ประสบการณ์การความรักวัยใสหัวใจชิกกะดิ๊วอิอิคิคิคุคุ

ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า ที่เรามาตั้งกระทู้ เพราะคิดว่า เราจะตั้งใจลืมเรื่องราวของพี่คนนึงไปให้ได้
ไม่งั้นถ้าเรายังพยายามเก็บไว้ไม่ลืม ก็จะมูฟออนไม่ได้ซักที ก้าว2 ถอย3 ไม่จบไม่สิ้น 555555
ไหนๆก็จะลืมแล้ว ขอเขียนเก็บไว้เป็นความทรงจำซักหน่อย ว่าครั้งนึงเคยมีโมเม้นต์ฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมวอะจึ๊ยๆ
ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีเข้ามาอีกเมื่อไหร่ -3  - เรื่องก็อาจจะ 18+ บ้างนิดๆ มีการลงต่ำ 5555 
อาจมีการใช้ภาษาวิบัติเพื่อเสียงบ้างเล็กน้อยแต่ก็เพื่ออรรถรส
ถ้าใครเข้ามาอ่านก็ขอขอบคุณ ติชมได้ ด่าได้ แต่อย่าแรง สำนึกไม่ทัน 55555 
อย่างที่บอกไปตั้งแต่ทีแรกว่า ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด นอกจากอยากบันทึกเรื่องราวดีๆนี้ไว้ในกระทู้นี้ 
อันไหนดีก็เสพไป อันไหนเห็นว่าไม่ดีก็อย่าทำตาม ใช้วิจารณญาณกันเยอะๆ

เรื่องมันเริ่มต้นมาจาก ตอนปี 3 เราซึ่งเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด 
จริงๆเราเป็นเด็กกรุงเทพฯ แต่เลือกเข้าที่มหาวิทยาลัยนี้ เพราะคณะที่เราชอบดันเปิดที่นี่เป็นที่แรก แล้วก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงกับสาขาที่สนใจ 
บวกกับเบื่อกรุงเทพฯมากๆ อยากลองออกไปเรียนต่างจังหวัดบ้าง แน่นอนว่าเพื่อนมัธยมไม่มีใครมาเรียนที่นี่เลย 
ตอนแรกรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวเดียวดายในท้องเลมาก มีความร้องไห้อยากกลับบ้านทุกเดือน 55555 
โชคดีที่ตอนนั้นมีแฟน ซึ่งคบกันตั้งแต่ม.ต้น ที่อยู่กรุงเทพฯ ตอนนั้นก็ติดต่อ ซัพพอร์ต ให้กำลังใจกันตลอด 
บางทีแฟนก็ขับรถมาหา ทั้งๆที่ไกลมาก อะกลับมาที่ปี 3 ต่อ ออกนอกเรื่องไปไกลเว่อ 5555

ปี 3 คือเหนื่อยมาก เหนื่อยแบบเหนื้อยเหนื่อย ปี2 ว่าหนักแล้ว ปี3 คือยิ่งกว่า งานไรต่อมิอะไรปนกันมั่วไปหมด 
กว่าจะเลิกเรียน เคลียร์งานกลุ่มเสร็จ 2 3 ทุ่ม กลับมาถึงหอก็หิวข้าวสุดๆ กินๆเสร็จละก็สลบ 
แต่เป้าหมายเราก็เหมือนเดิม คือตั้งใจเรียนให้จบให้ออกมาดีที่สุด คือเราเป็นคนที่มีแรงทะยานในการเรียนสูงมาก 
อดทนพยามๆแล้วก็โฟกัสกับเรื่องเรียนแบบสุดๆ 
พอปี 3 อะเนาะ ใกล้จบก็เริ่มมีแพลนชีวิตที่ชัดเจนขึ้น เริ่มมีแฟนเข้ามาอยู่ในอนาคตที่วางไว้ เพราะนี่ก็เข้าปีที่ 7 ที่คบกัน 

