SUBARU แบรนด์ที่หลายๆคนนั้นน่าจะรู้จักกันดีในแบรนด์ที่ทำระบบขับเคลื่อน 4 ล้อในทุกคันของค่ายตัวเอง และเป็นค่ายรถยนต์ที่โดดเด่นในเรื่องนี้อย่างมาก เรียกได้ว่าอันดับต้นๆของแบรนด์รถยนต์ ญี่ปุ่นก็ไม่เวอร์เกินไปครับ ระบบช่วงล่าง และ ขับเคลื่อนค่ายนี้หลายๆคนได้ลองก็น่าจะติดใจกัน สำหรับ SUBARU เองในไทยก็มียอดขายได้เรื่อยๆไม่ได้น่าเกลียดอะไร รวมถึงก็ยังคงลุยตลาดอย่างต่อเนื่องจะเน้นไปทางรถ SUV มากกว่าทั้ง FORESTER -XV และยังเอาตัวสปอร์ต BRZ ของค่ายมาขายในไทยด้วยนะ และอนาคตอาจจะมี Outback Levorg เข้ามาก็เป็นไปได้ ถือว่ายังคงเดินหน้ายาวๆ และในรุ่น XV จริงๆนั้นถือว่าประสบความสำเร็จมากๆในเจนที่แล้ว เป็นรถยนต์ SUV ขนาดเล็ก ขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำราคาได้ดีและดีไซน์ที่มีความดุดัน สายลุย จึงไม่แปลกที่จะเห็นบนถนน เยอะมากๆ และในครั้งนี้มาเป็นรุ่นที่ปรับ Model Change แน่นอนว่าหน้าตาอะไรยังคงมีความคล้ายๆเดิมแต่จริงๆนั้นเปลี่ยนใหม่เยอะมากๆครับทั้งคัน รวมถึงภายใน และ มีรุ่น GT EDITION ออกมาเป็นรุ่นตกแต่งพิเศษ ที่เราจะมารีวิวกันนั้นเอง
SUBARU XV GT EDITION ตัวนี้จะเป็นรุ่นสูงที่สุดของตระกูลแล้วนั้นเองเป็นการตกแต่งรอบคันพิเศษ ที่อิงสเปกจากตัว 2.0 i-P AWD แต่เสริมเข้ามาด้วยชุดแต่งรอบคัน สปอยเลอร์หลังคา เบาะหุ้มหนังสีดำ แถบขาว และ กล้องรอบคัน ซ้าย ขวา และล้อ 18 นิ้วนั้นเองที่เสริมเข้ามา แต่ส่วนอื่นๆนั้นยังคงอิงจากรุ่นปกติทั้งหมดเลย มาพร้อมกับเครื่องยนต์ เครื่องยนต์เบนซิน BOXER DOHC 16 วาล์ว ขนาด 2.0 ลิตร 156 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT ขับเคลื่อน 4 ล้อ All-Wheel Drive ก็ยังคงใช้งานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาเช่นเดิมสำหรับค่ายนี้ ส่วนออฟชั่นอื่นๆก็ยังคงให้มาครบๆครับ ทั้ง ไฟหน้า Projector Lens แบบ LED พร้อมระบบปรับระดับสูง-ต่ำ อัตโนมัติ และ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า แบบอัตโนมัติ รวมถึง ปรับตามวงเลี้ยวได้ด้วย ส่วนทางด้านภายในก็มีทั้ง หน้าจอ ขนาด 8.0 นิ้ว ระบบสัมผัส Touchscreen รองรับ Android Auto – Apple Carplay รวมถึง จอ MID ตรงกลาง และ บนหน้าปัดสำหรับแสดงข้อมูลตัวรถ และ การใช้งานทั้งหมด อีกทั้งยังใส่ใช้งาน X-Mode เข้ามาให้ พร้อมกับ Paddle Shift นั้นเอง เรียกได้ว่าระบบ X-Mode เนี่ยแหละทำให้การลุยมันโดดเด่นกว่าคู่แข่งทันที และ ระบบช่วงล่าง ตัวรถที่สร้างบนพื้นฐาน SGP ที่เป็น Platform ใหม่ทั้งหมดของตัวรถ รวมถึงในอนาคตของค่ายนี้ ทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำ และขับขี่ดีมากขึ้น การกระจายน้ำหนักหน้าหลังดีขึ้นด้วย ทำงานคู่กับระบบขับ 4 แบบ สมมาตรบอกเลยว่าลงตัวมากๆคันนึง
PRICE SUBARU XV
- Subaru XV 2.0 i AWD 1,159,000 บาท
- Subaru XV 2.0 i-P AWD 1,259,000 บาท
- Subaru XV 2.0 i-P AWD GT Edition ล้อ 17 นิ้ว 1,338,000 บาท
- Subaru XV 2.0 i-P AWD GT Edition ล้อ 18 นิ้ว 1,358,000 บาท คันที่รีวิวในบทความนี้นะครับ
EXTERIOR
งานออกแบบภายนอกนั้นจริงๆ SUBARU เองก็ถือว่าเป็นค่ายที่อาจจะออกแบบรถไม่ได้มีความล้ำหวือหวามากนัก แต่ก็ยังคงมีความอนุรักษ์นิยมชัดอยู่เหมือนกัน รุ่นนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงทรงจากเดิมเท่าที่ควร เลยทำให้อาจจะมีความคล้ายเดิมมากไปนิดหน่อย แต่ในด้านหน้านั้นต้องบอกว่าเปลี่ยนแปลงไปเยอะมากนะ ทั้งเรื่องของไฟหน้า กันชนหน้า กระจังหน้าต่างๆทำให้ตัวรถนั้นดูไม่ได้เส้นสายคมเท่าที่ควร แต่ก็แลกมากับความโค้งมน ทันสมัยและเข้าถึงได้ง่ายขึ้นแต่ทั้งเรื่องของขนาด หรือ การยกสูงของตัวรถต่างๆนั้นต้องบอกว่าทำออกมาได้ดีเช่นเดิม การลุย การคล่องตัวต่างๆนั้นยังคงเป็นจุดเด่นของรถยนต์ขนาดนี้ และเป็นตัวเดียวในบรรดาคู่แข่งที่ ขับ 4 และ สามารถลุยได้จริงๆถือว่าดีครับ
งานออกแบบส่วนตัวชอบการออกแบบ XV มากกว่าFORESTER ในภาพรวม รู้สึกว่าขนาดเส้นสาย การออกแบบมันลงตัวกว่าจริงๆ แต่ยังไงก็แล้วแต่นั้น XV ก็ยังไม่ได้ให้ความรู้สึกทันสมัยหรือแตกต่างกับรุ่นที่แล้วแบบชัดเจนอะไรมากนักส่วนนี้หลายๆอย่างยังคงมีกลิ่นรุ่นเดิมแรงมากเช่นกัน แต่ถ้ามองเป็นจุดๆนั้นไฟหน้า กระจังหน้าทุกๆอย่างพยายามปรับให้มีความเพรียวมากขึ้น โค้งมลมากขึ้น รวมถึงทรงของรถยาวขึ้นแต่ความสูงนั้นเท่าเดิมนะ และพื้นที่ใต้ท้องสูง 200 มม. เลยทีเดียว ยังคงโดดเด่นและใช้งานซู้มล้อสีดำ และการตกแต่ง GT รอบคันทำให้ตัวรถนั้นดูลงตัวขึ้นไปอีก มีความสปอร์ต แต่ก็ดุดันไปในตัวครับ จริงๆ GT ในรุ่น XV สวยกว่ารุ่นพี่ FORESTER เยอะมากนะ อันนี้ลงตัวครับ
