จขกท.มาจากครอบครัวที่ไม่ได้สมบูรณ์(ตอนนี้อายุ 28 มีการมีงานทำในบริษัทระดับประเทศ) พ่อกับแม่หย่ากันตอนอายุ 15 ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ มีน้องวัยประถมต้น มีพี่เป็นนักศึกษา พ่อกับแม่ของ จขกท.ทะเลาะกันบ่อย ความรู้สึกตอนที่พวกเขาทะเลาะกันคือรำคาญ โตมาหน่อยเริ่มจับความรู้สึกได้ว่าพวกเขาไม่ได้รักกันเหมือนเดิมแล้ว แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะช่วงเวลานั้นเพื่อนมีอิทธิพลกับการใช้ชีวิตค่อนข้างมาก จนสุดท้ายก็ฟ้องหย่ากัน(แบ่งทรัพย์สินไม่ลงตัว) หลังหย่าแม่เคยหลุดปากมาว่า ไม่ได้รักพ่อมานานแล้วที่ทนอยู่ก็เพราะสงสารลูก ตอนนั้นก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร (บอกแล้วว่าไม่ใส่ใจ 5555) พวกเราทั้งสามคนพี่น้องไม่ได้รู้สึกเสียใจหรือดีใจอะไร เป็นความรู้สึกเฉยๆ พ่อย้ายออกแต่เราก็ยังคงติดต่อกัน เสาร์อาทิตย์พ่อก็จะมารับน้องไปอยู่ด้วย เย็นวันอาทิตย์ก็เอามาส่ง ยังคงรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษาของลูก เอาจริงๆตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเค้าหย่ากันเพราะอะไร
ทุกครั้งที่เห็นบทความที่บอกว่าไม่อยากหย่าเพราะสงสารลูก รู้สึกค้านในใจเสมอ(ความคิดเห็นส่วนตัว)สงสารลูก กลัวครอบครัวไม่สมบูรณ์ ไม่อยากให้ลูกขาดพ่อขาดแม่ เอาจริงๆหรือว่าตัวเองไม่อยากเลิกเอง ยังตัดเค้าไม่ได้ ยังยอมรับที่จะเสียเค้าไปไม่ได้หรือเปล่า จขกท.มองว่าเรื่องลูกนี่คือข้ออ้างมากกว่า
ที่อ้างการงานข้างต้นเพื่อที่จะบอกว่า การหย่าร้างของผู้ปกครองไม่ได้ทำให้ชิวิตของลูกล้มเหลวแต่อย่างใด ช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงแห่งการเห็นแก่ตัว(ขอใช้คำนี้เลยนะ)พวกเขาจะทำเพื่อตัวเขาเองเสมอ จขกท.ยังคงเรียนดีจบด้วยเกียนตินิยมอันดับหนึ่ง มีงานการทำในบริษัทใหญ่ เป็นเรื่องส่วนบุคคลทั้งนั้น
เพราะฉนั้น ในมุมของลูกอยากให้คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังตัดสินใจเอาส่วนนี้ไปประกอบการพิจารณา แม้ว่าความรู้สึกของลูกจะสำคัญ แต่อย่าลืมว่าความรู้สึกของตัวเองก็สำคัญเช่นเดียวกัน ทุกคนมีสิทธิ์เลือกชีวิตและทางเดินของตัวเอง
ปล.ตัวใหญ่ๆ ครอบครัวแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกันทั้งการเลี้ยงดู ทัศนคติส่วนบุลคล สังคมรอบข้าง ที่เล่ามามันแค่ครอบครัวเล็กๆครอบครัวนึงกับการจัดการปัญหาการหย่าร้างของพ่อแม่ ไม่สามารถเอาไปตัดสินได้ว่าลูกทุกคนจะเป็นประมาณนี้
บ้านอื่นเป็นไงบ้าง มาเล่าสู่กันฟัง
จะเลิกกันทำไมหลายๆคู่ใช้ข้ออ้างว่า "สงสารลูก"
ทุกครั้งที่เห็นบทความที่บอกว่าไม่อยากหย่าเพราะสงสารลูก รู้สึกค้านในใจเสมอ(ความคิดเห็นส่วนตัว)สงสารลูก กลัวครอบครัวไม่สมบูรณ์ ไม่อยากให้ลูกขาดพ่อขาดแม่ เอาจริงๆหรือว่าตัวเองไม่อยากเลิกเอง ยังตัดเค้าไม่ได้ ยังยอมรับที่จะเสียเค้าไปไม่ได้หรือเปล่า จขกท.มองว่าเรื่องลูกนี่คือข้ออ้างมากกว่า
ที่อ้างการงานข้างต้นเพื่อที่จะบอกว่า การหย่าร้างของผู้ปกครองไม่ได้ทำให้ชิวิตของลูกล้มเหลวแต่อย่างใด ช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงแห่งการเห็นแก่ตัว(ขอใช้คำนี้เลยนะ)พวกเขาจะทำเพื่อตัวเขาเองเสมอ จขกท.ยังคงเรียนดีจบด้วยเกียนตินิยมอันดับหนึ่ง มีงานการทำในบริษัทใหญ่ เป็นเรื่องส่วนบุคคลทั้งนั้น
เพราะฉนั้น ในมุมของลูกอยากให้คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังตัดสินใจเอาส่วนนี้ไปประกอบการพิจารณา แม้ว่าความรู้สึกของลูกจะสำคัญ แต่อย่าลืมว่าความรู้สึกของตัวเองก็สำคัญเช่นเดียวกัน ทุกคนมีสิทธิ์เลือกชีวิตและทางเดินของตัวเอง
ปล.ตัวใหญ่ๆ ครอบครัวแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกันทั้งการเลี้ยงดู ทัศนคติส่วนบุลคล สังคมรอบข้าง ที่เล่ามามันแค่ครอบครัวเล็กๆครอบครัวนึงกับการจัดการปัญหาการหย่าร้างของพ่อแม่ ไม่สามารถเอาไปตัดสินได้ว่าลูกทุกคนจะเป็นประมาณนี้
บ้านอื่นเป็นไงบ้าง มาเล่าสู่กันฟัง