่งหน้ามันเลยทำให้เราดูดีขึ้นในระดับนึง พอเปิดเทอมเราก็มีรุ่นพี่ เพื่อนต่างแผนกมาจีบเราบ้างจากที่ไม่เคยมีคนสนใจหรือมองเราเลย แต่เราก็ไม่กล้าคุยกับใครเพราะเราอายฟันตัวเองจนเราชอบรุ่นพี่อยู่คนนึงแล้วพี่เค้าก็มาจีบเรา แต่เราก็ไม่กล้าคบทั้งที่เราชอบพี่เค้ามากเราไม่มั่นใจเราอายฟันกลัวพี่เค้ารับไม่ได้เราเลยปฏิเสธพี่เค้าไป แล้วเวลาเรายิ้มพูดกับเพื่อนเพื่อนจะชอบล้อเราว่า อยู่เฉยๆไม่ต้องยิ้มดีกว่านะยิ้มทีผู้ชายหายหมด แล้วเราเคยไปซื้อของกับเพื่อนเราก็ได้ยินพนักงานคุยกันหัวเราะล้อกันว่าเราฟันหลอ ตอนนั้นเราอายและเฟลมากเราจึงบอกเพื่อนให้รีบไปจ่ายเงินแล้วรีบกลับแล้วเราก็ไม่ไปซื้อของที่นั่นอีกเลย พอถึงช่วงที่เราไปฝึกงานเราก็หนีไม่พ้นเรื่องการโดนล้อโดนบลูลี่ฟันเราอีก ล้อว่าเราพูดไม่ชัดเวลาพูดลมมันออกหรอซึ่งมันทำให้เราเฟลเราเสียความรู้สึกมากทำไมเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย พอเราฝึกงานจบเราก็กลับไปเรียนแล้วยังโดนล้อเรื่องเดิมๆอยู่อีกซึ่งช่วงนั้นเราจิตตกเราเครียดแอบไปร้องไห้คนเดียวบ่อยมาก จนเราคิดว่าเราไม่ไหวแล้วเราอยากจัดฟันมากเราเลยไปบอกแม่ว่าเราอยากจัดฟันแต่แม่ก็ห้ามไม่ให้เราทำเพราะไม่มีเงิน ตอนนั้นยอมรับว่าเราโกรธแม่มากทั้งเครียดทั้งจิตตกเราก็ทนๆคำบูลลี่ไปจนกระทั่งเราเรียนจบ ปวช. พอจบเราก็ขอแม่เข้ามาเรียนที่ กทม. พอช่วงปิดเทอมเราก็หางานพาร์ทไทม์ทำพอได้งานเราก็โดนล้อเรื่องฟันอยู่อีกจนเราทนไม่ไหวเราต้องไปจัดฟันแล้วพอเราออกจากงานเราก็เอาเงินส่วนหนึ่งที่เราได้ไปทำฟัน



        พอเราได้เงินเดือนเราก็ค้นหาคลินิกทำฟันจนเราเจอคลินิกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในห้าง(ขอไม่บอกชื่อนะคะ) เราก็ได้ทักทางเพจไปแอดมินก็นัดวันเวลาให้เราเข้าไปพบคุณหมอ พอถึงวันนัดเราก็เข้าไปผู้ช่วยก็บอกให้เราไปนอนบนเตียงคุณหมอก็มาตรวจ พอคุณหมอบอกให้เราอ้าปากผู้ช่วยก็พากันหัวเราะซึ่งตอนนั้นเราทั้งอายทั้งเฟล(นี่คือส่วนหนึ่งที่เราไม่ค่อยชอบไปหาหมอฟัน) คุณหมอก็เลยดุผู้ช่วยแล้วเค้าก็เงียบไป ซึ่งคุณหมอก็อธิบายว่าเราต้องทำอะไรบ้างซึ่งค่าใช้จ่ายมันแพงมากกกกก แล้วต้องเคลียร์ช่องปากให้เสร็จก่อนถึงจะใส่เหล็กจัดฟันให้ เราในตอนนั้นทั้งมึนทั้งงงทั้งอายทั้งเสียความรู้สึกกับผู้ช่วย