ในด้านหน้าเราจะเห็นว่าเส้นสายดุดันเอาเรื่องเลยบนกระโปรงหน้า เล่นกับแสงสีได้สวยงามมีความสันคมแบบรุ่นก่อนเข้ามาชัดเจน แต่เสริมด้วยไฟหน้าแบบเพรียวมากขึ้น และกระจังหน้าที่กระชับมากกว่าเดิม กว้างยาวมากขึ้นทำให้ตัวรถดูเตี้ยแบนกว่าเดิม แม้ความสูงจะเท่าเดิมครับจุดนี้ถือว่าดีและการที่ใส่ GT ทำให้กันชนล่างนั้นดูเป็นสีดำทั้งหมด ตัดขอบกับสีเงินสวยงามเลย ในด้านท้ายนั้นยังคงสวยงามเสริมกันชนล่างเข้ามา ตัดขอบสีเงิน และ สปอยเลอร์หลังสีดำทำให้ลงตัวทันที จริงๆด้านท้ายรถนั้นออกแบบดีในหลายๆรุ่นนะ แต่ถ้ามองทั้งคันนั้นยังแอบขัดๆอยู่นิดๆนะ ด้านท้ายยังคมีสีดำขนาดใหญ่เป็นการตกแต่งมาตรฐานพร้อมกับ ไฟตัดหมอกด้านหลังในฝั่งขวาล่างครับ ส่วนอีกข้างก็เป็นไฟทับทิมปกติ แต่ด้านท้ายการที่เสริมสีดำเข้ามาเยอะทำให้ตัวรถดูไม่อ้วนมากเกินไปอันนี้ถือว่าออกแบบได้ดีนะ
รายละเอียดกระจังหน้ายังคงคล้ายกับรุ่นทั่วไปไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรครับ จริงๆเมื่อมองแต่ละส่วนๆตัวรถดูสวยนะ ทั้งกระจังหน้าทรงเอกลักษณ์ พร้อมกับ ตราดาวลูกไก่ ตัดกับโครเมี่ยมนิดๆทำให้ดูหรูขึ้นนิดหน่อย ถือว่าสวยและเป็นกระจังหน้าที่ดีกว่ารุ่นพี่เค้าซะอีกอันนี้ถือว่าดี ไม่มีโครเมี่ยมเยอะเกินไป และเมื่อมองลงมาตรงไฟตัดหมอกก็ทำได้สวย ชายล่างเป็นลิ้นหน้าแบบสปอร์ตแต่ก็ไม่ทำให้ตัวรถเตี้ยเกินไปครับยังคงลุยได้สบายๆ ส่งผลให้รีดอากาศได้ดีด้วย และ กระจกมองข้างนั้นจะเห็นกล้องรอบคันมาให้ใต้กระจกมองข้างครับทำให้ มองซ้ายขวาได้ และมีกล้องรอบคันเสริมเข้ามาจากรุ่นปกติ งานออกแบบยังคงเป็น 2 สีทำให้ไม่ได้ดูหนาเกินไปครับ และเป็นการออกแบบแบบยื่นจากประตูเหมือนเดิม และประตูหน้ายังคงมีเส้นแบ่งเช่นเดิม จริงๆในหลายๆส่วนมันยังคงเป็นการออกแบบที่คุ้นตาครับ
ราวหลังคายังคงใส่เข้าแบบแบบเด่นๆในค่ายนี้พร้อมกับสีเงินด้านสวยงามครับเข้ากับชุดแต่ง GT ได้เป็นอย่างดีเลยแหละ และใช้งานได้จริงด้วยในการขนของหรือเสริมของเข้าไปครับ และในชุดแต่งชายล่างตัวรถก็จะเห็นการเสริมเข้ามาด้วยจะเป็นสีเงินแทรกกับสีดำครับ ซึ่งในรุ่นปกตินั้นจะเป็นสีดำล้วนๆเลยทำให้ตัวรถดูลงตัวขึ้นมาก ถ้าใครไปมองรุ่นธรรมดาจะแอบโล้นๆไปหน่อย และอีกจุดที่ทำให้ท้ายรถนั้นลงตัวมากขึ้นคือ สปอยเลอร์หลังนั้นแน่นอนว่าของเดิมก็มีมาให้ สีดำแล้วแต่จะไม่ได้ยาวยื่นมากนัก แต่พอมาเป็น GT จะมีความยาวมากขึ้น ทรงสวยกว่าเดิมแบบชัดเจนครับ ก็เป็นจุดหลักๆที่ทำให้ราคาต่างกัน 9 หมื่นบาท แต่ก็ได้ กล้องรอบคัน ล้อ ชุดแต่งรอบคันเข้ามาลงตัวขึ้นมากๆครับ