มีวันนึง อยู่ๆแฟนก็ทักมาว่า เราเลิกกันเถอะ ให้เธอไปเจอคนที่ดีกว่า อยากอยู่คนเดียว 
ตอนนั้นจำได้ว่า เรากำลังนั่งปั่นการบ้านวิชานึงอยู่ แบบ ค้างไปเลย ทั้งงงทั้งสับสน เราพลาดตรงไหน ทำอะไรผิด 
อนาคตที่เราเคยคุยกันไว้คือมันยังไงล่ะ ตอนนั้นแบบเศร้ามาก บวกกับเป็นรักแรกก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูกเลย
ไม่รู้ว่าการที่เขาพูดแบบนี้มันคืออะไร เสียใจมาก 
ก็ยื้อๆยุดกันอยู่พักนึง แต่เราก็ทำใจก้าวเดินออกมาเอง เลิกไป 1 เดือนปุ๊บ แฟนเก่าเปิดตัวแฟนใหม่จ้า เลิศ 
ซึ่งเป็นน้องที่ทำงานที่เข้ามาใหม่ในที่ทำงานเขานั่นล่ะ (เราอายุเท่ากัน แต่เขาไปเรียนทหาร ซึ่งเรียนจบก่อนเรา เลยได้บรรจุเข้าทำงานก่อน) 
ตอนนั้นก็ชัดเจนว่า อ๋ออ ที่นายบอกว่าอยากอยู่คนเดียวเนี่ย คือนายไม่ได้อยากอยู่กับเราแล้วสินะ หึหึ 
ยอมรับว่าโมโหมาก แต่พอมาย้อนกลับไป ก็คิดนะว่า ทั้งเขาและเรา ต่างเป็นป้อปปี้เลิฟของกันและกัน 
เราไม่มีประสบการณ์พอที่จะรู้ว่าจุดอิ่มตัวของความรักเป็นยังไง อย่างไหนคือยังรักอยู่ หรืออย่างไหนคือไม่รักแล้ว 
ซึ่งถือเป็นบทเรียนราคาแพงของเรามากๆๆ แต่เราก็โอเค ชั้นจะไม่โทษใคร แม้ว่าชั้นอยากจะโทษแกก็ตาม นางแฟนเก่าตัวดี 555555

มาค่ะ ยังไม่จบ หลังจากนั้น ปีสามชั้นก็ใช้ชีวิตไปแบบ โสดๆหน่วงๆ เริ่มหาคนคุยบ้าง 
แอพหาคู่จับคู่มีที่ไหนเล่นให้หมด 55555 
ระหว่างนั้นก็ยังตั้งใจเรียนเหมือนเดิมนะ ไม่แผ่ว 
พอถึงช่วงสอบไฟนอล อีไวรัสที่มีชื่อว่า โคโรน่า ก็มาแจคพอตที่ม.พอดี 
สอบปลายภาคไปได้ 1 วัน ก็มีข่าวลือให้แซดว่า คนที่ม.ไปสอบวิชาที่ตึกรวมมีคนเป็นโควิด โหย  คัดกรองกันให้จ้าละหวั่น
หลังจากวันนั้น คณะก็เปลี่ยนแพลนการสอบอย่างรวดเร็ว สวิชให้เปลี่ยนเป็นสอบออนไลน์ 
ประเด็นคือ ข้อสอบโคตรจะยาก ชนิดที่ว่า ต่อให้เปิดชีทตาม ยังทำไม่ทันเลย แต่ทำอะไรไม่ได้ ก็ล้มลุกคลุกคลานกันไป 

ทีนี้เหลืออยู่วิชานึง อ.ได้เลื่อนไปก่อน แต่ได้แจ้งว่าสอบออนไลน์แน่ๆ 
เพื่อนในสาขาก็เลยทยอยกลับบ้านไป แบบไปทำข้อสอบที่บ้าน เพราะไหนๆก็เหลือวิชาเดียวแล้ว 
เราซึ่งไม่มีพ่อแม่มารับที่ม. ถ้ากลับไปบ้านก็ไม่รู้จะได้กลับมาอีกเมื่อไหร่ แถมไม่รู้ว่าตัวเองติดโควิดไปรึยัง 
แม่มีโรคประจำตัวเยอะ เดี๋ยวเอาไปติด จะยุ่ง เลยตัดสินใจไม่กลับ ก็ไปซื้อมาม่งมาม่า ขนมนมเนยเตรียมไว้กะอยู่ยาว 