เราเดินงงๆมึนๆออกมาจากคลินิคมานึกขึ้นได้ว่าลืมจ่ายเงินค่าตรวจประมาณ40 บาท ต้องขอโทษทางคลินิกด้วยนะคะไม่ได้ตั้งใจจริงๆ🙏🏻 เราเลยคิดว่าเราจ่ายไม่ไหวแน่ถ้าเราทำที่นี่ เราก็หาคลินิกใหม่จนเราสนใจอยู่ที่นึงซึ่งมีโปรติดเหล็กครั้งแรกคือถูกมาก มีผ่อนจ่าย1500*23 เดือน เราก็ได้ทักทางเพจไปแอดมินก็นัดวันเวลาให้เราเข้าไปพบคุณหมอ พอถึงวันนัดพนักงานก็ให้เราเข้าไปขูดหินปูนกับคุณหมออีกท่านนึง ซึ่งหมอที่รักษาเคสเราเป็นอีกคนนึงแต่ยังไม่มา พอคุณที่รักษาเคสเรามาก็ได้เรียกเราเข้าไปตรวจว่าเราต้องทำอะไรบ้าง คุณหมอก็บอกว่าเรามีฟันผุต้องอุดฟัน แล้วก็มีฟันที่ต้องถอน เราก็โอเค คุณหมอบอกว่าค่อยมาทยอยทำก็ได้ แล้วคุณหมอก็ติดเหล็กข้างล่างให้เราก่อนภายในวันนั้นเลย วันนั้นเราไม่ได้เอ็กซเรย์ฟันด้วยเพราะเครื่องเอ็กซเรย์มีปัญหาพอดี ค่าใช้จ่ายครั้งแรกที่เราทำ ขูดหินปูน600+ติดอุปกรณ์ล่าง1999 รวมกับค่าติดอุปกรณ์บนแล้ว
แล้วคุณหมอก็นัดให้เรามาถอนฟันที่ผุคือฟันกรามล่าง2ข้าง ซี่ละประมาณ1000 2 ซี่ ถอนเดือนละซี่ แล้วก็อุดฟันด้านละ600 ไม่รู้ว่าทำกี่ด้านเราจำไม่ได้ พอเดือนที่3หมอก็นัดเราติดเหล็กด้านบน แล้วก็จ่ายปกติที่ต้องผ่อนคือเดือนละ 1500 พอเดือนต่อๆไปเราก็มีค่าใช้จ่ายค่าอุปกรณ์เพิ่มเติมอื่นๆอีก เดือนที่4 เราได้ใส่ไบท์ยกฟัน2 ข้าง ข้างละ500 แล้วก็มีอุปกรณ์หลุดต้องเสียเงินติดใหม่ตัวละ300 ซึ่งหลุดบ่อยมากกกก แล้วคุณหมอก็นัดอุดฟันบ้างมีค่ายางดึงฟัน100 แล้วก็นัดถอนฟันคุดด้านบน 2 ซี่ ซี่ละ1200-1300 ซึ่งเราก็สบายมากมันไม่ได้เจ็บอะไรขนาดนั้นไม่บวมด้วย แล้วคุณหมอก็นัดขูดหินปูนทุกๆ6เดือนคือปกติคุณหมอที่ดูแลเคสเราเป็นคนทำให้คือครั้งละ600บาท แต่ล่าสุดเหมือนให้หมอที่มาใหม่เป็นคนทำให้เราตอนนั้นดีใจเพราะหมอหล่อมากกกก5555 แต่คุณหมอคิด1000 คืองงค่าอะไร๊!! แล้วหลังๆคือเราจ่าย3000 บาทขึ้นเกือบทุกเดือนซึ่งเราคิดว่าเราไม่ไหวแล้ว พอถึงครบกำหนดที่ต้องจ่ายคือ1500*23 เดือนแต่เราจ่ายเกินมาแล้วทำไมยังต้องเก็บอีก เราสงสัยจึงได้ทักทางเพจไปแอดมินบอกให้มาติดต่อที่คลินิก เราก็เลยมาถามพนักงานที่คลินิกเราถามพักงานว่าเราจ่ายไปกี่เดือนแล้ว พนักงานก็นับแล้วก็บอกเราว่า25 ครั้งแล้วค่ะ เราเลยถามว่าตามโปรคือต้องจ่าย23ครั้งไม่ใช่หรอคะทำไมต้องจ่ายอยู่อีก พนักงานเลยก้มไปดูที่ประวัติเราแล้วบอกเราว่าคุณหมอเขียนไว้ว่า3ปีครึ่ง