ทางด้านล้อตัวนี้เป็นลายใหม่ 18 นิ้ว ใช้งาน Continental Ecocontact 6 ขนาด 225/55/R18 ก็ถือว่าคุณภาพอะไรใช้งานได้สบายทั้งการขับขี่ในเมือง ทางไกล หรือว่าจะเป็นลุยนิดๆก็เอาอยู่ครับ ขับในเมืองก็ยังนุ่มไม่ได้บางมากเกินไป แต่ถ้ามองกันตรงๆลายล้อตัว GT แอบดูไม่เข้ากับตัวรถเท่าไรนัก ลายใบพัดแบบนี้ตัดสีดำเงิน มันมีความโค้งมนเยอะมากไปจนไม่เข้ากับสไตล์ตัวรถเท่าไรนัก น่าจะออกแบบให้ดุดันหรือเท่กว่านี้ส่วนตัวชอบลายล้อแบบเดิมมากกว่าซะอีกครับ เป็นจุดหลักๆที่ไม่ชอบเท่าไรในตัวGT นี้ แต่ชุดแต่งอื่นๆนั้นลงตัวกว่าปกติแบบชัดเจน รวมถึงในชุดกันชนด้านท้ายส่วนล่างที่เราจะเห็นการมีการเสริมสีเงินเข้ามาอันนี้จะเป็นเหมือนกับในด้านหน้าและข้างๆทั้งหมด
ไฟท้ายนั้นรูปทรงดูเรียวยาวกว่าเดิม รุ่นก่อนนั้นจะเป็นก้อนๆสั้นๆครับ แต่รุ่นนี้ลงตัวกว่าเดิมไฟท้ายยาวขึ้นพร้อมกับ ไฟเบรก LED ตรงโซนสีขาวข้างใน แต่ ไฟถอย ไฟหรี่ หรือ ไฟเลี้ยวยังคงเป็นหลอดไส้ชัดๆ อันนี้น่าเสียดายมากๆ น่าจะเป็น LED แบบใหม่ทั้งหมดหรือเป็นไฟเส้นได้แล้วนะ ไฟหน้านั้นรูปทรงสปอร์ตมากกว่าเดิม เพรียวบางมากขึ้นพร้อมกับไฟหน้าสีขาว LED Projector ที่รองรับการปรับสูงต่ำ อัตโนมัติ และ เลี้ยวตามพวงมาลัย พร้อมกับไฟสูงต่ำปกติ และไฟเลี้ยวแบบหลอดไส้ พร้อมกับไฟ DRL LED ใส่เข้ามาให้เป็นเส้นสายสวยงามรวมถึงใส่ที่ล้างไฟหน้าเข้ามาให้เหมือนเดิมแม้จะเป็นรุ่นที่ขายในไทยก็ตามครับจุดนี้
ยามค่ำคืนนั้นไฟหน้า ไฟท้ายอาจจะไม่ได้หวือหวาเท่าไรมาส่องกันที่ไฟท้ายนั้นเมื่อเหยียบเบรก จะติดทั้งไฟเบรกดวงที่ 3 และ ไฟเบรกสองข้างครับ จะเห็นว่าไฟตัดหมอกหลังให้มา หลังขวาด้านล่างเท่านั้นเป็นปกตินะครับ รวมถึงไฟหรี่นั้นจะไม่ได้เส้นสายยาวไปถึงข้างในกระโปรงท้าย อันนี้แอบเสียดายน่าจะเป็นเส้นยาวน่าจะลงตัวกว่า ส่วนด้านหน้านั้นเราจะเห็นว่าไฟตัดหมอกสว่างสีขาวอมเหลือง พร้อมกับไฟหน้า LED และ ไฟหรี่แบบ LED DRLครับ รวมถึงไฟเลี้ยวกระจกมองข้างด้วยให้มาครบๆ แต่น่าเสียดายว่าฟีเจอร์พวก Blind Spot หรือ Adaptive Cruise ไม่มีใส่เข้ามา
[SR] รีวิว SUBARU XV GT EDITION AWD ขับ 4 ล้อ ช่วงล่างแน่น เกาะถนน เข้าโค้งเด่น !