แล้วก็ได้อยู่ม.ยาวจริงๆ ตอนนั้นม.เหมือนเมืองร้าง สุดจะเงียบ 
ไอ่เราก็กลัวโควิดมาก ไม่กล้าออกไปไหน อยู่กับตัวเองจนจะเป็นบ้า 
ไปๆมาๆก็คิดว่า กูคิดถูกหรือผิดวะที่อยู่นี่ 55555 แต่ก็ไม่ทันแล้ว 
เลื่อนดูสตอรี่เพื่อน บางคนอยู่บ้านว่างๆก็ไปฝึกทำอาหารทำขนมจนจะบรรลุเป็นเชฟอยู่แล้ว 
บ้างก็ไปเป็นดาวติ้กต่อก บ้างก็นอนเฉยๆ ไอ่เราก็คิดว่า เราต้องหาทำละ อยู่เฉยๆประสาทกินแน่ จังหวะนี้ 555

แล้วความหาทำก็เกิดขึ้น เริ่มจาก...สั่งกีต้าร์มาตัวนึง จากนั้นเปิดยูทูป ดีดตามไปมั่วๆ...มั่วมาก 
บวกกับเราเป็นเด็กสายคำนวณแต้ๆ ซึ่งเป็นคนค่อนข้างยึดระเบียบ แบบแผนจัดๆ ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ตาม 
กีต้าร์ จึงเปรียบดังหนทางคู่ขนาน สกิลดนตรีเราแทบจะเป็นศูนย์ แต่เราก็ยังสู้นะ 55555

ในจังหวะที่กำลังเบื่อเหงา บ้านไม่ได้กลับ ดีดกีต้าร์ไปมั่วๆตามมีตามเกิด ได้เล่นแอพ XXX
เจอโปรไฟล์ผู้ชายคนนึง กดแมชเรามา ในรูปคือดีเลย การแต่งตัวของค่อนข้างจะวินเทจหน่อยๆ 
ในรูปเขาใส่หมวกทรง Bucket สีขาว ใส่ตุ้มหูสีดำใหญ่นิดๆ เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีครีมอ่อน ลายดอกไม้ดอกใหญ่ 
ใส่กางเกงขายาวสีเขียวเข้ม มองเข้าไปในแววตาเจ้าของรูป รู้สึกว่าหน้าเขาดูร้ายๆ แต่ก็คือหล่อ หล่อแบบร้ายๆ 555555 
หุ่นก็ทรงดี ถ่ายกับพื้นหลังที่เป็นสีขาวล้วน...เป็นตึกสถาปัตย์ในม. แน่นอนตึกสีขาวๆแบบนี้ องค์ประกอบภาพกับคนในรูปมันดูเข้ากั้นเข้ากัน 
คนถ่ายรูปให้คือต้องถ่ายรูปเก่งละหนึ่ง สองคือผู้ชายคนนี้ต้องแต่งตัวเป็น ซึ่งมันทัชเรามาก เพราะเราชอบคนแต่งตัวเก่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว 
บวกกับเห็นว่าอยู่ม.เดียวกัน น่าจะพอคุยกันได้แก้เบื่อแหละนะ

เราก็กดแมชกลับไป แต่ไม่ได้คาดหวังอะไร เพราะปกติไม่ได้ทักใครไปก่อน และก็ไม่คิดว่าเขาจะทักมาด้วย 5555 
มันคงเป็นการแมชกันไปงั้นๆแหละ

...

ซักพัก เขาก็ทักมาในแอพนั้นด้วย gif น้องแมวตัวเล็กๆน่ารักวิ่งไปวิ่งมาเหมือนสนใจอะไรบางอย่าง 
เราก็แบบ เอาแล้วทักมาแล้ววุ้ย 55555

เดี๋ยวมาต่อจ้าว...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่