บอกว่าเราต้องจ่าย36 เดือนคือเรางงทำไมไม่บอกตั้งแต่ตอนเริ่มทำทั้งๆที่ในโปรก็บอกว่าจ่าย1500*23 เดือนถ้าถึงกำหนดยังจัดไม่เสร็จหมอจะทำต่อให้ฟรี เราก็เลยคิดว่าจะถามหมอ พอถึงนัดเราต้องปรับอุปกรณ์เราก็ไปตามนัดคุณหมอก็แจ้งเราว่าเรามีฟันผุซึ่งมันผุลามไปถึงเส้นประสาทแล้วต้องรักษารากฟัน ซี่ละประมาณ7000 บาท ซึ่งเราต้องรักษา3 ซี่ เราเครียดมากเพราะเราก็เรียนอยู่เราจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย แล้วไหนจะต้องผ่อนจ่าย1500 ไปอีกตามที่พนักงานแจ้งว่าต้องจ่ายไปอีก11 เดือน ซึ่งที่ผ่านมาแม่เราเป็นคนจ่ายให้ทั้งหมดแล้วเราบอกแม่ว่าจ่ายแค่23 เดือน แล้วแม่ยังไม่รู้ว่าเรายังต้องจ่ายไปอีกคือเราเครียดมากไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายเราสงสารแม่ไม่อยากขอแม่อีกแล้ว แล้วช่วงนี้เราทำงานพาร์ทไทม์พอดีแต่ก็ต้องออกไปเรียนแล้วเพราะเราอยู่ปี4 แล้ว
แต่เรื่องรักษารากฟันซึ่งตอนแรกที่เริ่มจัดฟันคุณหมอไม่ได้บอกเรานะคะว่าต้องรักษารากฟันบอกแค่ว่ามีฟันผุ แล้วตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา2ปีกว่าคุณหมอทำไมไม่อุดฟันให้เราตั้งแต่แรกทำไมต้องปล่อยให้มันผุจนไปถึงเส้นประสาทก่อน หรือว่าเป็นเรื่องปกติที่มันสามารถเกิดขึ้นได้อยู่แล้วคะซึ่งเราไม่รู้จริงๆ เรามาตามนัดปรับอุปกรณ์เกือบแทบทุกเดือนเคยขาดแค่3 ครั้ง แต่ไม่ได้ขาดติดกัน


        แต่ยังไงเราจะลองเข้าไปปรึกษาคุณหมอดูเรื่องค่าใช้จ่าย ถ้าไม่ไหวก็คงต้องเลิกทำ😢

สุดท้ายนี้อยากฝากถึงเรื่องการบูลลี่ ซึ่งในปัจจุบันนี้การบูลลี่ได้กลายเป็นเรื่องปกติในสังคมปัจจุบันนี้ไปแล้ว ซึ่งคนพูดอาจไม่คิดเอาแต่สนุกปากไม่สนใจความรู้สึกคนฟังว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร บางคนโดนจนกลายเป็นคนเก็บตัวเงียบไม่ค่อยกล้าแสดงออก กลัวสังคมหรือร้ายแรงสุดคือกลายเป็นโรคซึมเศร้าฆ่าตัวตายอย่างที่เราเห็นบ่อยในข่าวทุกวันนี้ ทุกคนเกิดมามีคุณค่าในตัวเองหมด ไม่ว่าจะ สูง เตี้ย ดำ ขาว รวย จน ไม่สมควรจะมาโดนบูลลี่แบบนี้เลย

สุดท้ายนี้อยากฝากให้ผู้ปกครองหัดดูแลเอาใจใส่บุตรหลานของท่านหัดสอนให้เขาดูแลรักษาความสะอาดฟันพบหมอฟันทุกๆ6 เดือนอย่าอายอย่ากลัวหมอเลยค่ะ ถ้าไม่อยากเป็นเหมือนเรา 🙏🏻
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่