SUBARU แบรนด์ที่หลายๆคนนั้นน่าจะรู้จักกันดีในแบรนด์ที่ทำระบบขับเคลื่อน 4 ล้อในทุกคันของค่ายตัวเอง และเป็นค่ายรถยนต์ที่โดดเด่นในเรื่องนี้อย่างมาก เรียกได้ว่าอันดับต้นๆของแบรนด์รถยนต์ ญี่ปุ่นก็ไม่เวอร์เกินไปครับ ระบบช่วงล่าง และ ขับเคลื่อนค่ายนี้หลายๆคนได้ลองก็น่าจะติดใจกัน สำหรับ SUBARU เองในไทยก็มียอดขายได้เรื่อยๆไม่ได้น่าเกลียดอะไร รวมถึงก็ยังคงลุยตลาดอย่างต่อเนื่องจะเน้นไปทางรถ SUV มากกว่าทั้ง FORESTER -XV และยังเอาตัวสปอร์ต BRZ ของค่ายมาขายในไทยด้วยนะ และอนาคตอาจจะมี Outback Levorg เข้ามาก็เป็นไปได้ ถือว่ายังคงเดินหน้ายาวๆ และในรุ่น XV จริงๆนั้นถือว่าประสบความสำเร็จมากๆในเจนที่แล้ว เป็นรถยนต์ SUV ขนาดเล็ก ขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำราคาได้ดีและดีไซน์ที่มีความดุดัน สายลุย จึงไม่แปลกที่จะเห็นบนถนน เยอะมากๆ และในครั้งนี้มาเป็นรุ่นที่ปรับ Model Change แน่นอนว่าหน้าตาอะไรยังคงมีความคล้ายๆเดิมแต่จริงๆนั้นเปลี่ยนใหม่เยอะมากๆครับทั้งคัน รวมถึงภายใน และ มีรุ่น GT EDITION ออกมาเป็นรุ่นตกแต่งพิเศษ ที่เราจะมารีวิวกันนั้นเอง
SUBARU XV GT EDITION ตัวนี้จะเป็นรุ่นสูงที่สุดของตระกูลแล้วนั้นเองเป็นการตกแต่งรอบคันพิเศษ ที่อิงสเปกจากตัว 2.0 i-P AWD แต่เสริมเข้ามาด้วยชุดแต่งรอบคัน สปอยเลอร์หลังคา เบาะหุ้มหนังสีดำ แถบขาว และ กล้องรอบคัน ซ้าย ขวา และล้อ 18 นิ้วนั้นเองที่เสริมเข้ามา แต่ส่วนอื่นๆนั้นยังคงอิงจากรุ่นปกติทั้งหมดเลย มาพร้อมกับเครื่องยนต์ เครื่องยนต์เบนซิน BOXER DOHC 16 วาล์ว ขนาด 2.0 ลิตร 156 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT ขับเคลื่อน 4 ล้อ All-Wheel Drive ก็ยังคงใช้งานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาเช่นเดิมสำหรับค่ายนี้ ส่วนออฟชั่นอื่นๆก็ยังคงให้มาครบๆครับ ทั้ง ไฟหน้า Projector Lens แบบ LED พร้อมระบบปรับระดับสูง-ต่ำ อัตโนมัติ และ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า แบบอัตโนมัติ รวมถึง ปรับตามวงเลี้ยวได้ด้วย ส่วนทางด้านภายในก็มีทั้ง หน้าจอ ขนาด 8.0 นิ้ว ระบบสัมผัส Touchscreen รองรับ Android Auto – Apple Carplay รวมถึง จอ MID ตรงกลาง และ บนหน้าปัดสำหรับแสดงข้อมูลตัวรถ และ การใช้งานทั้งหมด อีกทั้งยังใส่ใช้งาน X-Mode เข้ามาให้ พร้อมกับ Paddle Shift นั้นเอง เรียกได้ว่าระบบ X-Mode เนี่ยแหละทำให้การลุยมันโดดเด่นกว่าคู่แข่งทันที และ ระบบช่วงล่าง ตัวรถที่สร้างบนพื้นฐาน SGP ที่เป็น Platform ใหม่ทั้งหมดของตัวรถ รวมถึงในอนาคตของค่ายนี้ ทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำ และขับขี่ดีมากขึ้น การกระจายน้ำหนักหน้าหลังดีขึ้นด้วย ทำงานคู่กับระบบขับ 4 แบบ สมมาตรบอกเลยว่าลงตัวมากๆคันนึง
PRICE SUBARU XV
- Subaru XV 2.0 i AWD 1,159,000 บาท
- Subaru XV 2.0 i-P AWD 1,259,000 บาท
- Subaru XV 2.0 i-P AWD GT Edition ล้อ 17 นิ้ว 1,338,000 บาท
- Subaru XV 2.0 i-P AWD GT Edition ล้อ 18 นิ้ว 1,358,000 บาท คันที่รีวิวในบทความนี้นะครับ
EXTERIOR
งานออกแบบภายนอกนั้นจริงๆ SUBARU เองก็ถือว่าเป็นค่ายที่อาจจะออกแบบรถไม่ได้มีความล้ำหวือหวามากนัก แต่ก็ยังคงมีความอนุรักษ์นิยมชัดอยู่เหมือนกัน รุ่นนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงทรงจากเดิมเท่าที่ควร เลยทำให้อาจจะมีความคล้ายเดิมมากไปนิดหน่อย แต่ในด้านหน้านั้นต้องบอกว่าเปลี่ยนแปลงไปเยอะมากนะ ทั้งเรื่องของไฟหน้า กันชนหน้า กระจังหน้าต่างๆทำให้ตัวรถนั้นดูไม่ได้เส้นสายคมเท่าที่ควร แต่ก็แลกมากับความโค้งมน ทันสมัยและเข้าถึงได้ง่ายขึ้นแต่ทั้งเรื่องของขนาด หรือ การยกสูงของตัวรถต่างๆนั้นต้องบอกว่าทำออกมาได้ดีเช่นเดิม การลุย การคล่องตัวต่างๆนั้นยังคงเป็นจุดเด่นของรถยนต์ขนาดนี้ และเป็นตัวเดียวในบรรดาคู่แข่งที่ ขับ 4 และ สามารถลุยได้จริงๆถือว่าดีครับ
งานออกแบบส่วนตัวชอบการออกแบบ XV มากกว่าFORESTER ในภาพรวม รู้สึกว่าขนาดเส้นสาย การออกแบบมันลงตัวกว่าจริงๆ แต่ยังไงก็แล้วแต่นั้น XV ก็ยังไม่ได้ให้ความรู้สึกทันสมัยหรือแตกต่างกับรุ่นที่แล้วแบบชัดเจนอะไรมากนักส่วนนี้หลายๆอย่างยังคงมีกลิ่นรุ่นเดิมแรงมากเช่นกัน แต่ถ้ามองเป็นจุดๆนั้นไฟหน้า กระจังหน้าทุกๆอย่างพยายามปรับให้มีความเพรียวมากขึ้น โค้งมลมากขึ้น รวมถึงทรงของรถยาวขึ้นแต่ความสูงนั้นเท่าเดิมนะ และพื้นที่ใต้ท้องสูง 200 มม. เลยทีเดียว ยังคงโดดเด่นและใช้งานซู้มล้อสีดำ และการตกแต่ง GT รอบคันทำให้ตัวรถนั้นดูลงตัวขึ้นไปอีก มีความสปอร์ต แต่ก็ดุดันไปในตัวครับ จริงๆ GT ในรุ่น XV สวยกว่ารุ่นพี่ FORESTER เยอะมากนะ อันนี้ลงตัวครับ
ในด้านหน้าเราจะเห็นว่าเส้นสายดุดันเอาเรื่องเลยบนกระโปรงหน้า เล่นกับแสงสีได้สวยงามมีความสันคมแบบรุ่นก่อนเข้ามาชัดเจน แต่เสริมด้วยไฟหน้าแบบเพรียวมากขึ้น และกระจังหน้าที่กระชับมากกว่าเดิม กว้างยาวมากขึ้นทำให้ตัวรถดูเตี้ยแบนกว่าเดิม แม้ความสูงจะเท่าเดิมครับจุดนี้ถือว่าดีและการที่ใส่ GT ทำให้กันชนล่างนั้นดูเป็นสีดำทั้งหมด ตัดขอบกับสีเงินสวยงามเลย ในด้านท้ายนั้นยังคงสวยงามเสริมกันชนล่างเข้ามา ตัดขอบสีเงิน และ สปอยเลอร์หลังสีดำทำให้ลงตัวทันที จริงๆด้านท้ายรถนั้นออกแบบดีในหลายๆรุ่นนะ แต่ถ้ามองทั้งคันนั้นยังแอบขัดๆอยู่นิดๆนะ ด้านท้ายยังคมีสีดำขนาดใหญ่เป็นการตกแต่งมาตรฐานพร้อมกับ ไฟตัดหมอกด้านหลังในฝั่งขวาล่างครับ ส่วนอีกข้างก็เป็นไฟทับทิมปกติ แต่ด้านท้ายการที่เสริมสีดำเข้ามาเยอะทำให้ตัวรถดูไม่อ้วนมากเกินไปอันนี้ถือว่าออกแบบได้ดีนะ
รายละเอียดกระจังหน้ายังคงคล้ายกับรุ่นทั่วไปไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรครับ จริงๆเมื่อมองแต่ละส่วนๆตัวรถดูสวยนะ ทั้งกระจังหน้าทรงเอกลักษณ์ พร้อมกับ ตราดาวลูกไก่ ตัดกับโครเมี่ยมนิดๆทำให้ดูหรูขึ้นนิดหน่อย ถือว่าสวยและเป็นกระจังหน้าที่ดีกว่ารุ่นพี่เค้าซะอีกอันนี้ถือว่าดี ไม่มีโครเมี่ยมเยอะเกินไป และเมื่อมองลงมาตรงไฟตัดหมอกก็ทำได้สวย ชายล่างเป็นลิ้นหน้าแบบสปอร์ตแต่ก็ไม่ทำให้ตัวรถเตี้ยเกินไปครับยังคงลุยได้สบายๆ ส่งผลให้รีดอากาศได้ดีด้วย และ กระจกมองข้างนั้นจะเห็นกล้องรอบคันมาให้ใต้กระจกมองข้างครับทำให้ มองซ้ายขวาได้ และมีกล้องรอบคันเสริมเข้ามาจากรุ่นปกติ งานออกแบบยังคงเป็น 2 สีทำให้ไม่ได้ดูหนาเกินไปครับ และเป็นการออกแบบแบบยื่นจากประตูเหมือนเดิม และประตูหน้ายังคงมีเส้นแบ่งเช่นเดิม จริงๆในหลายๆส่วนมันยังคงเป็นการออกแบบที่คุ้นตาครับ
ราวหลังคายังคงใส่เข้าแบบแบบเด่นๆในค่ายนี้พร้อมกับสีเงินด้านสวยงามครับเข้ากับชุดแต่ง GT ได้เป็นอย่างดีเลยแหละ และใช้งานได้จริงด้วยในการขนของหรือเสริมของเข้าไปครับ และในชุดแต่งชายล่างตัวรถก็จะเห็นการเสริมเข้ามาด้วยจะเป็นสีเงินแทรกกับสีดำครับ ซึ่งในรุ่นปกตินั้นจะเป็นสีดำล้วนๆเลยทำให้ตัวรถดูลงตัวขึ้นมาก ถ้าใครไปมองรุ่นธรรมดาจะแอบโล้นๆไปหน่อย และอีกจุดที่ทำให้ท้ายรถนั้นลงตัวมากขึ้นคือ สปอยเลอร์หลังนั้นแน่นอนว่าของเดิมก็มีมาให้ สีดำแล้วแต่จะไม่ได้ยาวยื่นมากนัก แต่พอมาเป็น GT จะมีความยาวมากขึ้น ทรงสวยกว่าเดิมแบบชัดเจนครับ ก็เป็นจุดหลักๆที่ทำให้ราคาต่างกัน 9 หมื่นบาท แต่ก็ได้ กล้องรอบคัน ล้อ ชุดแต่งรอบคันเข้ามาลงตัวขึ้นมากๆครับ
ทางด้านล้อตัวนี้เป็นลายใหม่ 18 นิ้ว ใช้งาน Continental Ecocontact 6 ขนาด 225/55/R18 ก็ถือว่าคุณภาพอะไรใช้งานได้สบายทั้งการขับขี่ในเมือง ทางไกล หรือว่าจะเป็นลุยนิดๆก็เอาอยู่ครับ ขับในเมืองก็ยังนุ่มไม่ได้บางมากเกินไป แต่ถ้ามองกันตรงๆลายล้อตัว GT แอบดูไม่เข้ากับตัวรถเท่าไรนัก ลายใบพัดแบบนี้ตัดสีดำเงิน มันมีความโค้งมนเยอะมากไปจนไม่เข้ากับสไตล์ตัวรถเท่าไรนัก น่าจะออกแบบให้ดุดันหรือเท่กว่านี้ส่วนตัวชอบลายล้อแบบเดิมมากกว่าซะอีกครับ เป็นจุดหลักๆที่ไม่ชอบเท่าไรในตัวGT นี้ แต่ชุดแต่งอื่นๆนั้นลงตัวกว่าปกติแบบชัดเจน รวมถึงในชุดกันชนด้านท้ายส่วนล่างที่เราจะเห็นการมีการเสริมสีเงินเข้ามาอันนี้จะเป็นเหมือนกับในด้านหน้าและข้างๆทั้งหมด
ไฟท้ายนั้นรูปทรงดูเรียวยาวกว่าเดิม รุ่นก่อนนั้นจะเป็นก้อนๆสั้นๆครับ แต่รุ่นนี้ลงตัวกว่าเดิมไฟท้ายยาวขึ้นพร้อมกับ ไฟเบรก LED ตรงโซนสีขาวข้างใน แต่ ไฟถอย ไฟหรี่ หรือ ไฟเลี้ยวยังคงเป็นหลอดไส้ชัดๆ อันนี้น่าเสียดายมากๆ น่าจะเป็น LED แบบใหม่ทั้งหมดหรือเป็นไฟเส้นได้แล้วนะ ไฟหน้านั้นรูปทรงสปอร์ตมากกว่าเดิม เพรียวบางมากขึ้นพร้อมกับไฟหน้าสีขาว LED Projector ที่รองรับการปรับสูงต่ำ อัตโนมัติ และ เลี้ยวตามพวงมาลัย พร้อมกับไฟสูงต่ำปกติ และไฟเลี้ยวแบบหลอดไส้ พร้อมกับไฟ DRL LED ใส่เข้ามาให้เป็นเส้นสายสวยงามรวมถึงใส่ที่ล้างไฟหน้าเข้ามาให้เหมือนเดิมแม้จะเป็นรุ่นที่ขายในไทยก็ตามครับจุดนี้
ยามค่ำคืนนั้นไฟหน้า ไฟท้ายอาจจะไม่ได้หวือหวาเท่าไรมาส่องกันที่ไฟท้ายนั้นเมื่อเหยียบเบรก จะติดทั้งไฟเบรกดวงที่ 3 และ ไฟเบรกสองข้างครับ จะเห็นว่าไฟตัดหมอกหลังให้มา หลังขวาด้านล่างเท่านั้นเป็นปกตินะครับ รวมถึงไฟหรี่นั้นจะไม่ได้เส้นสายยาวไปถึงข้างในกระโปรงท้าย อันนี้แอบเสียดายน่าจะเป็นเส้นยาวน่าจะลงตัวกว่า ส่วนด้านหน้านั้นเราจะเห็นว่าไฟตัดหมอกสว่างสีขาวอมเหลือง พร้อมกับไฟหน้า LED และ ไฟหรี่แบบ LED DRLครับ รวมถึงไฟเลี้ยวกระจกมองข้างด้วยให้มาครบๆ แต่น่าเสียดายว่าฟีเจอร์พวก Blind Spot หรือ Adaptive Cruise ไม่มีใส่เข้ามา
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้